Saturday, October 3, 2015

ความร้ายกาจของหลังบ้าน ประยุทธ์ (เหยือตัวสำคัญ​ๆ)

[10/3/15, 10:36:28 PM] Mana-song: เขาบอให้ช่วยแชร์กันเยอะๆ เลยยกมาทั้งหมดในเรื่องที่เขียนมีบางท่านอยู่ในเนื้อหาด้วย จึงขออภัยมาณ. ที่นี้.
[10/3/15, 10:36:34 PM] Mana-song: ในบรรดาเหยื่อศิษย์เก่าจุฬาฯคนแรกที่อีน้องเมียเหล่ยุดจับเชือดคือ นายจักรภพ เพ็ญแข อีน้องอยู่เบื้องหลังในการแปลคำพูดของนายจักรภพบิดเบือนความจริงจนนายจักรภพต้องร่วงจากเก้าอี้ รมต.สร.ต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศ ต่อมาก็ถูกอีน้องบอกสายทหารชี้เป้าชงเรื่องให้จักรภพผิด กม.หมิ่น112  หลังการปฎิวัติ 22 พ.ค.57 อีน้องก็สั่งเหล่ยุดยัดข้อหาเพิ่มว่ามีอาวุธร้ายแรงครอบครอง อีน้องบีบจนเหล่ยุดหลุดว่าเมียสั่งให้ทำอะไรถ้าไม่ได้ดังใจก็ทะเลาะกันใหญ่โต  ยังมีอีกคนที่อีน้องแค้นฝังหุ่นนักหนาอาจารย์สุดา หรืออาจารย์หวานที่ไปเป็นอาจารย์จุฬาเสื้อแดง ตอนที่อีน้องรู้ข่าวว่าอาจารย์หวานเป็นแฟนกับไม้หนึ่ง อีน้องหัวเราะยิ้มเยาะคิดว่าไม้หนึ่งเป็นกรรมกรเสื้อแดง ตัวเหม็นๆมาได้อาจารย์จุฬาฯเป็นแฟน อีน้องมันพูดจาเหยียบย่ำอาจารย์หวานเรื่องนี้มาตลอด แต่พออีน้องสั่งให้เหล่ยุดเก็บไม้หนึ่งตายลงแล้ว อีน้องก็ช็อคที่รู้ความจริงว่าไม้หนึ่งเป็นคนเสื้อแดงมีการศึกษา จบ ม.ศิลปกร มีผลงานเป็นกวีเขียนหนังสือ อาจารย์หวานถูกลูกน้องเหล่ยุดไล่ล่าเอาตัวเกือบไม่รอด ดีที่ยังมีนายพลใหญ่ในคณะ คสช.ยังมีใจเมตตาสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ จึงปล่อยให้หนีรอดน้ำมือโหดๆของผู้สั่งการคืออีน้องไปพ้น อีกคนที่อีน้องจงเกลียดจงชังคืออาจารย์ปวิณ เพื่อนปวิณให้ข้อมูลว่าเป็นลูกศิษย์เก่ากันของอีน้อง คนเขาว่าเห็นพวกขี้อิจฉาในจุฬาฯ เห็นปวิณโกอินเตอร์ก็คอยใส่ไฟให้อีน้องให้จัดการยัด กม.หมิ่น 112ให้ประวิณ ตาสว่างกันเสียทีทำไมประยุทธ์ถึงจ้องจัดการประวิณนัก เมียสั่งให้ถอนพาสปอร์ตก็ทำ เล่นเขาทุกรูปแบบ เพราะต้องการขู่คนในจุฬาฯไม่ให้ลุกฮือไปเข้าข้างพวกแดง แม้อีน้องจะลาออกไปรับตำแหน่งใหม่เป็นรองประธานการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมวังไกลกังวล ก่อนได้ตำแหน่งนี้ คนในจุฬาฯลือกันแซ่ดว่าอีน้องได้เพราะใส่ร้ายเรื่องแปลคำพูดและกำจัดจักรภพได้สำเร็จ อ.เทียนฉายและเมียคุณหญิงได้เป็นใหญ่เพราะอีน้องทั้งนั้น ตอนม้อบกปปส.อีน้องก็เป็นตัวกลางประสานคนในจุฬาฯกับพวกสุเทพ และกองทัพผ่านเหล่ยุด มีการจัดรถทหารวิ่งนำขบวนอารักขาแกนนำหลักๆม้อบ กปปส. อย่าเถียงว่าไม่จริง เพราะหน้ากาก หน้าฉากของอีน้องถูกเปิดหมดแล้ว ประยุทธ์ไม่ได้ทะเยอทะยานมากเท่าเมียอคืออีน้องนั่นแหละตัวอยู่เบื้องหลังการพังทลายของทุกภาคส่วน อย่าเถียงว่าไม่จริง !! แชร์จากพวกคนในจุฬาเขามานะครับ เขาอยากให้แชร์ต่อกันให้เยอะๆๆๆๆ

