คู่มือการต่อต้านรัฐประหาร แบบสันติวิธีอย่างสร้างสรรค์
ภูมิวัติ นุกิจ กลุ่มรองเท้าแตะ
http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=1295
http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=1295
ประเทศเป็นของประชาชน อำนาจในการปกครองเป็นของประชาชน และอธิปไตยต่างเป็นของประชาชนเช่นกัน การรัฐประหารคือศัตรูของประชาชน เนื่องจากการรัฐประหาร คือการทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้น
เชิง ซึ่งการรัฐประหารก็คือการประหารรัฐนั้นเอง โดยคณะผู้ก่อการทุกคณะต่างไม่เคยเชื่อมั่นในการแก้ไขการเปลี่ยนผ่านวิกฤติทางการเมืองโดยพลังของประชาชนเอง การออกกฏ คำสั่งหรือประกาศต่างๆ ถือเป็นการ
กระทำที่ขัดต่อศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของแต่ละบุคคล และขัดต่อสิทธิความเป็นคนโดยธรรมชาติที่จะหายใจ ที่เคลื่อนไหว ที่จะคิด ที่จะเขียน ที่จะอ่าน หรือที่จะพูดคุยสื่อสารกันอย่างมีอารยะในหมู่ประชาชน
พึงตระหนักเถิดว่าประชาชนคือเจ้าของประเทศผู้เสียภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม ปืนทุกกระบอก รถถังทุกคัน ระเบิดทุกลูก เสื้อผ้าที่คณะเผด็จการผู้ก่อการสวมใส่ หรือบ้านพักและรถประจำตำแหน่งฯลฯล้วนมาจากเงินและหยาดเหงื่อของประชาชน
ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนไม่เคยได้อะไรจากการรัฐประหาร สิ่งที่ได้คือความอดอยาก ความหวาดกลัวและการถูกบังคับให้อยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการของคณะผู้ก่อการทุกยุคทุกสมัย และสิ่งที่ผู้ก่อการพยามทำให้สำเร็จก็คือการโฆษณาชวนเชื่อต่อประชาชน การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง เพื่อมอมเมาประชาชนให้เชื่อ และสิ่งสำคัญที่คณะเผด็จการผู้ก่อการทุกคณะต้องทำคือการสืบทอดอำนาจของตนเอง เพื่อป้องกันการรัฐประหารซ้อน การถูกเอาคืน เนื่องจากหากการทำรัฐประหารผิดพลาดถือว่าเป็นกบฏต่อรัฐ ในความเป็นจริงการรัฐประหารก็คือการเป็นกบฏต่อคนส่วนใหญ่อย่างชัดเจน เพราะเป็นการกระทำของบุคคลหรือคณะเพียงกลุ่มเดียว และการรัฐประหารมันมีปัญหาในตัวของมันเองทั้งในแง่ของเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ฯลฯ เพราะประชาชนคนทุกข์ยากได้เรียนรู้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้คณะบุคคลมากำหนดชีวิตเขาอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญอีกประการที่คณะผู้ทำการรัฐประหารต้องทำ ก็คือแสวงหาผลประโยชน์แบ่งเค้กความสำเร็จกันในหมู่พรรคพวกผู้ก่อการ ดังนั้นประชาชนทั้งหลายย่อมมีสิทธิ ที่จะต่อต้านคณะเผด็จการ ได้ในทุกรูปแบบทั้งโดยสงบ สันติและเปิดเผยดังต่อไปนี้
บัญญัติ 14 ประการคัดค้านรัฐประหาร
ทันทีที่มีการรัฐประหาร ขอให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศพร้อมใจกันดำเนินการดังต่อไปนี้
1. หากหยุดงานได้พร้อมใจกันหยุดงานทั่วประเทศโดยทันที เพื่อเป็นการไม่ให้ความร่วมมือกับคณะเผด็จการผู้ก่อการ
2. ออกมายืนตามท้องถนน ถ้ามีการปราบให้สลายตัวกลับเข้าบ้านหรือที่ทำงาน แล้วจึงออกมาใหม่ หรือให้พยามหลบภัยเข้าไปยังสำนักงานสหประชาชาติ (ประจำประเทศไทย) ให้ได้
