Saturday, December 3, 2016

อกอีแป้นจะแตก ++++ นิด้าโพลเผยคนเกือบครึ่งไม่เคยอ่าน-รับรู้เนื้อหาร่างรธน.

-
นิด้าโพลเผยคนเกือบครึ่งไม่เคยอ่าน-รับรู้เนื้อหาร่างรธน.

-
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ และคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 2,299 คน เรื่อง"ชีวิตคนไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่"ระหว่างวันที่ 26-30 พ.ย. โดยจากการสำรวจเมือถามถึงการรับรู้ข้อมูลของประชาชนเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านการทำประชามติ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ส่วนร้อยละ 42.37 ระบุว่าไม่เคยอ่านและไม่เคยรับรู้ ขณะที่ร้อยละ 20.10 ระบุว่าเคยอ่านและเคยได้รับรู้ข้อมูลเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อถามความเห็นต่อสิทธิ เสรีภาพของคนไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 50.04 ระบุว่า สิทธิ เสรีภาพของคนไทยจะดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 31.40 ระบุว่าสิทธิ เสรีภาพของคนไทยจะเหมือนเดิม
-

นอกจากนี้ความเห็นของประชาชนต่อความสุจริตและความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่พบว่าร้อยละ 45.20 ระบุว่าความสุจริตและความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งจะมีมากขึ้น รองลงมาร้อยละ 37.57 ระบุว่าการเลือกตั้งจะเหมือนเดิม เมื่อถามถึงความเห็นประชาชนต่อพฤติกรรมของนักการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.05 ระบุว่า เราจะได้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 33.78 ระบุว่าเราจะได้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมเหมือนเดิม ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเห็นประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต ร้อยละ 51.31 ระบุว่า ประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่ดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต ขณะที่ร้อยละ 27.75 ระบุว่าประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่ไม่ดีขึ้นและไม่แย่กว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต
-

แหล่งที่มา โลกวันนี้
-

ห้องข่าวเสรีไทย
80FCA648-CF4E-4645-AA59-D43BC96BC859

อกอีแป้นจะแตก ++++ นิด้าโพลเผยคนเกือบครึ่งไม่เคยอ่าน-รับรู้เนื้อหาร่างรธน.

-
นิด้าโพลเผยคนเกือบครึ่งไม่เคยอ่าน-รับรู้เนื้อหาร่างรธน.

-
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ และคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 2,299 คน เรื่อง"ชีวิตคนไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่"ระหว่างวันที่ 26-30 พ.ย. โดยจากการสำรวจเมือถามถึงการรับรู้ข้อมูลของประชาชนเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านการทำประชามติ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ส่วนร้อยละ 42.37 ระบุว่าไม่เคยอ่านและไม่เคยรับรู้ ขณะที่ร้อยละ 20.10 ระบุว่าเคยอ่านและเคยได้รับรู้ข้อมูลเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อถามความเห็นต่อสิทธิ เสรีภาพของคนไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 50.04 ระบุว่า สิทธิ เสรีภาพของคนไทยจะดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 31.40 ระบุว่าสิทธิ เสรีภาพของคนไทยจะเหมือนเดิม
-

นอกจากนี้ความเห็นของประชาชนต่อความสุจริตและความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่พบว่าร้อยละ 45.20 ระบุว่าความสุจริตและความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งจะมีมากขึ้น รองลงมาร้อยละ 37.57 ระบุว่าการเลือกตั้งจะเหมือนเดิม เมื่อถามถึงความเห็นประชาชนต่อพฤติกรรมของนักการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.05 ระบุว่า เราจะได้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 33.78 ระบุว่าเราจะได้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมเหมือนเดิม ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเห็นประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต ร้อยละ 51.31 ระบุว่า ประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่ดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต ขณะที่ร้อยละ 27.75 ระบุว่าประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่ไม่ดีขึ้นและไม่แย่กว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต
-

แหล่งที่มา โลกวันนี้
-

ห้องข่าวเสรีไทย
80FCA648-CF4E-4645-AA59-D43BC96BC859

อกอีแป้นจะแตก ++++ นิด้าโพลเผยคนเกือบครึ่งไม่เคยอ่าน-รับรู้เนื้อหาร่างรธน.

-
นิด้าโพลเผยคนเกือบครึ่งไม่เคยอ่าน-รับรู้เนื้อหาร่างรธน.

-
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ และคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 2,299 คน เรื่อง"ชีวิตคนไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่"ระหว่างวันที่ 26-30 พ.ย. โดยจากการสำรวจเมือถามถึงการรับรู้ข้อมูลของประชาชนเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านการทำประชามติ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ส่วนร้อยละ 42.37 ระบุว่าไม่เคยอ่านและไม่เคยรับรู้ ขณะที่ร้อยละ 20.10 ระบุว่าเคยอ่านและเคยได้รับรู้ข้อมูลเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อถามความเห็นต่อสิทธิ เสรีภาพของคนไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 50.04 ระบุว่า สิทธิ เสรีภาพของคนไทยจะดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 31.40 ระบุว่าสิทธิ เสรีภาพของคนไทยจะเหมือนเดิม
-

นอกจากนี้ความเห็นของประชาชนต่อความสุจริตและความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่พบว่าร้อยละ 45.20 ระบุว่าความสุจริตและความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งจะมีมากขึ้น รองลงมาร้อยละ 37.57 ระบุว่าการเลือกตั้งจะเหมือนเดิม เมื่อถามถึงความเห็นประชาชนต่อพฤติกรรมของนักการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.05 ระบุว่า เราจะได้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 33.78 ระบุว่าเราจะได้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมเหมือนเดิม ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเห็นประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต ร้อยละ 51.31 ระบุว่า ประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่ดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต ขณะที่ร้อยละ 27.75 ระบุว่าประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่ไม่ดีขึ้นและไม่แย่กว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต
-