ความร้ายกาจของหลังบ้าน ประยุทธ์ (เหยือตัวสำคัญ​ๆ)

[10/3/15, 10:36:28 PM] Mana-song: เขาบอให้ช่วยแชร์กันเยอะๆ เลยยกมาทั้งหมดในเรื่องที่เขียนมีบางท่านอยู่ในเนื้อหาด้วย จึงขออภัยมาณ. ที่นี้.
[10/3/15, 10:36:34 PM] Mana-song: ในบรรดาเหยื่อศิษย์เก่าจุฬาฯคนแรกที่อีน้องเมียเหล่ยุดจับเชือดคือ นายจักรภพ เพ็ญแข อีน้องอยู่เบื้องหลังในการแปลคำพูดของนายจักรภพบิดเบือนความจริงจนนายจักรภพต้องร่วงจากเก้าอี้ รมต.สร.ต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศ ต่อมาก็ถูกอีน้องบอกสายทหารชี้เป้าชงเรื่องให้จักรภพผิด กม.หมิ่น112  หลังการปฎิวัติ 22 พ.ค.57 อีน้องก็สั่งเหล่ยุดยัดข้อหาเพิ่มว่ามีอาวุธร้ายแรงครอบครอง อีน้องบีบจนเหล่ยุดหลุดว่าเมียสั่งให้ทำอะไรถ้าไม่ได้ดังใจก็ทะเลาะกันใหญ่โต  ยังมีอีกคนที่อีน้องแค้นฝังหุ่นนักหนาอาจารย์สุดา หรืออาจารย์หวานที่ไปเป็นอาจารย์จุฬาเสื้อแดง ตอนที่อีน้องรู้ข่าวว่าอาจารย์หวานเป็นแฟนกับไม้หนึ่ง อีน้องหัวเราะยิ้มเยาะคิดว่าไม้หนึ่งเป็นกรรมกรเสื้อแดง ตัวเหม็นๆมาได้อาจารย์จุฬาฯเป็นแฟน อีน้องมันพูดจาเหยียบย่ำอาจารย์หวานเรื่องนี้มาตลอด แต่พออีน้องสั่งให้เหล่ยุดเก็บไม้หนึ่งตายลงแล้ว อีน้องก็ช็อคที่รู้ความจริงว่าไม้หนึ่งเป็นคนเสื้อแดงมีการศึกษา จบ ม.ศิลปกร มีผลงานเป็นกวีเขียนหนังสือ อาจารย์หวานถูกลูกน้องเหล่ยุดไล่ล่าเอาตัวเกือบไม่รอด ดีที่ยังมีนายพลใหญ่ในคณะ คสช.ยังมีใจเมตตาสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ จึงปล่อยให้หนีรอดน้ำมือโหดๆของผู้สั่งการคืออีน้องไปพ้น อีกคนที่อีน้องจงเกลียดจงชังคืออาจารย์ปวิณ เพื่อนปวิณให้ข้อมูลว่าเป็นลูกศิษย์เก่ากันของอีน้อง คนเขาว่าเห็นพวกขี้อิจฉาในจุฬาฯ เห็นปวิณโกอินเตอร์ก็คอยใส่ไฟให้อีน้องให้จัดการยัด กม.หมิ่น 112ให้ประวิณ ตาสว่างกันเสียทีทำไมประยุทธ์ถึงจ้องจัดการประวิณนัก เมียสั่งให้ถอนพาสปอร์ตก็ทำ เล่นเขาทุกรูปแบบ เพราะต้องการขู่คนในจุฬาฯไม่ให้ลุกฮือไปเข้าข้างพวกแดง แม้อีน้องจะลาออกไปรับตำแหน่งใหม่เป็นรองประธานการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมวังไกลกังวล ก่อนได้ตำแหน่งนี้ คนในจุฬาฯลือกันแซ่ดว่าอีน้องได้เพราะใส่ร้ายเรื่องแปลคำพูดและกำจัดจักรภพได้สำเร็จ อ.เทียนฉายและเมียคุณหญิงได้เป็นใหญ่เพราะอีน้องทั้งนั้น ตอนม้อบกปปส.อีน้องก็เป็นตัวกลางประสานคนในจุฬาฯกับพวกสุเทพ และกองทัพผ่านเหล่ยุด มีการจัดรถทหารวิ่งนำขบวนอารักขาแกนนำหลักๆม้อบ กปปส. อย่าเถียงว่าไม่จริง เพราะหน้ากาก หน้าฉากของอีน้องถูกเปิดหมดแล้ว ประยุทธ์ไม่ได้ทะเยอทะยานมากเท่าเมียอคืออีน้องนั่นแหละตัวอยู่เบื้องหลังการพังทลายของทุกภาคส่วน อย่าเถียงว่าไม่จริง !! แชร์จากพวกคนในจุฬาเขามานะครับ เขาอยากให้แชร์ต่อกันให้เยอะๆๆๆๆ