3 . จอดรถ หรือนำสิ่งของทิ้งไว้กลางถนน เพื่อขวางการเคลื่อนย้ายกำลังพล และอาวุธของคณะเผด็จการผู้ก่อการ
4 . ปฏิเสธคำสั่ง หรือประกาศใดๆ และไม่ให้ความร่วมมือทุกประการแก่คณะรัฐประหาร
5 . พยายามเป็นมิตรกับทหารที่เป็นลูกหลานของเรา ซึ่งที่เขาไม่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารและชักชวนเขามาร่วมคัดค้านรัฐประหาร
6 . ยึดมั่นในสันติวิธี ผูกผ้าสีเขียวไว้ที่แขนเพื่อความสมานฉันท์ และเป็นสัญลักษณ์ของสันติวิธี ให้อดกลั้นต่อความโกรธ แม้จะถูกยั่วยุและปราบปราม
7 . โทรศัพท์ โทรสาร อีเมล์หรือส่งข้อความ หรือใช้วิธีส่งข่าวอื่นๆเพื่อขยายการคัดค้านรัฐประหารให้กว้างขวางออกไปให้มากที่สุด
8 . คณะผู้ก่อการรัฐประหารเดินทางไปที่ไหนให้ พี่น้องประชาชนที่อยู่ที่นั่น ช่วยกันประณาม โดยการก่นด่าหรือตะโกน เพื่อแสดงออกอย่างชอบธรรมว่าประชาชนไม่ ยอมรับคณะผู้ก่อการ
9. ประณามองค์กรภาคประชาชน สื่อมวลชนหรือองค์กร หน่วยงานต่างๆที่สนับสนุนการรัฐประหาร
10. งด หรือไม่ซื้อสินค้าของกลุ่มทุนที่สนับสนุนการรัฐประหาร
หากมาตรการขั้นแรกไม่ได้ผลให้ดำเนินการต่อไปดังนี้
11. ถอนเงินออกจากธนาคารทุกแห่ง
12.ขายหุ้นที่มีอยู่ออกให้หมด และขายเงินบาทไปซื้อเงินดอลล่าร์มาเก็บไว้
13.ถ้าเป็นข้าราชการ ก็ให้ลาออก หากทำไม่ได้ให้เลี่ยงงานหรือเฉื่อยงาน และช่วยกันส่งข้อมูล ข้อเท็จจริงที่มีอยู่เกี่ยวกับการทำรัฐประหารของคณะผู้ก่อการให้กับประชาชนที่ต่อต้านการรัฐประหาร
14.งดจ่ายภาษี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ
แนวทางเพื่อการต่อต้านรัฐประหาร
การต่อสู้เพื่อต้านรัฐประหารสามารถกำหนดแนวทางต่างๆที่เฉพาะเจาะจง เพื่อเป็นพื้นฐานขั้นต้นของยุทธวิธีต่อต้านรัฐประหารให้มีประสิทธิภาพดังนี้
1.ไม่ยอมรับการรัฐประหารนั้น และประณามผู้นำกลุ่มรัฐประหารว่าไม่มีความถูกต้องชอบธรรม และสมควรได้รับการปฏิเสธหากก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาล การก่นประณามผู้ก่อการนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำที่มีคุณธรรม, ผู้นำทางการเมืองและทางศาสนา,เจ้าหน้าที่รัฐและสมาชิกของสถาบันทางสังคมต่างๆทั้งหมด (อันได้แก่ สถาบันการศึกษา, สื่อมวลชน และการสื่อสาร) รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับชาติ
ท้องถิ่น ภูมิภาค หรือจังหวัด ตลอดจนประชาชนในภาคส่วนต่างๆ
2. ปฏิเสธที่จะกระทำการใดๆ ที่เป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มผู้ก่อการรัฐประหาร ทั้งนี้ รวมไปถึงการไม่พยายามให้ผู้นำทางการเมืองที่ถูกกฎหมายไปเจรจาประนีประนอมกับกลุ่มคนเหล่านี้
3 .ให้ถือว่าคำสั่งและประกาศต่างๆของคณะรัฐประหาร ที่ขัดแย้งกับกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และไม่ต้องให้ความเคารพเชื่อฟัง
4 .พยายามให้การต่อต้านทั้งหมดเป็นไปอย่างสันติวิธี เพื่อทำการต่อต้านรัฐประหารอย่างมีประสิทธิผลสูงที่สุด อย่ากระตุ้นให้เกิดการกระทำอันรุนแรง หรือขาดความรอบคอบสุขุม
5 .ปฏิเสธและไม่เชื่อฟังกลุ่มรัฐประหารไม่ว่าจะกระทำการใดๆ ที่เพื่อสถาปนาตนเองและเข้าควบคุมเครื่องมือของรัฐและสังคม