แหล่งที่มา โลกวันนี้
-

ห้องข่าวเสรีไทย
80FCA648-CF4E-4645-AA59-D43BC96BC859

บทความที่ทำให้ไผ่ ดาวดิน ถูกจับ ... มันจะบ้าไปแล้ว+++

พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย
2 ธันวาคม 2016

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย พระนามวชิราลงกรณมีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรนิลจินดา หรืออสนีบาต" ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 ทรงเป็นพระราชบุตรพระองค์ที่สอง และเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียว ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงขึ้นครองราชย์โดยมิได้คาดหมายเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านั้น
หลังจากประเทศไทยตกอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์มานานหลายทศวรรษ การประสูติขององค์รัชทายาทชายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสถาบันกษัตริย์ไทย โดยเฉพาะในยามที่ลำดับชั้นผู้กุมอำนาจทางการเมืองของไทยมีความไม่ชัดเจน หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี พ.ศ.2475 ตามด้วยการสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในปี พ.ศ. 2478 และตามด้วยช่วงเวลาที่ไทยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นานถึง 11 ปี
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงสำเร็จการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา และเมื่อพระชนมายุ 13 พรรษาได้เสด็จ ฯ ไปทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเอกชน 2 แห่งในประเทศอังกฤษเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อจนจบระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แล้วทรงเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน ในกรุงแคนเบอร์รา เป็นเวลา 4 ปี
ครั้งหนึ่ง พระองค์เคยตรัสว่า ทรงประสบปัญหาในการเรียน อันเป็นผลมาจากการได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม นอกจากนี้ยังทรงมีผลการเรียนไม่ดีนักขณะทรงศึกษาที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงได้รับการศึกษาด้านการทหารขั้นสูงในประเทศไทย สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ทรงเข้ารับราชการในกองทัพไทย ทั้งยังทรงเป็นนักบินขับไล่และนักบินพลเรือน พระองค์มักทรงขับเครื่องบินโบอิ้ง 737 ด้วยพระองค์เองเวลาเสด็จ ฯ เยือนต่างประเทศ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ. 2515 แต่ขณะนั้นได้เกิดข้อกังขาถึงความเหมาะสมของพระองค์
พระองค์มิได้แสดงความสนพระทัยในโครงการพัฒนาประเทศต่าง ๆ ของพระราชบิดาดังเช่นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระขนิษฐา ทั้งยังทรงตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับสตรี การพนัน และธุรกิจผิดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.2524 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เคยตรัสเป็นนัยว่าพระราชโอรสของพระองค์ทรงคล้ายกับ "ดอน ฮวน" ที่ทรงโปรดการใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์กับเหล่าหญิงงามมากกว่าการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
ในการพระราชทานสัมภาษณ์กับสื่อไทยเมื่อปี 2535 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิเสธข่าวลือเรื่องที่พระองค์เกี่ยวข้องกับบรรดาผู้มีอิทธิพล รวมทั้งข่าวลือเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.2520 พระองค์อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และทรงมีพระธิดาด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งประสูติในปี พ.ศ. 2521 แต่ในช่วงเดียวกันนั้นเองมีกระแสข่าวว่าพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์กับดาราสาว สุจาริณี วิวัชรวงศ์ (นามเดิม ยุวธิดา ผลประเสริฐ) มีพระโอรสและพระธิดารวม 5 พระองค์ ระหว่างปี พ.ศ.2522-2530 พระองค์อภิเษกสมรสกับหม่อมสุจาริณี ในปี พ.ศ. 2537 ทว่า ในปี พ.ศ. 2539 ได้ทรงประกาศหย่าขาดจากหม่อมสุจาริณี และถอดถอนฐานันดรศักดิ์พระโอรสทั้ง 4 พระองค์ ซึ่งขณะนั้น กำลังศึกษาในสหราชอาณาจักร
ในปี พ.ศ. 2544 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา และมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2548
ในปี พ.ศ. 2557 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ถูกถอดถอนออกจากฐานันดรศักดิ์ มาเป็นท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ขณะเดียวกันบิดามารดาและญาติของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์จำนวน 9 คน ถูกจับกุมในความผิดตามมาตรา 112 ฐานแอบอ้างเบื้องสูง ส่วนตำรวจนายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ได้เสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว
นอกจากนี้ ข้อกล่าวหาฐานแอบอ้างเบื้องสูงได้ถูกใช้กับบุคคลใกล้ชิดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อีกหลายคน อาทิ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง และตำรวจอีกนายหนึ่งที่ถูกจับกุมในคดี มาตรา112 เมื่อปีก่อนและเสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว ขณะเดียวกันองครักษ์ส่วนพระองค์คนหนึ่งได้ถูกถอดยศในความผิดฐาน "ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัณฑูร" และ "เป็นภัยต่อราชวงศ์โดยการหาผลประโยชน์ส่วนตัว" ซึ่งต่อมาองครักษ์ส่วนพระองค์ผู้นี้ได้หายตัวไปและเชื่อว่าอาจเสียชีวิตแล้ว
ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงใช้ชีวิตร่วมกับพลโทหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา อดีตพนักงานต้อนรับสายการบินไทย ซึ่งได้รับพระราชยศนายทหารปฏิบัติการพิเศษสำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเคยพระราชทานยศ "พลอากาศเอก" ประจำกองทัพอากาศไทยให้แก่ "ฟูฟู" สุนัขพูเดิลทรงเลี้ยงด้วย
บทลงโทษที่รุนแรงของกฎหมาย มาตรา 112 ส่งผลให้ในประเทศไทยไม่มีผู้ใดกล้าอภิปรายอย่างเปิดเผยถึงเรื่องความเหมาะสมของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะกษัตริย์พระองค์ใหม่ ทว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มักพูดคุยกันอย่างลับ ๆ ถึงความเป็นไปได้ที่ตำแหน่งพระประมุขของไทยจะตกเป็นของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงได้รับความนิยมจากประชาชนและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนมากกว่า อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ที่เปิดทางให้ผู้หญิงสามารถสืบราชสันตติวงศ์ได้ หากไม่มีองค์รัชทายาทผู้ชาย อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ทรงมีพระราชประสงค์ให้ผู้อื่นสืบราชสมบัตินอกจากพระราชโอรสของพระองค์
ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระพลานามัยทรุดลง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชน และประกอบพระราชกรณียกิจแทนพระราชบิดาบ่อยขึ้น
ในอดีตมีข่าวลือว่าพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์ด้านธุรกิจกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกมองว่าเป็นภัยต่อกลุ่มอำมาตย์ที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์
แต่หลังจากเหตุรัฐประหารในปี 2557 ที่ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐบาลทหารชุดใหม่ก็ดูจะให้การสนับสนุนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อให้พระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระราชบิดา ด้วยการจัดกิจกรรม Bike for Dad หรือปั่นเพื่อพ่อ เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ที่เป็นกันเองของว่าที่กษัตริย์พระองค์ใหม่
เป็นการยากที่จะคาดเดาได้ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะทรงเป็นกษัตริย์แบบใด แม้จะทรงเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแต่พระองค์ยังคงมีพระราชอำนาจอย่างมาก และคงไม่มีผู้ใดจะกล้าปฏิเสธพระราชประสงค์หรือพระราชโองการของพระองค์
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยทรัพย์สินราว 30,000-40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีรายได้ต่อปีซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังทรงบัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ ที่มีกำลังพลราว 5,000 นาย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์ไทยชี้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงไม่น่าจะมีพระบารมีและเป็นที่เคารพสักการะเท่าพระราชบิดา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง มิใช่สิ่งที่ทรงรับสืบทอดจากพระราชบิดา และการที่ทรงราชย์ขณะมีพระชนมพรรษาถึง 64 พรรษาแล้ว พระองค์คงมีเวลาในการสั่งสมพระบารมีไม่ยาวนานนัก
จากนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญในการจัดพระราชพิธีพระบรมศพของพระราชบิดา ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะช่วยเสริมบทบาทของพระองค์ ขณะเดียวกันพระองค์ยังคงสามารถพึ่งพาความจงรักภักดีที่พสกนิกรมีให้ต่อพระราชบิดาของพระองค์ ในการค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันหลักของสังคมไทย

เครดิต BBC Thai

บทความที่ทำให้ไผ่ ดาวดิน ถูกจับ ... มันจะบ้าไปแล้ว+++

พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย
2 ธันวาคม 2016

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย พระนามวชิราลงกรณมีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรนิลจินดา หรืออสนีบาต" ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 ทรงเป็นพระราชบุตรพระองค์ที่สอง และเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียว ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงขึ้นครองราชย์โดยมิได้คาดหมายเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านั้น
หลังจากประเทศไทยตกอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์มานานหลายทศวรรษ การประสูติขององค์รัชทายาทชายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสถาบันกษัตริย์ไทย โดยเฉพาะในยามที่ลำดับชั้นผู้กุมอำนาจทางการเมืองของไทยมีความไม่ชัดเจน หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี พ.ศ.2475 ตามด้วยการสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในปี พ.ศ. 2478 และตามด้วยช่วงเวลาที่ไทยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นานถึง 11 ปี
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงสำเร็จการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา และเมื่อพระชนมายุ 13 พรรษาได้เสด็จ ฯ ไปทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเอกชน 2 แห่งในประเทศอังกฤษเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อจนจบระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แล้วทรงเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน ในกรุงแคนเบอร์รา เป็นเวลา 4 ปี
ครั้งหนึ่ง พระองค์เคยตรัสว่า ทรงประสบปัญหาในการเรียน อันเป็นผลมาจากการได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม นอกจากนี้ยังทรงมีผลการเรียนไม่ดีนักขณะทรงศึกษาที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงได้รับการศึกษาด้านการทหารขั้นสูงในประเทศไทย สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ทรงเข้ารับราชการในกองทัพไทย ทั้งยังทรงเป็นนักบินขับไล่และนักบินพลเรือน พระองค์มักทรงขับเครื่องบินโบอิ้ง 737 ด้วยพระองค์เองเวลาเสด็จ ฯ เยือนต่างประเทศ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ. 2515 แต่ขณะนั้นได้เกิดข้อกังขาถึงความเหมาะสมของพระองค์
พระองค์มิได้แสดงความสนพระทัยในโครงการพัฒนาประเทศต่าง ๆ ของพระราชบิดาดังเช่นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระขนิษฐา ทั้งยังทรงตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับสตรี การพนัน และธุรกิจผิดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.2524 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เคยตรัสเป็นนัยว่าพระราชโอรสของพระองค์ทรงคล้ายกับ "ดอน ฮวน" ที่ทรงโปรดการใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์กับเหล่าหญิงงามมากกว่าการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
ในการพระราชทานสัมภาษณ์กับสื่อไทยเมื่อปี 2535 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิเสธข่าวลือเรื่องที่พระองค์เกี่ยวข้องกับบรรดาผู้มีอิทธิพล รวมทั้งข่าวลือเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.2520 พระองค์อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และทรงมีพระธิดาด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งประสูติในปี พ.ศ. 2521 แต่ในช่วงเดียวกันนั้นเองมีกระแสข่าวว่าพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์กับดาราสาว สุจาริณี วิวัชรวงศ์ (นามเดิม ยุวธิดา ผลประเสริฐ) มีพระโอรสและพระธิดารวม 5 พระองค์ ระหว่างปี พ.ศ.2522-2530 พระองค์อภิเษกสมรสกับหม่อมสุจาริณี ในปี พ.ศ. 2537 ทว่า ในปี พ.ศ. 2539 ได้ทรงประกาศหย่าขาดจากหม่อมสุจาริณี และถอดถอนฐานันดรศักดิ์พระโอรสทั้ง 4 พระองค์ ซึ่งขณะนั้น กำลังศึกษาในสหราชอาณาจักร
ในปี พ.ศ. 2544 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา และมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2548
ในปี พ.ศ. 2557 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ถูกถอดถอนออกจากฐานันดรศักดิ์ มาเป็นท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ขณะเดียวกันบิดามารดาและญาติของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์จำนวน 9 คน ถูกจับกุมในความผิดตามมาตรา 112 ฐานแอบอ้างเบื้องสูง ส่วนตำรวจนายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ได้เสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว
นอกจากนี้ ข้อกล่าวหาฐานแอบอ้างเบื้องสูงได้ถูกใช้กับบุคคลใกล้ชิดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อีกหลายคน อาทิ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง และตำรวจอีกนายหนึ่งที่ถูกจับกุมในคดี มาตรา112 เมื่อปีก่อนและเสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว ขณะเดียวกันองครักษ์ส่วนพระองค์คนหนึ่งได้ถูกถอดยศในความผิดฐาน "ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัณฑูร" และ "เป็นภัยต่อราชวงศ์โดยการหาผลประโยชน์ส่วนตัว" ซึ่งต่อมาองครักษ์ส่วนพระองค์ผู้นี้ได้หายตัวไปและเชื่อว่าอาจเสียชีวิตแล้ว
ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงใช้ชีวิตร่วมกับพลโทหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา อดีตพนักงานต้อนรับสายการบินไทย ซึ่งได้รับพระราชยศนายทหารปฏิบัติการพิเศษสำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเคยพระราชทานยศ "พลอากาศเอก" ประจำกองทัพอากาศไทยให้แก่ "ฟูฟู" สุนัขพูเดิลทรงเลี้ยงด้วย
บทลงโทษที่รุนแรงของกฎหมาย มาตรา 112 ส่งผลให้ในประเทศไทยไม่มีผู้ใดกล้าอภิปรายอย่างเปิดเผยถึงเรื่องความเหมาะสมของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะกษัตริย์พระองค์ใหม่ ทว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มักพูดคุยกันอย่างลับ ๆ ถึงความเป็นไปได้ที่ตำแหน่งพระประมุขของไทยจะตกเป็นของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงได้รับความนิยมจากประชาชนและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนมากกว่า อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ที่เปิดทางให้ผู้หญิงสามารถสืบราชสันตติวงศ์ได้ หากไม่มีองค์รัชทายาทผู้ชาย อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ทรงมีพระราชประสงค์ให้ผู้อื่นสืบราชสมบัตินอกจากพระราชโอรสของพระองค์
ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระพลานามัยทรุดลง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชน และประกอบพระราชกรณียกิจแทนพระราชบิดาบ่อยขึ้น
ในอดีตมีข่าวลือว่าพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์ด้านธุรกิจกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกมองว่าเป็นภัยต่อกลุ่มอำมาตย์ที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์
แต่หลังจากเหตุรัฐประหารในปี 2557 ที่ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐบาลทหารชุดใหม่ก็ดูจะให้การสนับสนุนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อให้พระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระราชบิดา ด้วยการจัดกิจกรรม Bike for Dad หรือปั่นเพื่อพ่อ เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ที่เป็นกันเองของว่าที่กษัตริย์พระองค์ใหม่
เป็นการยากที่จะคาดเดาได้ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะทรงเป็นกษัตริย์แบบใด แม้จะทรงเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแต่พระองค์ยังคงมีพระราชอำนาจอย่างมาก และคงไม่มีผู้ใดจะกล้าปฏิเสธพระราชประสงค์หรือพระราชโองการของพระองค์
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยทรัพย์สินราว 30,000-40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีรายได้ต่อปีซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังทรงบัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ ที่มีกำลังพลราว 5,000 นาย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์ไทยชี้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงไม่น่าจะมีพระบารมีและเป็นที่เคารพสักการะเท่าพระราชบิดา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง มิใช่สิ่งที่ทรงรับสืบทอดจากพระราชบิดา และการที่ทรงราชย์ขณะมีพระชนมพรรษาถึง 64 พรรษาแล้ว พระองค์คงมีเวลาในการสั่งสมพระบารมีไม่ยาวนานนัก
จากนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญในการจัดพระราชพิธีพระบรมศพของพระราชบิดา ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะช่วยเสริมบทบาทของพระองค์ ขณะเดียวกันพระองค์ยังคงสามารถพึ่งพาความจงรักภักดีที่พสกนิกรมีให้ต่อพระราชบิดาของพระองค์ ในการค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันหลักของสังคมไทย

เครดิต BBC Thai

บทความที่ทำให้ไผ่ ดาวดิน ถูกจับ ... มันจะบ้าไปแล้ว+++

พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย
2 ธันวาคม 2016

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย พระนามวชิราลงกรณมีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรนิลจินดา หรืออสนีบาต" ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 ทรงเป็นพระราชบุตรพระองค์ที่สอง และเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียว ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงขึ้นครองราชย์โดยมิได้คาดหมายเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านั้น
หลังจากประเทศไทยตกอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์มานานหลายทศวรรษ การประสูติขององค์รัชทายาทชายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสถาบันกษัตริย์ไทย โดยเฉพาะในยามที่ลำดับชั้นผู้กุมอำนาจทางการเมืองของไทยมีความไม่ชัดเจน หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี พ.ศ.2475 ตามด้วยการสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในปี พ.ศ. 2478 และตามด้วยช่วงเวลาที่ไทยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นานถึง 11 ปี
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงสำเร็จการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา และเมื่อพระชนมายุ 13 พรรษาได้เสด็จ ฯ ไปทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเอกชน 2 แห่งในประเทศอังกฤษเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อจนจบระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แล้วทรงเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน ในกรุงแคนเบอร์รา เป็นเวลา 4 ปี
ครั้งหนึ่ง พระองค์เคยตรัสว่า ทรงประสบปัญหาในการเรียน อันเป็นผลมาจากการได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม นอกจากนี้ยังทรงมีผลการเรียนไม่ดีนักขณะทรงศึกษาที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงได้รับการศึกษาด้านการทหารขั้นสูงในประเทศไทย สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ทรงเข้ารับราชการในกองทัพไทย ทั้งยังทรงเป็นนักบินขับไล่และนักบินพลเรือน พระองค์มักทรงขับเครื่องบินโบอิ้ง 737 ด้วยพระองค์เองเวลาเสด็จ ฯ เยือนต่างประเทศ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ. 2515 แต่ขณะนั้นได้เกิดข้อกังขาถึงความเหมาะสมของพระองค์
พระองค์มิได้แสดงความสนพระทัยในโครงการพัฒนาประเทศต่าง ๆ ของพระราชบิดาดังเช่นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระขนิษฐา ทั้งยังทรงตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับสตรี การพนัน และธุรกิจผิดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.2524 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เคยตรัสเป็นนัยว่าพระราชโอรสของพระองค์ทรงคล้ายกับ "ดอน ฮวน" ที่ทรงโปรดการใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์กับเหล่าหญิงงามมากกว่าการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
ในการพระราชทานสัมภาษณ์กับสื่อไทยเมื่อปี 2535 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิเสธข่าวลือเรื่องที่พระองค์เกี่ยวข้องกับบรรดาผู้มีอิทธิพล รวมทั้งข่าวลือเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.2520 พระองค์อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และทรงมีพระธิดาด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งประสูติในปี พ.ศ. 2521 แต่ในช่วงเดียวกันนั้นเองมีกระแสข่าวว่าพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์กับดาราสาว สุจาริณี วิวัชรวงศ์ (นามเดิม ยุวธิดา ผลประเสริฐ) มีพระโอรสและพระธิดารวม 5 พระองค์ ระหว่างปี พ.ศ.2522-2530 พระองค์อภิเษกสมรสกับหม่อมสุจาริณี ในปี พ.ศ. 2537 ทว่า ในปี พ.ศ. 2539 ได้ทรงประกาศหย่าขาดจากหม่อมสุจาริณี และถอดถอนฐานันดรศักดิ์พระโอรสทั้ง 4 พระองค์ ซึ่งขณะนั้น กำลังศึกษาในสหราชอาณาจักร
ในปี พ.ศ. 2544 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา และมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2548
ในปี พ.ศ. 2557 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ถูกถอดถอนออกจากฐานันดรศักดิ์ มาเป็นท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ขณะเดียวกันบิดามารดาและญาติของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์จำนวน 9 คน ถูกจับกุมในความผิดตามมาตรา 112 ฐานแอบอ้างเบื้องสูง ส่วนตำรวจนายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ได้เสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว
นอกจากนี้ ข้อกล่าวหาฐานแอบอ้างเบื้องสูงได้ถูกใช้กับบุคคลใกล้ชิดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อีกหลายคน อาทิ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง และตำรวจอีกนายหนึ่งที่ถูกจับกุมในคดี มาตรา112 เมื่อปีก่อนและเสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว ขณะเดียวกันองครักษ์ส่วนพระองค์คนหนึ่งได้ถูกถอดยศในความผิดฐาน "ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัณฑูร" และ "เป็นภัยต่อราชวงศ์โดยการหาผลประโยชน์ส่วนตัว" ซึ่งต่อมาองครักษ์ส่วนพระองค์ผู้นี้ได้หายตัวไปและเชื่อว่าอาจเสียชีวิตแล้ว
ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงใช้ชีวิตร่วมกับพลโทหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา อดีตพนักงานต้อนรับสายการบินไทย ซึ่งได้รับพระราชยศนายทหารปฏิบัติการพิเศษสำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเคยพระราชทานยศ "พลอากาศเอก" ประจำกองทัพอากาศไทยให้แก่ "ฟูฟู" สุนัขพูเดิลทรงเลี้ยงด้วย
บทลงโทษที่รุนแรงของกฎหมาย มาตรา 112 ส่งผลให้ในประเทศไทยไม่มีผู้ใดกล้าอภิปรายอย่างเปิดเผยถึงเรื่องความเหมาะสมของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะกษัตริย์พระองค์ใหม่ ทว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มักพูดคุยกันอย่างลับ ๆ ถึงความเป็นไปได้ที่ตำแหน่งพระประมุขของไทยจะตกเป็นของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงได้รับความนิยมจากประชาชนและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนมากกว่า อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ที่เปิดทางให้ผู้หญิงสามารถสืบราชสันตติวงศ์ได้ หากไม่มีองค์รัชทายาทผู้ชาย อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ทรงมีพระราชประสงค์ให้ผู้อื่นสืบราชสมบัตินอกจากพระราชโอรสของพระองค์
ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระพลานามัยทรุดลง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชน และประกอบพระราชกรณียกิจแทนพระราชบิดาบ่อยขึ้น
ในอดีตมีข่าวลือว่าพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์ด้านธุรกิจกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกมองว่าเป็นภัยต่อกลุ่มอำมาตย์ที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์
แต่หลังจากเหตุรัฐประหารในปี 2557 ที่ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐบาลทหารชุดใหม่ก็ดูจะให้การสนับสนุนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อให้พระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระราชบิดา ด้วยการจัดกิจกรรม Bike for Dad หรือปั่นเพื่อพ่อ เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ที่เป็นกันเองของว่าที่กษัตริย์พระองค์ใหม่
เป็นการยากที่จะคาดเดาได้ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะทรงเป็นกษัตริย์แบบใด แม้จะทรงเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแต่พระองค์ยังคงมีพระราชอำนาจอย่างมาก และคงไม่มีผู้ใดจะกล้าปฏิเสธพระราชประสงค์หรือพระราชโองการของพระองค์
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยทรัพย์สินราว 30,000-40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีรายได้ต่อปีซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังทรงบัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ ที่มีกำลังพลราว 5,000 นาย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์ไทยชี้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงไม่น่าจะมีพระบารมีและเป็นที่เคารพสักการะเท่าพระราชบิดา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง มิใช่สิ่งที่ทรงรับสืบทอดจากพระราชบิดา และการที่ทรงราชย์ขณะมีพระชนมพรรษาถึง 64 พรรษาแล้ว พระองค์คงมีเวลาในการสั่งสมพระบารมีไม่ยาวนานนัก
จากนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญในการจัดพระราชพิธีพระบรมศพของพระราชบิดา ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะช่วยเสริมบทบาทของพระองค์ ขณะเดียวกันพระองค์ยังคงสามารถพึ่งพาความจงรักภักดีที่พสกนิกรมีให้ต่อพระราชบิดาของพระองค์ ในการค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันหลักของสังคมไทย

เครดิต BBC Thai

Friday, December 2, 2016

จังหวัดใหม่ มาอีก 6 รู้หรือยัง รวมทั้งหมด 83 จังหวัดในประเทศไทย

จังหวัดใหม่ มาอีก.6.รู้หรือยัง
 รวมทั้งหมด 83 จังหวัดในประเทศไทย
จัดตั้งจังหวัดใหม่อีก 6 จังหวัด
 เพิ่มผู้บริหารอีก 6 ละครับ และตำแหน่งต่างๆตามหน่วยงาน
✔️1. จังหวัดบัวใหญ่ 
 แยกมาจาก นครราชสีมา
 มี 8 อำเภอ 
 อ.บัวใหญ่
 อ.คง
 อ.ประทาย
 อ.โนนแดง
 อ.บ้านเหลื่อม 
 อ.แก้งสนามนาง
 อ.สีดา และ 
 อ.บัวลาย
 ✔️2. จังหวัดเดชอุดม 
 แยกมาจาก อุบลราชธานี
 มี 5 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 
 อ.เดชอุดม
 อ.บุณฑริก
 อ.นาจะหลวย
 อ.น้ำยืน
 อ.ทุ่งศรีอุดม
 กิ่ง อ.น้ำขุ่น และ
 กิ่ง อ.นาเยีย
✔️ 3. จังหวัดกันทรลักษ์ 
 แยกออกมาจาก ศรีสะเกษท
 มี 6 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ 
 อ.กันทรลักษ์
 อ.ขุนหาญ
 อ.เบญจลักษ์
 อ.ศรีรัตนะ
 อ.ไพรบึง
 อ.โนนคูณ
 กิ่ง อ.เขาพระวิหาร
 กิ่ง อ.ศรีเมืองทอง และ 
 กิ่ง อ.ทับทิมสยาม
 ✔️4. จังหวัดชุมแพ 
 แยกมาจาก ขอนแก่น
 มี 6 อำเภอ 
 อ.ชุมแพ
 อ.ภูเวียง
 อ.สีชมพู
 อ.หนองนาคำ
 อ.ภูผาม่าน และ 
 อ.ภูเขียว ของ จ.ชัยภูมิ 
 มาจัดตั้งเป็น จ.ชุมแพ
 ✔️5. จังหวัดนางรอง 
 แยกมาจาก บุรีรัมย์
 มี 10 อำเภอ 
 อ.นางรอง
 อ.ชำนิ
 อ.หนองหงส์
 อ.บ้านกรวด
 อ.เฉลิมพระเกียรติ
 อ.โนนสุวรรณ
 อ.ปะคำ
 อ.หนองกี่ 
 อ.ละหานทราย และ 
 อ.โนนดินแดง
✔️6. จังหวัด นาทวี
แยกมาจาก สงขลา
มี 8 อำเภอ
อ.นาทวี
อ.จะนะ
อ.เทพา
อ.สะบ้าย้อย
อ.คลองหอยโข่ง
อ.สะเดา
อ.นาหม่อม
อ.หาดใหญ่

จังหวัดใหม่ มาอีก 6 รู้หรือยัง รวมทั้งหมด 83 จังหวัดในประเทศไทย

จังหวัดใหม่ มาอีก.6.รู้หรือยัง
 รวมทั้งหมด 83 จังหวัดในประเทศไทย
จัดตั้งจังหวัดใหม่อีก 6 จังหวัด
 เพิ่มผู้บริหารอีก 6 ละครับ และตำแหน่งต่างๆตามหน่วยงาน
✔️1. จังหวัดบัวใหญ่ 
 แยกมาจาก นครราชสีมา
 มี 8 อำเภอ 
 อ.บัวใหญ่
 อ.คง
 อ.ประทาย
 อ.โนนแดง
 อ.บ้านเหลื่อม 
 อ.แก้งสนามนาง
 อ.สีดา และ 
 อ.บัวลาย
 ✔️2. จังหวัดเดชอุดม 
 แยกมาจาก อุบลราชธานี
 มี 5 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 
 อ.เดชอุดม
 อ.บุณฑริก
 อ.นาจะหลวย
 อ.น้ำยืน
 อ.ทุ่งศรีอุดม
 กิ่ง อ.น้ำขุ่น และ
 กิ่ง อ.นาเยีย
✔️ 3. จังหวัดกันทรลักษ์ 
 แยกออกมาจาก ศรีสะเกษท
 มี 6 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ 
 อ.กันทรลักษ์
 อ.ขุนหาญ
 อ.เบญจลักษ์
 อ.ศรีรัตนะ
 อ.ไพรบึง
 อ.โนนคูณ
 กิ่ง อ.เขาพระวิหาร
 กิ่ง อ.ศรีเมืองทอง และ 
 กิ่ง อ.ทับทิมสยาม
 ✔️4. จังหวัดชุมแพ 
 แยกมาจาก ขอนแก่น
 มี 6 อำเภอ 
 อ.ชุมแพ
 อ.ภูเวียง
 อ.สีชมพู
 อ.หนองนาคำ
 อ.ภูผาม่าน และ 
 อ.ภูเขียว ของ จ.ชัยภูมิ 
 มาจัดตั้งเป็น จ.ชุมแพ
 ✔️5. จังหวัดนางรอง 
 แยกมาจาก บุรีรัมย์
 มี 10 อำเภอ 
 อ.นางรอง
 อ.ชำนิ
 อ.หนองหงส์
 อ.บ้านกรวด
 อ.เฉลิมพระเกียรติ
 อ.โนนสุวรรณ
 อ.ปะคำ
 อ.หนองกี่ 
 อ.ละหานทราย และ 
 อ.โนนดินแดง
✔️6. จังหวัด นาทวี
แยกมาจาก สงขลา
มี 8 อำเภอ
อ.นาทวี
อ.จะนะ
อ.เทพา
อ.สะบ้าย้อย
อ.คลองหอยโข่ง
อ.สะเดา
อ.นาหม่อม
อ.หาดใหญ่