เรามีปริมาณสำรองทรัพยากรแร่ที่มี มูลค่ามากถึง 23,913 ล้านล้านบาท ถ้าจะนำมาหารแบ่งให้คนไทยทุกๆคนก็เท่ากับว่าคนไทยแต่ละคนถือครองทรัพย์สิน อยู่คนละ 400 ล้านบาท

Vikij Phenphak with Shittichok Chok and 2 others

น่า จะเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณทรัพยากรแร่บนผืนแผ่นดินไทยได้ถูก เปิดเผยให้ชาวบ้านธรรมดาๆได้รับรู้ว่าเรามีปริมาณสำรองทรัพยากรแร่ที่มี มูลค่ามากถึง 23,913 ล้านล้านบาท ถ้าจะนำมาหารแบ่งให้คนไทยทุกๆคนก็เท่ากับว่าคนไทยแต่ละคนถือครองทรัพย์สิน อยู่คนละ 400 ล้านบาท นี่ขนาดยังไม่ได้รวมทรัพยากรแร่ที่อยู่ในทะเลและทรัพยากร ปิโตรเลียมที่ปัจจุบันเราผลิตได้ประมาณ 8 แสนบาร์เรลต่อวันอีกต่างหาก
http://www.dailynews.co.th/politics/339482

ใครรู้เข้าคงอิจฉาตายชัก

ที่กล่าวมาคือทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป แต่ที่ใช้แล้วไม่หมดคือผืนแผ่นดินที่เราอยู่อาศัยพร้อมทั้งให้พืชพันธุ์ ธัญญาหารอันอุดมสมบูรณ์แก่เรารอบแล้วรอบเล่าอย่างไม่รู้จบสิ้น เราผลิตอาหารได้มากจนต้องขายส่งออกไปเลี้ยงพลเมืองโลก

ป่าฝนเขตร้อนสร้างความหลากหลายทางชีวภาพที่มูลค่ามหาศาลทั้งทางด้านการเกษตรและสุขภาพอันไม่อาจประเมินได้ให้แก่ประเทศชาติของเรา

เรามีอ่าวไทยที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำนาๆชนิดจนสามารถสร้างให้ประเทศของเราเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก

เรามีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมและโบราณคดีกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ
เรามีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยสดงดงามทั้งบนบกและในทะเลชนิดที่จารนัยไม่หวาดไหว
เรื่องอาหารการกินเราก็ไม่แพ้ใครในโลก

เฉพาะเรื่องกินเรื่องเที่ยวก็สามารถสร้างรายได้ถึง 1 ใน 5 ของรายได้ประชาชาติเข้าไปแล้ว

นี่ยังไม่นับรวมการส่งออกด้านวัฒนธรรมเช่นร้านอาหาร บริการนวดแผนไทย กีฬามวยไทยที่กำลังเฟื่องฟูนำรายได้เข้าประเทศอีกปีละไม่น้อย

เท่าที่ไล่เรียงมาก็รวยจนปวดหัวแล้ว แถมที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศเรายังเป็นศูนย์กลางของพลเมือง ครึ่งโลก ผืนแผ่นดินเราติดสองมหาสมุทร จะเดินทางไปมาค้าขายทิศทางใดก็สะดวกทั้งนั้น

แบบนี้ไม่เป็นประเทศที่มั่งคั่งแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?