6 .ไม่ให้ความร่วมมือแก่ผู้ก่อการรัฐประหารทุกๆวิถีทาง ผู้จะดำเนินการเช่นนี้หมายรวมไปถึงประชาชนทั่วไป,ผู้เชี่ยวชาญและข้าราชการทุกคน, ผู้นำทางการเมืองทุกคนของรัฐและพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรค
รัฐบาลชุดก่อน,หน่วยงานกลางและหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง,ทบวง,กรม,กอง ระดับภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กลุ่มสาขาอาชีพและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ, พนักงานทุกคนขององค์กรประเภทสื่อและองค์กรด้านการสื่อสาร,พนักงานทุกคนของระบบขนส่ง, ตำรวจ,ทหารและกรมกองต่างๆในกองทัพ,ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตุลาการทุกคน,พนักงานในสถาบันการเงินทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่และสมาชิกของสถาบันอื่นๆทั้งหมดของสังคม
7.ไม่ยอมรับคำสั่งและระเบียบข้อบังคับของคณะรัฐประหาร แต่ยังคงรักษาหน้าที่ตามปกติของสังคม หากว่าภาระหน้าที่นั้นสอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนเกิดรัฐประหาร รวมไปถึงกฎหมาย และนโยบายของรัฐและสถาบันทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนภาระหน้าที่ของประชาชนดังกล่าวควรจะดำเนินต่อไป จนกระทั่งและตราบเท่าที่ยังไม่ถูกถอดถอนอย่างชัดแจ้งออกจากสถานที่ทำงาน, สำนักงาน และศูนย์กิจกรรม
ต่างๆ แต่ถึงกระนั้นก็ควรพยายามดำเนินหน้าที่ในตำแหน่งอื่นๆต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ ผู้จะทำตามข้อแนะนำนี้หมายรวมเฉพาะเจ้าหน้าที่ และพนักงานของกระทรวง กรม กองและหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล
8 .รักษาหน้าที่ของหน่วยงานด้านการปกครองและหน่วยงานทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย บางครั้งอาจต้องสร้างองค์กรสำรองที่จำเป็นขึ้นมา เพื่อสืบต่อหน้าที่ขององค์กรที่ถูกทำลาย หรือถูกคณะรัฐประหารสั่งปิดไป
9 .ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้ก่อรัฐประหาร และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐประหาร ถ้าจำเป็นก็ให้ถอดป้ายบอกทาง ชื่อถนน สัญญาณการจราจร เลขที่บ้าน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อระงับกิจกรรมของคณะรัฐประหารและปกป้องประชาชนไว้ไม่ให้ถูกจับกุม
10. ไม่ให้วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่คณะผู้ก่อการ ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย
11. “มีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์” ด้วยมิตรภาพกับหน่วยงานต่างๆ และกองกำลังทหารที่รับใช้คณะรัฐประหาร พร้อมๆไปกับการต่อต้านอย่างแข็งขืน อธิบายเหตุผลต่างๆที่จำเป็นต้องต่อต้านรัฐประหารให้พวกเขาทราบ ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อพวกเขา พยายามบั่นทอนความเชื่อมั่น และโน้มน้าวให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต่อต้าน โดยอาจจะเป็นไปในรูปแบบของการจงใจใช้วิธีที่ไม่บังเกิดผลในการปราบปรามประชาชน การส่งผ่านข้อมูลให้แก่ผู้ต่อต้านและอาจถึงขั้นรุนแรง ด้วยการที่เหล่าทหารละทิ้งจากคณะรัฐประหาร และหันมาร่วมต่อสู้เรียกร้องสันติภาพอย่างสันติวิธีกับกลุ่มผู้ต่อต้าน โดยพยายามชักชวนให้เหล่าทหารและหน่วยงานต่างๆที่จำเป็น หันมายึดมั่นในบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายก่อนหน้านี้