จังหวัดใหม่ มาอีก 6 รู้หรือยัง รวมทั้งหมด 83 จังหวัดในประเทศไทย

จังหวัดใหม่ มาอีก.6.รู้หรือยัง
 รวมทั้งหมด 83 จังหวัดในประเทศไทย
จัดตั้งจังหวัดใหม่อีก 6 จังหวัด
 เพิ่มผู้บริหารอีก 6 ละครับ และตำแหน่งต่างๆตามหน่วยงาน
✔️1. จังหวัดบัวใหญ่ 
 แยกมาจาก นครราชสีมา
 มี 8 อำเภอ 
 อ.บัวใหญ่
 อ.คง
 อ.ประทาย
 อ.โนนแดง
 อ.บ้านเหลื่อม 
 อ.แก้งสนามนาง
 อ.สีดา และ 
 อ.บัวลาย
 ✔️2. จังหวัดเดชอุดม 
 แยกมาจาก อุบลราชธานี
 มี 5 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 
 อ.เดชอุดม
 อ.บุณฑริก
 อ.นาจะหลวย
 อ.น้ำยืน
 อ.ทุ่งศรีอุดม
 กิ่ง อ.น้ำขุ่น และ
 กิ่ง อ.นาเยีย
✔️ 3. จังหวัดกันทรลักษ์ 
 แยกออกมาจาก ศรีสะเกษท
 มี 6 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ 
 อ.กันทรลักษ์
 อ.ขุนหาญ
 อ.เบญจลักษ์
 อ.ศรีรัตนะ
 อ.ไพรบึง
 อ.โนนคูณ
 กิ่ง อ.เขาพระวิหาร
 กิ่ง อ.ศรีเมืองทอง และ 
 กิ่ง อ.ทับทิมสยาม
 ✔️4. จังหวัดชุมแพ 
 แยกมาจาก ขอนแก่น
 มี 6 อำเภอ 
 อ.ชุมแพ
 อ.ภูเวียง
 อ.สีชมพู
 อ.หนองนาคำ
 อ.ภูผาม่าน และ 
 อ.ภูเขียว ของ จ.ชัยภูมิ 
 มาจัดตั้งเป็น จ.ชุมแพ
 ✔️5. จังหวัดนางรอง 
 แยกมาจาก บุรีรัมย์
 มี 10 อำเภอ 
 อ.นางรอง
 อ.ชำนิ
 อ.หนองหงส์
 อ.บ้านกรวด
 อ.เฉลิมพระเกียรติ
 อ.โนนสุวรรณ
 อ.ปะคำ
 อ.หนองกี่ 
 อ.ละหานทราย และ 
 อ.โนนดินแดง
✔️6. จังหวัด นาทวี
แยกมาจาก สงขลา
มี 8 อำเภอ
อ.นาทวี
อ.จะนะ
อ.เทพา
อ.สะบ้าย้อย
อ.คลองหอยโข่ง
อ.สะเดา
อ.นาหม่อม
อ.หาดใหญ่

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

https://youtu.be/qp38vmBYCSE

https://youtu.be/4xGyTDCXi-A

https://youtu.be/Q7zXLiUlcsY

https://youtu.be/INhtVu4konk

https://youtu.be/cyG2jFHVv9U


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com  

โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

https://youtu.be/qp38vmBYCSE

https://youtu.be/4xGyTDCXi-A

https://youtu.be/Q7zXLiUlcsY

https://youtu.be/INhtVu4konk

https://youtu.be/cyG2jFHVv9U


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com  

โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

https://youtu.be/qp38vmBYCSE

https://youtu.be/4xGyTDCXi-A

https://youtu.be/Q7zXLiUlcsY

https://youtu.be/INhtVu4konk

https://youtu.be/cyG2jFHVv9U


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com  

โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

https://youtu.be/qp38vmBYCSE

https://youtu.be/4xGyTDCXi-A

https://youtu.be/Q7zXLiUlcsY

https://youtu.be/INhtVu4konk

https://youtu.be/cyG2jFHVv9U


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com  

โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

https://youtu.be/qp38vmBYCSE

https://youtu.be/4xGyTDCXi-A

https://youtu.be/Q7zXLiUlcsY

https://youtu.be/INhtVu4konk

https://youtu.be/cyG2jFHVv9U


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com  

โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

https://youtu.be/qp38vmBYCSE

https://youtu.be/4xGyTDCXi-A

https://youtu.be/Q7zXLiUlcsY

https://youtu.be/INhtVu4konk

https://youtu.be/cyG2jFHVv9U


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com  

โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




จะทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่เก้าองค์เดียวอย่างนั้นหรือ (จาก LINE)

ดูจากงานสถาปนาพระบรมขึ้นครองราชย์...กลับไม่ได้รับความสนใจจากสื่อเท่าที่ควร...ทุกสื่อแทบจะทำไปแบบไม่เต็มใจ

ทุกอย่างดูเหมือนเป็นสิ่่งลึกลับ..เป็นความลับ....มาโดยตลอด ทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนไทยที่บอกว่าจงรักภักดีต่อสถาบันจะยอมให้ใครมาละเมิดมิได้

การที่สื่อสลิ่มยังไมยอมให้ความสำคัญต่อพิธีการรับพิธีการอัญเชิญพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่.. ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องเร้นลับ
ที่ต้องแอบสืบแอบหาข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวจริงในการขึ้นครองราชย์ของราชาพระองค์ใหม่.,

มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่ไม่ยอมให้ใครมาล้มล้างดูหมิ่นสถาบัน...

ในขณะที่ยังมีการนัดกันเข้าแถวเพื่อไปถวายบังคมพระบรมศพในหลวงอย่างที่ยอมเดินทางจากต่างจังหวัดยอมหยุดงานเพื่อการนี้

ยังเน้นย้ำความเศร้าโศกกันอย่างเหนียวแน่น..ไม่ยอมให้ในหลวงรัชกาลที่สิบเข้ามาแทรกใจที่เศร้าโศกไม่เลิกนั้นได้เลย..

ผมยังแปลกใจที่เขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน.... ประเทศชาติต้องการการเดินหน้าในวันนี้..เราจะมาเศร้าโศกเสียใจข้ามเดือนข้ามปี

โดยไม่ยอมให้ประเทศชาติเดินหน้ากันต่อไปอย่างนั้นหรือ.. คนเสื้อแดงเองนั่นไม่เท่าไหร่...เกือบทุกคนรับได้กับความเปลี่ยนแปลงนี้

ในขณะที่ฝ่ายสลิ่มกลับรับสิ่งนี้ไม่ได้เลย..ยังมีการโพสแม้กระทั้งข่่าวลวงว่าการสถาปนาจะยังไม่เกิดขึ้น ในหลวงรัชกาลที่สิบจะยังไม่รับการแต่งตั้ง

นี่มันอะไรกัน... สรุปแล้วพวกคุณที่แอบอ้างว่าทำเพื่อในหลวงกันมาโดยตลอด...จะทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่เก้าองค์เดียวอย่างนั้นหรือ

จะทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่เก้าองค์เดียวอย่างนั้นหรือ (จาก LINE)

ดูจากงานสถาปนาพระบรมขึ้นครองราชย์...กลับไม่ได้รับความสนใจจากสื่อเท่าที่ควร...ทุกสื่อแทบจะทำไปแบบไม่เต็มใจ

ทุกอย่างดูเหมือนเป็นสิ่่งลึกลับ..เป็นความลับ....มาโดยตลอด ทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนไทยที่บอกว่าจงรักภักดีต่อสถาบันจะยอมให้ใครมาละเมิดมิได้

การที่สื่อสลิ่มยังไมยอมให้ความสำคัญต่อพิธีการรับพิธีการอัญเชิญพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่.. ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องเร้นลับ
ที่ต้องแอบสืบแอบหาข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวจริงในการขึ้นครองราชย์ของราชาพระองค์ใหม่.,

มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่ไม่ยอมให้ใครมาล้มล้างดูหมิ่นสถาบัน...

ในขณะที่ยังมีการนัดกันเข้าแถวเพื่อไปถวายบังคมพระบรมศพในหลวงอย่างที่ยอมเดินทางจากต่างจังหวัดยอมหยุดงานเพื่อการนี้

ยังเน้นย้ำความเศร้าโศกกันอย่างเหนียวแน่น..ไม่ยอมให้ในหลวงรัชกาลที่สิบเข้ามาแทรกใจที่เศร้าโศกไม่เลิกนั้นได้เลย..

ผมยังแปลกใจที่เขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน.... ประเทศชาติต้องการการเดินหน้าในวันนี้..เราจะมาเศร้าโศกเสียใจข้ามเดือนข้ามปี

โดยไม่ยอมให้ประเทศชาติเดินหน้ากันต่อไปอย่างนั้นหรือ.. คนเสื้อแดงเองนั่นไม่เท่าไหร่...เกือบทุกคนรับได้กับความเปลี่ยนแปลงนี้

ในขณะที่ฝ่ายสลิ่มกลับรับสิ่งนี้ไม่ได้เลย..ยังมีการโพสแม้กระทั้งข่่าวลวงว่าการสถาปนาจะยังไม่เกิดขึ้น ในหลวงรัชกาลที่สิบจะยังไม่รับการแต่งตั้ง

นี่มันอะไรกัน... สรุปแล้วพวกคุณที่แอบอ้างว่าทำเพื่อในหลวงกันมาโดยตลอด...จะทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่เก้าองค์เดียวอย่างนั้นหรือ

จะทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่เก้าองค์เดียวอย่างนั้นหรือ (จาก LINE)

ดูจากงานสถาปนาพระบรมขึ้นครองราชย์...กลับไม่ได้รับความสนใจจากสื่อเท่าที่ควร...ทุกสื่อแทบจะทำไปแบบไม่เต็มใจ

ทุกอย่างดูเหมือนเป็นสิ่่งลึกลับ..เป็นความลับ....มาโดยตลอด ทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนไทยที่บอกว่าจงรักภักดีต่อสถาบันจะยอมให้ใครมาละเมิดมิได้

การที่สื่อสลิ่มยังไมยอมให้ความสำคัญต่อพิธีการรับพิธีการอัญเชิญพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่.. ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องเร้นลับ
ที่ต้องแอบสืบแอบหาข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวจริงในการขึ้นครองราชย์ของราชาพระองค์ใหม่.,

มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่ไม่ยอมให้ใครมาล้มล้างดูหมิ่นสถาบัน...