ผมเองก็แปลกใจว่า ในเมื่อเรามี "ทุน" อยู่มหาศาลอย่างนี้แต่ผู้บริหารประเทศทุกยุคทุกสมัยแม้ในปัจจุบัน กลับยังร้องโหยหวนเพรียกหานักลงทุนต่างชาติอยู่นั่นแหละ มันไม่มีสติปัญญาพาคนในชาติทำมาหากินหรืออย่างไรกัน(วะ)

เรียกเขามาลงทุนหรือมากอบโกย?

เพราะยิ่งออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนมากขึ้นเท่าไหร่ คนไทยก็หนี้สูงท่วมหัวมากขึ้นเท่านั้น

สิ่งที่ควรทำในวันนี้คือเราต้องสร้างคนของเราในทุกระดับให้รู้จักใช้และบริหารจัดการทรัพยากรที่เรามีอยู่อย่างมั่งคั่งให้ "ยั่งยืน"

ไม่ใช่รนลานรีบเลหลังขายทรัพยากรของชาติในราคาถูก และปล่อยให้ทุนนิยมกลืนกินวัฒนธรรมอันดีงามจนหมดสิ้นอย่างที่กำลังทำกันอยู่ ในเวลานี้

แล้วยังเสือกทะลึ่งอวดตัวว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อคนในชาติ......ถุ๊ยส์!

Friday, October 2, 2015

อยากให้ไทยเป็นเหมือนแผ่นดินเหมือนจีนใช่ไหม?​ ดูซะ คนไทยโง่ ๆ BBC:艾未未专题纪录片(Ai Weiwei, Without Fear or Favor)

เอาผิดกับผู้ก่อรัฐประหาร ก้าวสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในบูร์กินาฟาโซ

เอาผิดกับผู้ก่อรัฐประหาร ก้าวสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในบูร์กินาฟาโซ

วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23:05:00 น.

Credit: Please visit http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1443800572


AFP PHOTO / AHMED OUOBA


โดย อดิเทพ พันธ์ทอง



"การก่อรัฐประหารเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด" นาย พลกิลแบต์ เดียนเดร์ ผู้นำกองกำลังกบฏที่จับตัวสองผู้นำสูงสุดของรัฐบาลเฉพาะกาลของบูร์กินาฟาโซ เป็นตัวประกันกล่าวยอมรับ หลังยอมคืนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือน ทั้งๆ ที่เพิ่งประกาศยึดอำนาจได้เพียงสัปดาห์เดียว และเตรียมถูกดำเนินคดีหลังการก่อรัฐประหารที่ล้มเหลว

การ เปลี่ยนแปลงจากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุดของนายพลเดียนเดร์เกิดขึ้นในระยะเวลา ที่สั้นมาก จุดสำคัญคือเขาไม่ได้มีมวลมหาประชาชนชาวบูร์กินาฟาโซที่เชื่อว่านายทหารคือ ชนชั้นพิเศษที่โกงกินไม่เป็นคอยหนุนหลัง และเขาไม่ได้เป็นผู้ที่ควบคุมกองทัพทั้งหมดของบูร์กินาฟาโซอย่างเป็นเอกภาพ ทำให้การยึดอำนาจของเขาด้วยการอาศัยกองกำลังพิทักษ์ประธานาธิบดี (Presidential Security Regiment, RSP) ถูกท้าทายจากทางกองทัพ นอกจากนี้หลายประเทศในภูมิภาคยังรวมตัวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันร่วมกดดันให้ เขาต้องลงจากตำแหน่ง

พัฒนาการ ที่น่าติดตามหลังการยอมถอยของผู้นำกบฏคือ การที่รัฐบาลพลเรือนสั่งอายัดทรัพย์สินของนายพลเดียนเดร์และพวก พร้อมระบุต้องนำตัวผู้ก่อการขึ้นพิจารณาโทษตามกระบวนการยุติธรรม แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาจากวงเจรจาเพื่อยุติเหตุวุ่นวายทางการเมืองครั้ง นี้เสนอให้นิรโทษกรรมผู้พยายามก่อรัฐประหารก็ตาม ซึ่งหากทำได้จริงจะแสดงให้เห็นว่ากฎหมายป้องกันการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลง การปกครองในบูร์กินาฟาโซมีสถานะเป็นกฎหมายที่สามารถบังคับใช้ได้จริงๆ ไม่เหมือนบางประเทศ ที่นักกฎหมายช่วยกันตีความเข้าข้างการใช้กำลังยึดอำนาจประชาชนว่าเป็นสิ่ง ที่ชอบธรรม การออกกฎหมายยกเว้นความผิดให้กับตัวเองมีความสมบูรณ์ โดยไม่ต้องผ่านการเห็นชอบของประชาชน