12.ปฏิเสธที่จะช่วยคณะรัฐประหารทำการเผยแพร่คำโฆษณาชวนเชื่อ
13 .บันทึกกิจกรรมและการปราบปรามประชาชนของคณะรัฐประหารทั้งในรูปเอกสาร เสียง และแผ่นฟิล์ม พยามยามรักษาหลักฐานเหล่านี้ไว้และแจกจ่ายข้อมูลออกไปอย่างกว้างขวาง ทั้งส่งให้แก่ผู้ต่อต้าน ส่งให้นานาประเทศ สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ และส่งถึงผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหารนั้นด้วย
14 .จัดสัมมนาวิชาการหรือจัดอภิปรายในสถาบันการศึกษา โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเริ่มจากเล็กๆ และขยายไปใหญ่สู่สาธารณะชนในสังคม
15.แจกจ่ายเผยแพร่ ใบปลิว ข้อความที่คัดค้านการรัฐประหาร และความไม่ชอบธรรมของคณะเผด็จการรัฐประหารรวมถึงส่งแฟกซ์ อีเมล์ ข้อความ สติ๊กเกอร์ หรือติดธง หรือสัญลักษณ์ต้านรัฐประหารไว้กับเสารับสัญญาณวิทยุของรถหรือตามสี่แยกไฟแดงต่างๆ
16 .พยามอย่ารวมศูนย์การจัด การอภิปรายต้านรัฐประหารไว้ในที่เดียวกัน หรือที่ใดที่หนึ่ง การจัดอภิปรายต้านรัฐประหารควรเป็นไปอย่างดาวกระจาย กว้างขวางและเกิดขึ้นได้ทุกที่ เพื่อยากต่อการปรามปราบของคณะผู้ก่อการ
17 .ใส่เสื้อหรือสะพายกระเป๋า หรือติดเข็มกลัดที่มีข้อความแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐประหาร ไปในทุกที่ ที่เดินทาง
18 .หากมีเพื่อน หรือญาติพี่น้องอยู่นอกประเทศให้ช่วยกันกระจายข่าวออกไป และให้ช่วยกันต้านรัฐประหารในที่นั้นๆ
19 .ไม่ทำลาย สถานที่ราชการ และช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อนๆที่ต่อต้านรัฐประหารให้สำเร็จ
หยุด!เผด็จการรัฐประหาร อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
*หมายเหตุ : ข้อมูลบางส่วนเรียบเรียงจากหนังสือ “ต้านรัฐประหาร:ยีน ชาร์ป เขียน ,นุชจรีย์ ชลคุป แปล” และอีกบางส่วนมาจากการเข้าร่วมศึกษาและเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มค
ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 มกราคม 2554
เพื่อ เป็นการเตรียมตัวต้านรัฐประหาร พวกเราชาวไทยอีนิวส์
ขอแนะนำหนังสือ คู่มือต้านรัฐประหาร
(Against the Coup: Fundamentals of Effective Defense)
ที่เขียนโดยยีน ชาร์ป นักเขียนและนักยุทธวิธีฝ่ายสันติวิธี
ผู้ก่อตั้งสถาบัน อัลเบิร์ต ไอสไตน์ เล่มนี้
แปลโดยนุชจรีย์ ชลคุป
จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง เมื่อปี 2536
เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่คนไทยจำเป็นต้องอ่านในยามนี้
http://www.aeinstein.org/organizations/org/scannedPDFs/Against%20the%20Coup%20-%20Thai.pdf
ที่มา เว็บไซต์ The Albert Einstein Institution