ในขณะที่ยังมีการนัดกันเข้าแถวเพื่อไปถวายบังคมพระบรมศพในหลวงอย่างที่ยอมเดินทางจากต่างจังหวัดยอมหยุดงานเพื่อการนี้

ยังเน้นย้ำความเศร้าโศกกันอย่างเหนียวแน่น..ไม่ยอมให้ในหลวงรัชกาลที่สิบเข้ามาแทรกใจที่เศร้าโศกไม่เลิกนั้นได้เลย..

ผมยังแปลกใจที่เขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน.... ประเทศชาติต้องการการเดินหน้าในวันนี้..เราจะมาเศร้าโศกเสียใจข้ามเดือนข้ามปี

โดยไม่ยอมให้ประเทศชาติเดินหน้ากันต่อไปอย่างนั้นหรือ.. คนเสื้อแดงเองนั่นไม่เท่าไหร่...เกือบทุกคนรับได้กับความเปลี่ยนแปลงนี้

ในขณะที่ฝ่ายสลิ่มกลับรับสิ่งนี้ไม่ได้เลย..ยังมีการโพสแม้กระทั้งข่่าวลวงว่าการสถาปนาจะยังไม่เกิดขึ้น ในหลวงรัชกาลที่สิบจะยังไม่รับการแต่งตั้ง

นี่มันอะไรกัน... สรุปแล้วพวกคุณที่แอบอ้างว่าทำเพื่อในหลวงกันมาโดยตลอด...จะทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่เก้าองค์เดียวอย่างนั้นหรือ

Thursday, December 1, 2016

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐



****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐



****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐



****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐



****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐



****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐



****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




ทราบหรือไม่? พรบ.ศาสนาอิสลาม 2 ฉบับ มีเนื้อหาสาระอย่างไร?

ทราบหรือไม่?  พรบ.ศาสนาอิสลาม 2 ฉบับ มีเนื้อหาสาระอย่างไร?
* * * * *
กฎหมาย คือ กฎเกณฑ์ในการบริหารประเทศชาติ เมื่อศัตรูยึดกฎหมายได้ และออกกฎหมายมาบังคับพลเมืองได้ ประชาชนก็ถูกกำจัดด้วยกฎหมาย ไม่ตายก็เหมือนตาย ไม่สิ้นชาติก็เหมือนสิ้น
มูลเหตุที่พูดเช่นนี้ เพราะมีกฎหมายและพรบ.ของศาสนาอิสลามที่ประกาศใช้ทับกับกฎหมายไทยอยู่ในเวลานี้ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเลย และส่วนมากก็คิดว่ามันเป็นพรบ.บริหารกิจการภายในของศาสนาอิสลามเอง คงไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อคนในศาสนาอื่นมั้ง คนทั่วไปคงคิดเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น มันเป็นกฎหมายที่แอบแฝงเข้ามาอยู่ในอำนาจของรัฐ แล้วมีผลบังคับให้รัฐต้องทำตามพรบ.นั้นๆ ด้วย เช่น ต้องจัดสรรงบประมาณให้เขา การแต่งตั้งคนของเขาให้เป็นพระราชอำนาจ รวมไปถึงมีบทลงโทษแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามอีกด้วย และอัตราโทษทั้งจำทั้งปรับในอัตราที่สูงผิดปกติ
ต่อไปนี้ เป็นบทวิเคราะห์และชี้ประเด็นที่เป็นการยึดครองประเทศไทยโดยกฎหมายอย่างไร ขอเริ่มที่พรบ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540
1. ด้านบุคลากรที่ถูกยกระดับด้วยกฎหมาย
ตามความในมาตรา 6 กำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจุฬาราชมนตรีเป็นผู้นำกิจการศาสนาอิสลามในประเทศไทย โดยให้นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นจุฬาราชมนตรีขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง และให้มีเงินเดือนตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา ในมาตรา 8 ได้กำหนดหน้าที่ของจุฬาราชมนตรีไว้ว่า
(1) ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลาม(ซึ่งศาสนาอื่นๆ ไม่เคยมีอำนาจหน้าที่เช่นนี้มาก่อน) นี้เป็นเหมือนดาบอาญาสิทธิ์ว่า ทางราชการจะทำอะไรนั้นจะต้องหารือเขาเสียก่อน และห้ามทำเกินกว่าที่เขาเสนอความเห็นมา
(2) ถ้าจุฬาราชมนตรีไม่ให้คำปรึกษาเอง ยังมีอำนาจแต่งตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามได้อีกด้วย ดังนั้น ไม่ว่าหน่วยงานราชการไหน จะทำอะไรที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเขาทั้งหมด ซึ่งศาสนาอื่น ๆ เช่นศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาหลักของประเทศยังไม่มีสิทธิ์เช่นว่านี้เลย และที่สำคัญคำว่า บทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามนั้น หมายถึงคัมภีร์อัลกูรอาน ที่เต็มไปด้วยการสั่งฆ่าผู้ไม่ได้นับถืออิสลาม หรือแม้แต่คนที่นับถือแล้ว จะหันหลังให้อิสลาม นั่นแสดงว่า ความรุนแรงกำลังจะตามมาแน่นอน
นอกจากนี้ มาตรา 16 ยังกำหนดให้โปรดเกล้าแต่งตั้งคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยขึ้น แต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และมาตรา 23 กำหนดให้จังหวัดใดที่มีมัสยิด 3 แห่งขึ้นไป ให้จังหวัดนั้นแต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขึ้นคณะหนึ่งจำนวน 9 ถึง 30 คน และให้มีประธาน รองประธาน เลขานุการ และตำแหน่งอื่นๆ ตามความจำเป็น และให้กระทรวงมหาดไทยประกาศชื่อผู้ได้รับตำแหน่งต่างๆ ในราชกิจจานุเบกษา นี้คือ การกำหนดให้หน่วยงานราชการต้องเป็นผู้รับสนองงานของพวกตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ มาตรา 10 ยังกำหนดไว้ว่า (1) จุฬาราชมนตรี (2) กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (3) กรรมการอิสลามประจำจังหวัด (4) กรรมการอิสลามประจำมัสยิด มีสิทธิ์สวมเสื้อครุยและประดับเข็มพระปรมาภิไธยได้เหมือนกันหมดทุกคน นี้คือ การยกระดับคนของเขาให้สูงกว่าคนในศาสนาอื่นๆ
คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ 11 ข้อ ขอนำมาเฉพาะที่สำคัญๆ คือ
(1) ให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ข้อนี้คือตั้งบุคคลกำกับจี้ให้ 2 กระทรวงนั้นต้องจัดสรรงบประมาณต่างๆ ออกมาให้ศาสนาอิสลามตามที่กำหนดไว้ในมาตราต่างๆ อย่างไม่มีทางเลือก
(4) ออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินและการจัดหาผลประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและมัสยิด
(10) ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมทางศาสนาและการศึกษาศาสนาอิสลาม
(11) ประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในกิจการที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม
เหล่านี้ คือ คนของศาสนาอิสลามจะต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการอยู่ตลอดเวลา จึงเท่ากับว่าเขาครอบงำหน่วยงานของรัฐได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วนั่นเอง
มาตรา 30 ได้กำหนดกรรมการอิสลามประจำมัสยิดไว้ดังนี้ (1) อิหม่าม เป็นประธานกรรมการ (2) คอเต็บ เป็นรองประธาน (3) บิหลั่น เป็นรองประธาน และทั้ง 3 คนนี้ ให้ถือว่าไม่เป็นนักพรตหรือนักบวช เพื่อให้สามารถเล่นการเมืองได้ (4) สัปปุรุษประจำมัสยิด โดยกำหนดให้มี 6 -12 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
สรุปว่า ตามพรบ.อิสลามฉบับนี้ บุคลากรของศาสนาอิสลามทุกคนได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้ง มีเงินเดือนประจำตำแหน่ง มีสิทธิสวมเสื้อครุยและประดับเข็มปรมาภิไธยได้ และเป็นที่ปรึกษากำกับกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดได้ มันเป็นพรบ.ที่เป็นเหมือนกฎหมายทับซ้อนกับกฎหมายไทยอีกอันหนึ่งที่คนทั่วไปไม่ทราบ
2. ผลประโยชน์ที่ไม่ต้องลงทุน
มาตรา 5 กำหนดว่าให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ และคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรานี้ เป็นการกำหนดหน้าที่ให้ทั้ง 2 กระทรวงหลักออกกฎระเบียบต่างๆ มาสนองงานของศาสนาอิสลามได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ตามคำปรึกษาเสนอแนะของคณะกรรมการกลางอิสลาม เช่น มาตรา 11 กำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการตั้งอิสลามวิทยาลัยขึ้นได้ในทุกจังหวัด เมื่อเห็นสมควร ข้อนี้ถ้ามีคนอิสลามขึ้นมาเป็นเจ้ากระทรวงจะมีอิสลามวิทยาลัยขึ้นได้ทุกจังหวัดเลย และจะรวดเร็วมากๆ สิ่งที่ซ้ำใจที่สุด คือ ทุกอย่างใช้งบประมาณหลวงทั้งหมด ตั้งแต่ซื้อที่ดิน ค่าก่อสร้าง อุปกรณ์การเรียน รวมไปถึงค่าสอนที่เป็นครูอิสลาม แต่สอนศาสนาอิสลาม เรียนภาษาอิสลาม
ต่อมา มาตรา 12 การสร้าง การจัดตั้ง การย้าย การรวม การเลิก และการจดทะเบียนมัสยิด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกระทรวง การจัดตั้งการร