หลัง จากนี้ ผู้นำทหารในบูร์กินาฟาโซคงต้องคิดหนักขึ้น หากหวังจะใช้อำนาจเถื่อนเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลพลเรือน เพราะหากตัวเองสิ้นอำนาจอาจต้องเผชิญกับการดำเนินคดีเหมือนอย่างนายพลเดีย นเดร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวบูร์กินาฟาโซ ที่มีหลักประกันว่าผู้ที่ไม่เคารพกติกาจะต้องได้รับการลงโทษ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่อาจถูกล้มล้างได้ง่ายๆ โดยอาศัยการตัดสินใจของคนไม่กี่คน 

ใน ทางกลับกัน ประเทศในอีกซีกโลกหนึ่งกลับยึดถือการรัฐประหารว่าเป็นส่วนหนึ่งของจารีต ประเพณีการปกครองที่ไปด้วยกันได้กับระบอบประชาธิปไตย และพยายามสร้างคำจำกัดความของคำว่า "ประชาธิปไตย" ขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับของตนเอง (ไม่ต่างกับการหลอกชาวบ้านของคนใช้รถในประเทศนี้ ที่นิยมติดสติ๊กเกอร์บอกว่า "รถคนนี้สีขาว" ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ท่นโท่ว่าเป็นรถสีดำ) 

อีก ความพยายามหนึ่งที่น่าสนใจของคนที่รังเกียจประชาธิปไตยในประเทศนี้ คือการพยายามบอกว่า "ประชาธิปไตย" เป็นแค่รูปแบบการปกครองรูปแบบหนึ่ง มิได้มีคุณค่าความดีงามใดๆ สูงส่งไปกว่าระบอบอื่นๆ รวมไปถึงระบอบเผด็จการ บางรายอ้างระบบคุณธรรมขึ้นมานำหน้าระบอบการปกครอง พร้อมชี้ว่า การปกครองที่ดีอยู่ที่ "ความดีของผู้ใช้อำนาจปกครอง" โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าการปกครองของบุคคลดังกล่าวจะใช้ระบอบการปกครองใน รูปแบบใด 

คน ที่จะพูดอย่างนี้ได้ต้องเป็นคนที่ไม่สนใจใยดีว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนเองจะ ถูกปฏิบัติอย่างไร มองว่าเสรีภาพเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่คิดว่าคนทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ขอแค่ให้ผู้ปกครองเป็น "คนดี" ก็พอ ด้วยคุณสมบัติข้อเดียวนี้ คนดี (ซึ่งไม่รู้ว่ามีคำจำกัดความที่แน่ชัดอย่างไร) จึงมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น มีความชอบธรรมที่จะขึ้นปกครองคนทั้งมวลได้ โดยไม่ต้องสนใจว่าคนส่วนใหญ่จะให้การยอมรับหรือไม่ และสามารถออกคำสั่งริดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นได้ตามใจชอบ หากบุคคลดังกล่าวยังถูกเชิดชูว่าเป็นคนดี โดยกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลและสถานะทางสังคมที่ได้เปรียบคนส่วนใหญ่ของประเทศ

ดัง นั้น ตราบใดที่ประเทศดังกล่าวยังคงเห็นค่าของคนไม่เท่ากัน ยังยอมรับระบบคุณธรรมจอมปลอมที่ตรวจสอบไม่ได้ และคิดว่าการกักขังคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเองเป็นเรื่องปกติ โอกาสที่จะได้เห็นระบอบประชาธิปไตยลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในประเทศแบบนี้คง เป็นไปได้ยาก แม้มีโอกาสได้ผุดได้เกิดอีกครั้งก็อาจถูกพวกที่อ้างระบบคุณธรรมโค่นล้มได้ ง่ายๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเหมือนอย่างบูร์กินาฟาโซ

เอาผิดกับผู้ก่อรัฐประหาร ก้าวสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในบูร์กินาฟาโซ

เอาผิดกับผู้ก่อรัฐประหาร ก้าวสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในบูร์กินาฟาโซ

วันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23:05:00 น.