1.ไม่ ยอมรับการรัฐประหารนั้น และประณามผู้นำกลุ่มรัฐประหารว่าไม่มีความถูกต้องชอบธรรม และสมควรได้รับการปฏิเสธหากก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาล การก่นประณามผู้ก่อการนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำที่มีคุณธรรม, ผู้นำทางการเมืองและทางศาสนา,เจ้าหน้าที่รัฐและสมาชิกของสถาบันทางสังคม ต่างๆทั้งหมด (อันได้แก่ สถาบันการศึกษา, สื่อมวลชน และการสื่อสาร) รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับชาติ ท้องถิ่น ภูมิภาค หรือจังหวัด ตลอดจนประชาชนในภาคส่วนต่างๆ
2. ปฏิเสธที่จะกระทำการใดๆ ที่เป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มผู้ก่อการรัฐประหาร ทั้งนี้ รวมไปถึงการไม่พยายามให้ผู้นำทางการเมืองที่ถูกกฎหมายไปเจรจาประนีประนอมกับ กลุ่มคนเหล่านี้
3 .ให้ถือว่าคำสั่งและประกาศต่างๆของคณะรัฐประหาร ที่ขัดแย้งกับกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และไม่ต้องให้ความเคารพเชื่อฟัง
4 .พยายามให้การต่อต้านทั้งหมดเป็นไปอย่างสันติวิธี เพื่อทำการต่อต้านรัฐประหารอย่างมีประสิทธิผลสูงที่สุด อย่ากระตุ้นให้เกิดการกระทำอันรุนแรง หรือขาดความรอบคอบสุขุม
5 .ปฏิเสธและไม่เชื่อฟังกลุ่มรัฐประหารไม่ว่าจะกระทำการใดๆ ที่เพื่อสถาปนาตนเองและเข้าควบคุมเครื่องมือของรัฐและสังคม
6 .ไม่ให้ความร่วมมือแก่ผู้ก่อการรัฐประหารทุกๆวิถีทาง ผู้จะดำเนินการเช่นนี้หมายรวมไปถึงประชาชนทั่วไป,ผู้เชี่ยวชาญและข้าราชการ ทุกคน, ผู้นำทางการเมืองทุกคนของรัฐและพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรครัฐบาลชุด ก่อน,หน่วยงานกลางและหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง,ทบวง,กรม,กอง ระดับภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กลุ่มสาขาอาชีพและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ, พนักงานทุกคนขององค์กรประเภทสื่อและองค์กรด้านการสื่อสาร,พนักงานทุกคนของ ระบบขนส่ง, ตำรวจ,ทหารและกรมกองต่างๆในกองทัพ,ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตุลาการทุกคน, พนักงานในสถาบันการเงินทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่และสมาชิกของสถาบันอื่นๆทั้งหมดของสังคม
7.ไม่ ยอมรับคำสั่งและระเบียบข้อบังคับของคณะรัฐประหาร แต่ยังคงรักษาหน้าที่ตามปกติของสังคม หากว่าภาระหน้าที่นั้นสอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนเกิด รัฐประหาร รวมไปถึงกฎหมาย และนโยบายของรัฐและสถาบันทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนภาระหน้าที่ของประชาชนดังกล่าวควรจะดำเนินต่อไป จนกระทั่ง และ ตราบเท่าที่ยังไม่ถูกถอดถอนอย่างชัดแจ้งออกจากสถานที่ทำงาน, สำนักงาน และศูนย์กิจกรรมต่างๆ แต่ถึงกระนั้นก็ควรพยายามดำเนินหน้าที่ในตำแหน่งอื่นๆต่อไปให้นานที่สุดเท่า ที่จะทำได้ ทั้งนี้ ผู้จะทำตามข้อแนะนำนี้หมายรวมเฉพาะเจ้าหน้าที่ และพนักงานของกระทรวง กรม กองและหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล
8 .รักษาหน้าที่ของหน่วยงานด้านการปกครองและหน่วยงานทางสังคมที่ถูกต้องตาม กฎหมาย บางครั้งอาจต้องสร้างองค์กรสำรองที่จำเป็นขึ้นมา เพื่อสืบต่อหน้าที่ขององค์กรที่ถูกทำลาย หรือถูกคณะรัฐประหารสั่งปิดไป