มาตรา 12 การสร้าง การจัดตั้ง การย้าย การรวม การเลิก และการจดทะเบียนมัสยิด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกระทรวง การจัดตั้งการร่วม และการเลิกมัสยิดให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
การสร้างมัสยิดในข้อนี้ ก็เช่นเดียวกันใช้งบประมาณหลวงทั้งหมด และกรรมการประจำมัสยิดก็มีเงินเดือน เรียกว่า ใช้ของหลวงฟรี ด้วยผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ที่พวกเขาไม่ต้องลงทุนเลย มีแต่ได้ล้วนๆ พวกเขาจึงเร่งหาสถานที่สร้างมัสยิดให้ครอบคลุมทั้งประเทศและเป้าหมายคือ ให้ครบทุกตำบล
นอกจากใช้งบหลวงแล้ว ผู้รับเหมาสร้างมัสยิดจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพวกเขาเอง โดยมัสยิดแต่ละแห่งใช้งบประมาณเป็นหลัก 100 ล้านบาท และเงินเหล่านี้พวกเขาก็ได้เองทั้งหมด
ถ้าพรบ.ฉบับนี้เปลี่ยนชื่อจากพระราชบัญญัติบริหารกิจการศาสนาอิสลาม มาเป็นพระราชบัญญัติบริหารกิจการพระพุทธศาสนาแล้ว พวกเราชาวพุทธไม่ต้องเหนื่อยกับการบอกบุญใครๆ อีกต่อไป แม้นั่งอยู่ที่บ้านหรือนอนอยู่ที่วัดก็จะมีเม็ดเงินต่างๆ ไหลเข้ามาหาอยู่ตลอดเวลา ศาสนาคงจะเจริญรุ่งเรืองมาก ถ้าเป็นเช่นที่ว่านี้ มันคงจะสบายไปตลอดชาติเลยชาวพุทธเรา
3. พรบ.ส่งเสริมการฮัจย์ 2524
อีกฉบับหนึ่งของพรบ.อิสลาม คือ พรบ.ส่งเสริมการฮัจย์ มาตรา 6 ได้กำหนดหน้าที่ให้กระทรวงต่าง ๆ ของไทยทั้งหมด 13 กระทรวงด้วยกัน ในการมีส่วนช่วยการไปทำพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอารเบียของคนมุสลิม ประกอบด้วย
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
2. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
3. ปลัดกระทรวงคมนาคม
4. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
5. ผู้แทนกระทรวงต่างประเทศ
6. ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข
7. ผู้แทนกรมการปกครอง
8. ผู้แทนกรมตำรวจ
9. ผู้แทนกรมประชาสงเคราะห์
10. ผู้แทนกรมประมวลข่าวกลาง
11.ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
12. ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
13. ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นๆ อีกไม่เกิน 4 คน
นอกจากนี้
มาตรา 14 ยังกำหนดให้อธิบดีกรมการศาสนาเป็นเลขาธิการโดยตำแหน่ง และให้กรมการศาสนาทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ อีกด้วย มีหน้าที่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการหรือที่กรรมการมอบหมาย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และอื่นๆ
จากทั้ง 2 มาตรานี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากต้องมาบริการชาวมุสลิมที่ต้องไปฮัจย์ทุกปี และจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้พวกเขาไปฟรี ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะมีกฎหมายมาตราสำคัญบังคับไว้ให้ต้องทำ คือ
มาตรา 15 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 5 (1) หรือ (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 16 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 5 (3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 17 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ เงื่อนไข หรือมาตรการใดๆ ซึ่งออกตาม
มาตรา11 (2) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ในการไปฮัจย์นี้ก็คล้ายๆ กับการสร้างมัสยิด คือมีบริษัทมารับเหมาช่วงในการรับจัดบริการขนส่งให้กับผู้ไปฮัจย์ด้วย
โดยมาตรา 5 (1) (2) (3) กำหนดให้มีการรับจัดบริการขนส่ง ซึ่งผู้ที่ไปจะถือไปเองไม่ได้ ต้องมีบริษัทรับเหมาขนสัมภาระให้ตลอดการเดินทาง และบริษัทเหล่านี้ ก็เป็นของพวกเขาเอง ไม่ต่างไปจากการสร้างมัสยิดเลย

สรุปว่า ข้าราชการไทยทุกตำแหน่งถูกอิสลามยึดหมดแล้ว ที่สำคัญ คือ งบประมาณมหาศาลที่ใช้ไปกับกิจการของอิสลามทั้งสร้างมัสยิด ทั้งการไปฮัจย์ และอื่นๆ แต่ละปีหลายพันล้านบาท หรืออาจเป็นหมื่นล้านบาท
ขอให้ท่านทั้งหลายหลับตานึกภาพดูจะรู้ว่า ประเทศไทยเรา ที่บรรพบุรุษกอบกู้มา และรักษาไว้ จะมาสิ้นชาติเอาในยุคของพวกเรานี้เองหรือ เศร้าสุดๆๆๆ อนิจจา

ทราบหรือไม่? พรบ.ศาสนาอิสลาม 2 ฉบับ มีเนื้อหาสาระอย่างไร?

ทราบหรือไม่?  พรบ.ศาสนาอิสลาม 2 ฉบับ มีเนื้อหาสาระอย่างไร?
* * * * *
กฎหมาย คือ กฎเกณฑ์ในการบริหารประเทศชาติ เมื่อศัตรูยึดกฎหมายได้ และออกกฎหมายมาบังคับพลเมืองได้ ประชาชนก็ถูกกำจัดด้วยกฎหมาย ไม่ตายก็เหมือนตาย ไม่สิ้นชาติก็เหมือนสิ้น
มูลเหตุที่พูดเช่นนี้ เพราะมีกฎหมายและพรบ.ของศาสนาอิสลามที่ประกาศใช้ทับกับกฎหมายไทยอยู่ในเวลานี้ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเลย และส่วนมากก็คิดว่ามันเป็นพรบ.บริหารกิจการภายในของศาสนาอิสลามเอง คงไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อคนในศาสนาอื่นมั้ง คนทั่วไปคงคิดเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น มันเป็นกฎหมายที่แอบแฝงเข้ามาอยู่ในอำนาจของรัฐ แล้วมีผลบังคับให้รัฐต้องทำตามพรบ.นั้นๆ ด้วย เช่น ต้องจัดสรรงบประมาณให้เขา การแต่งตั้งคนของเขาให้เป็นพระราชอำนาจ รวมไปถึงมีบทลงโทษแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามอีกด้วย และอัตราโทษทั้งจำทั้งปรับในอัตราที่สูงผิดปกติ
ต่อไปนี้ เป็นบทวิเคราะห์และชี้ประเด็นที่เป็นการยึดครองประเทศไทยโดยกฎหมายอย่างไร ขอเริ่มที่พรบ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540
1. ด้านบุคลากรที่ถูกยกระดับด้วยกฎหมาย
ตามความในมาตรา 6 กำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจุฬาราชมนตรีเป็นผู้นำกิจการศาสนาอิสลามในประเทศไทย โดยให้นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นจุฬาราชมนตรีขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง และให้มีเงินเดือนตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา ในมาตรา 8 ได้กำหนดหน้าที่ของจุฬาราชมนตรีไว้ว่า
(1) ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลาม(ซึ่งศาสนาอื่นๆ ไม่เคยมีอำนาจหน้าที่เช่นนี้มาก่อน) นี้เป็นเหมือนดาบอาญาสิทธิ์ว่า ทางราชการจะทำอะไรนั้นจะต้องหารือเขาเสียก่อน และห้ามทำเกินกว่าที่เขาเสนอความเห็นมา
(2) ถ้าจุฬาราชมนตรีไม่ให้คำปรึกษาเอง ยังมีอำนาจแต่งตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามได้อีกด้วย ดังนั้น ไม่ว่าหน่วยงานราชการไหน จะทำอะไรที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเขาทั้งหมด ซึ่งศาสนาอื่น ๆ เช่นศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาหลักของประเทศยังไม่มีสิทธิ์เช่นว่านี้เลย และที่สำคัญคำว่า บทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามนั้น หมายถึงคัมภีร์อัลกูรอาน ที่เต็มไปด้วยการสั่งฆ่าผู้ไม่ได้นับถืออิสลาม หรือแม้แต่คนที่นับถือแล้ว จะหันหลังให้อิสลาม นั่นแสดงว่า ความรุนแรงกำลังจะตามมาแน่นอน
นอกจากนี้ มาตรา 16 ยังกำหนดให้โปรดเกล้าแต่งตั้งคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยขึ้น แต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และมาตรา 23 กำหนดให้จังหวัดใดที่มีมัสยิด 3 แห่งขึ้นไป ให้จังหวัดนั้นแต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขึ้นคณะหนึ่งจำนวน 9 ถึง 30 คน และให้มีประธาน รองประธาน เลขานุการ และตำแหน่งอื่นๆ ตามความจำเป็น และให้กระทรวงมหาดไทยประกาศชื่อผู้ได้รับตำแหน่งต่างๆ ในราชกิจจานุเบกษา นี้คือ การกำหนดให้หน่วยงานราชการต้องเป็นผู้รับสนองงานของพวกตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ มาตรา 10 ยังกำหนดไว้ว่า (1) จุฬาราชมนตรี (2) กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (3) กรรมการอิสลามประจำจังหวัด (4) กรรมการอิสลามประจำมัสยิด มีสิทธิ์สวมเสื้อครุยและประดับเข็มพระปรมาภิไธยได้เหมือนกันหมดทุกคน นี้คือ การยกระดับคนของเขาให้สูงกว่าคนในศาสนาอื่นๆ
คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ 11 ข้อ ขอนำมาเฉพาะที่สำคัญๆ คือ
(1) ให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ข้อนี้คือตั้งบุคคลกำกับจี้ให้ 2 กระทรวงนั้นต้องจัดสรรงบประมาณต่างๆ ออกมาให้ศาสนาอิสลามตามที่กำหนดไว้ในมาตราต่างๆ อย่างไม่มีทางเลือก
(4) ออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินและการจัดหาผลประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและมัสยิด
(10) ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมทางศาสนาและการศึกษาศาสนาอิสลาม
(11) ประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในกิจการที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม
เหล่านี้ คือ คนของศาสนาอิสลามจะต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการอยู่ตลอดเวลา จึงเท่ากับว่าเขาครอบงำหน่วยงานของรัฐได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วนั่นเอง
มาตรา 30 ได้กำหนดกรรมการอิสลามประจำมัสยิดไว้ดังนี้ (1) อิหม่าม เป็นประธานกรรมการ (2) คอเต็บ เป็นรองประธาน (3) บิหลั่น เป็นรองประธาน และทั้ง 3 คนนี้ ให้ถือว่าไม่เป็นนักพรตหรือนักบวช เพื่อให้สามารถเล่นการเมืองได้ (4) สัปปุรุษประจำมัสยิด โดยกำหนดให้มี 6 -12 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
สรุปว่า ตามพรบ.อิสลามฉบับนี้ บุคลากรของศาสนาอิสลามทุกคนได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้ง มีเงินเดือนประจำตำแหน่ง มีสิทธิสวมเสื้อครุยและประดับเข็มปรมาภิไธยได้ และเป็นที่ปรึกษากำกับกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดได้ มันเป็นพรบ.ที่เป็นเหมือนกฎหมายทับซ้อนกับกฎหมายไทยอีกอันหนึ่งที่คนทั่วไปไม่ทราบ
2. ผลประโยชน์ที่ไม่ต้องลงทุน
มาตรา 5 กำหนดว่าให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ และคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรานี้ เป็นการกำหนดหน้าที่ให้ทั้ง 2 กระทรวงหลักออกกฎระเบียบต่างๆ มาสนองงานของศาสนาอิสลามได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ตามคำปรึกษาเสนอแนะของคณะกรรมการกลางอิสลาม เช่น มาตรา 11 กำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการตั้งอิสลามวิทยาลัยขึ้นได้ในทุกจังหวัด เมื่อเห็นสมควร ข้อนี้ถ้ามีคนอิสลามขึ้นมาเป็นเจ้ากระทรวงจะมีอิสลามวิทยาลัยขึ้นได้ทุกจังหวัดเลย และจะรวดเร็วมากๆ สิ่งที่ซ้ำใจที่สุด คือ ทุกอย่างใช้งบประมาณหลวงทั้งหมด ตั้งแต่ซื้อที่ดิน ค่าก่อสร้าง อุปกรณ์การเรียน รวมไปถึงค่าสอนที่เป็นครูอิสลาม แต่สอนศาสนาอิสลาม เรียนภาษาอิสลาม
ต่อมา มาตรา 12 การสร้าง การจัดตั้ง การย้าย การรวม การเลิก และการจดทะเบียนมัสยิด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกระทรวง การจัดตั้งการร

มาตรา 12 การสร้าง การจัดตั้ง การย้าย การรวม การเลิก และการจดทะเบียนมัสยิด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกระทรวง การจัดตั้งการร่วม และการเลิกมัสยิดให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
การสร้างมัสยิดในข้อนี้ ก็เช่นเดียวกันใช้งบประมาณหลวงทั้งหมด และกรรมการประจำมัสยิดก็มีเงินเดือน เรียกว่า ใช้ของหลวงฟรี ด้วยผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ที่พวกเขาไม่ต้องลงทุนเลย มีแต่ได้ล้วนๆ พวกเขาจึงเร่งหาสถานที่สร้างมัสยิดให้ครอบคลุมทั้งประเทศและเป้าหมายคือ ให้ครบทุกตำบล
นอกจากใช้งบหลวงแล้ว ผู้รับเหมาสร้างมัสยิดจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพวกเขาเอง โดยมัสยิดแต่ละแห่งใช้งบประมาณเป็นหลัก 100 ล้านบาท และเงินเหล่านี้พวกเขาก็ได้เองทั้งหมด
ถ้าพรบ.ฉบับนี้เปลี่ยนชื่อจากพระราชบัญญัติบริหารกิจการศาสนาอิสลาม มาเป็นพระราชบัญญัติบริหารกิจการพระพุทธศาสนาแล้ว พวกเราชาวพุทธไม่ต้องเหนื่อยกับการบอกบุญใครๆ อีกต่อไป แม้นั่งอยู่ที่บ้านหรือนอนอยู่ที่วัดก็จะมีเม็ดเงินต่างๆ ไหลเข้ามาหาอยู่ตลอดเวลา ศาสนาคงจะเจริญรุ่งเรืองมาก ถ้าเป็นเช่นที่ว่านี้ มันคงจะสบายไปตลอดชาติเลยชาวพุทธเรา
3. พรบ.ส่งเสริมการฮัจย์ 2524
อีกฉบับหนึ่งของพรบ.อิสลาม คือ พรบ.ส่งเสริมการฮัจย์ มาตรา 6 ได้กำหนดหน้าที่ให้กระทรวงต่าง ๆ ของไทยทั้งหมด 13 กระทรวงด้วยกัน ในการมีส่วนช่วยการไปทำพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอารเบียของคนมุสลิม ประกอบด้วย
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
2. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
3. ปลัดกระทรวงคมนาคม
4. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
5. ผู้แทนกระทรวงต่างประเทศ
6. ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข
7. ผู้แทนกรมการปกครอง
8. ผู้แทนกรมตำรวจ
9. ผู้แทนกรมประชาสงเคราะห์
10. ผู้แทนกรมประมวลข่าวกลาง
11.ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
12. ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
13. ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นๆ อีกไม่เกิน 4 คน
นอกจากนี้
มาตรา 14 ยังกำหนดให้อธิบดีกรมการศาสนาเป็นเลขาธิการโดยตำแหน่ง และให้กรมการศาสนาทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ อีกด้วย มีหน้าที่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการหรือที่กรรมการมอบหมาย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และอื่นๆ
จากทั้ง 2 มาตรานี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากต้องมาบริการชาวมุสลิมที่ต้องไปฮัจย์ทุกปี และจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้พวกเขาไปฟรี ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะมีกฎหมายมาตราสำคัญบังคับไว้ให้ต้องทำ คือ
มาตรา 15 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 5 (1) หรือ (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 16 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 5 (3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 17 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ เงื่อนไข หรือมาตรการใดๆ ซึ่งออกตาม
มาตรา11 (2) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ในการไปฮัจย์นี้ก็คล้ายๆ กับการสร้างมัสยิด คือมีบริษัทมารับเหมาช่วงในการรับจัดบริการขนส่งให้กับผู้ไปฮัจย์ด้วย
โดยมาตรา 5 (1) (2) (3) กำหนดให้มีการรับจัดบริการขนส่ง ซึ่งผู้ที่ไปจะถือไปเองไม่ได้ ต้องมีบริษัทรับเหมาขนสัมภาระให้ตลอดการเดินทาง และบริษัทเหล่านี้ ก็เป็นของพวกเขาเอง ไม่ต่างไปจากการสร้างมัสยิดเลย

สรุปว่า ข้าราชการไทยทุกตำแหน่งถูกอิสลามยึดหมดแล้ว ที่สำคัญ คือ งบประมาณมหาศาลที่ใช้ไปกับกิจการของอิสลามทั้งสร้างมัสยิด ทั้งการไปฮัจย์ และอื่นๆ แต่ละปีหลายพันล้านบาท หรืออาจเป็นหมื่นล้านบาท
ขอให้ท่านทั้งหลายหลับตานึกภาพดูจะรู้ว่า ประเทศไทยเรา ที่บรรพบุรุษกอบกู้มา และรักษาไว้ จะมาสิ้นชาติเอาในยุคของพวกเรานี้เองหรือ เศร้าสุดๆๆๆ อนิจจา