9 .ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้ก่อรัฐประหาร และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐประหาร ถ้าจำเป็นก็ให้ถอดป้ายบอกทาง ชื่อถนน สัญญาณการจราจร เลขที่บ้าน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อระงับกิจกรรมของคณะรัฐประหารและปกป้องประชาชนไว้ไม่ให้ถูก จับกุม
10. ไม่ให้วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่คณะผู้ก่อการ ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย
11. “มีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์” ด้วยมิตรภาพกับหน่วยงานต่างๆ และกองกำลังทหารที่รับใช้คณะรัฐประหาร พร้อมๆไปกับการต่อต้านอย่างแข็งขืน อธิบายเหตุผลต่างๆที่จำเป็นต้องต่อต้านรัฐประหารให้พวกเขาทราบ ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อพวกเขา พยายามบั่นทอนความเชื่อมั่น และโน้มน้าวให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต่อต้าน โดยอาจจะเป็นไปในรูปแบบของการจงใจใช้วิธีที่ไม่บังเกิดผลในการปราบปราม ประชาชน การส่งผ่านข้อมูลให้แก่ผู้ต่อต้านและอาจถึงขั้นรุนแรง ด้วยการที่เหล่าทหารละทิ้งจากคณะรัฐประหาร และหันมาร่วมต่อสู้เรียกร้องสันติภาพอย่างสันติวิธีกับกลุ่มผู้ต่อต้าน โดยพยายามชักชวนให้เหล่าทหารและหน่วยงานต่างๆที่จำเป็น หันมายึดมั่นในบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายก่อนหน้านี้
12.ปฏิเสธที่จะช่วยคณะรัฐประหารทำการเผยแพร่คำโฆษณาชวนเชื่อ
13 .บันทึกกิจกรรมและการปราบปรามประชาชนของคณะรัฐประหารทั้งในรูปเอกสาร เสียง และแผ่นฟิล์ม พยามยามรักษาหลักฐานเหล่านี้ไว้และแจกจ่ายข้อมูลออกไปอย่างกว้างขวาง ทั้งส่งให้แก่ผู้ต่อต้าน ส่งให้นานาประเทศ สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ และส่งถึงผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหารนั้นด้วย
14 .จัดสัมมนาวิชาการหรือจัดอภิปรายในสถาบันการศึกษา โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเริ่มจากเล็กๆ และขยายไปใหญ่สู่สาธารณะชนในสังคม
15.แจกจ่ายเผยแพร่ ใบปลิว ข้อความที่คัดค้านการรัฐประหาร และความไม่ชอบธรรมของคณะเผด็จการรัฐประหารรวมถึงส่งแฟกซ์ อีเมล์ ข้อความ สติ๊กเกอร์ หรือติดธง หรือสัญลักษณ์ต้านรัฐประหารไว้กับเสารับสัญญาณวิทยุของรถหรือตามสี่แยกไฟแดง ต่างๆ
16 .พยายาม อย่ารวมศูนย์การจัด การอภิปรายต้านรัฐประหารไว้ในที่เดียวกัน หรือที่ใดที่หนึ่ง การจัดอภิปรายต้านรัฐประหารควรเป็นไปอย่างดาวกระจาย กว้างขวางและเกิดขึ้นได้ทุกที่ เพื่อยากต่อการปรามปราบของคณะผู้ก่อการ
17 .ใส่เสื้อหรือสะพายกระเป๋า หรือติดเข็มกลัดที่มีข้อความแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐประหาร ไปในทุกที่ ที่เดินทาง
18 .หากมีเพื่อน หรือญาติพี่น้องอยู่นอกประเทศให้ช่วยกันกระจายข่าวออกไป และให้ช่วยกันต้านรัฐประหารในที่นั้นๆ
19 .อย่าทำลาย สถานที่ราชการ และช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อนๆที่ต่อต้านรัฐประหารให้สำเร็จ
(ข้อมูลบางส่วนเรียบเรียงจากหนังสือ “ต้านรัฐประหาร:ยีน ชาร์ป เขียน ,นุชจรีย์ ชลคุป แปล และบทความของ ภูมิวัฒน์ นุกิจ )
No comments:
Post a Comment