โดย อดิเทพ พันธ์ทอง



"การก่อรัฐประหารเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด" นาย พลกิลแบต์ เดียนเดร์ ผู้นำกองกำลังกบฏที่จับตัวสองผู้นำสูงสุดของรัฐบาลเฉพาะกาลของบูร์กินาฟาโซ เป็นตัวประกันกล่าวยอมรับ หลังยอมคืนอำนาจให้กับรัฐบาลพลเรือน ทั้งๆ ที่เพิ่งประกาศยึดอำนาจได้เพียงสัปดาห์เดียว และเตรียมถูกดำเนินคดีหลังการก่อรัฐประหารที่ล้มเหลว

การ เปลี่ยนแปลงจากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุดของนายพลเดียนเดร์เกิดขึ้นในระยะเวลา ที่สั้นมาก จุดสำคัญคือเขาไม่ได้มีมวลมหาประชาชนชาวบูร์กินาฟาโซที่เชื่อว่านายทหารคือ ชนชั้นพิเศษที่โกงกินไม่เป็นคอยหนุนหลัง และเขาไม่ได้เป็นผู้ที่ควบคุมกองทัพทั้งหมดของบูร์กินาฟาโซอย่างเป็นเอกภาพ ทำให้การยึดอำนาจของเขาด้วยการอาศัยกองกำลังพิทักษ์ประธานาธิบดี (Presidential Security Regiment, RSP) ถูกท้าทายจากทางกองทัพ นอกจากนี้หลายประเทศในภูมิภาคยังรวมตัวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันร่วมกดดันให้ เขาต้องลงจากตำแหน่ง

พัฒนาการ ที่น่าติดตามหลังการยอมถอยของผู้นำกบฏคือ การที่รัฐบาลพลเรือนสั่งอายัดทรัพย์สินของนายพลเดียนเดร์และพวก พร้อมระบุต้องนำตัวผู้ก่อการขึ้นพิจารณาโทษตามกระบวนการยุติธรรม แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาจากวงเจรจาเพื่อยุติเหตุวุ่นวายทางการเมืองครั้ง นี้เสนอให้นิรโทษกรรมผู้พยายามก่อรัฐประหารก็ตาม ซึ่งหากทำได้จริงจะแสดงให้เห็นว่ากฎหมายป้องกันการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลง การปกครองในบูร์กินาฟาโซมีสถานะเป็นกฎหมายที่สามารถบังคับใช้ได้จริงๆ ไม่เหมือนบางประเทศ ที่นักกฎหมายช่วยกันตีความเข้าข้างการใช้กำลังยึดอำนาจประชาชนว่าเป็นสิ่ง ที่ชอบธรรม การออกกฎหมายยกเว้นความผิดให้กับตัวเองมีความสมบูรณ์ โดยไม่ต้องผ่านการเห็นชอบของประชาชน

หลัง จากนี้ ผู้นำทหารในบูร์กินาฟาโซคงต้องคิดหนักขึ้น หากหวังจะใช้อำนาจเถื่อนเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลพลเรือน เพราะหากตัวเองสิ้นอำนาจอาจต้องเผชิญกับการดำเนินคดีเหมือนอย่างนายพลเดีย นเดร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวบูร์กินาฟาโซ ที่มีหลักประกันว่าผู้ที่ไม่เคารพกติกาจะต้องได้รับการลงโทษ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่อาจถูกล้มล้างได้ง่ายๆ โดยอาศัยการตัดสินใจของคนไม่กี่คน 

ใน ทางกลับกัน ประเทศในอีกซีกโลกหนึ่งกลับยึดถือการรัฐประหารว่าเป็นส่วนหนึ่งของจารีต ประเพณีการปกครองที่ไปด้วยกันได้กับระบอบประชาธิปไตย และพยายามสร้างคำจำกัดความของคำว่า "ประชาธิปไตย" ขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับของตนเอง (ไม่ต่างกับการหลอกชาวบ้านของคนใช้รถในประเทศนี้ ที่นิยมติดสติ๊กเกอร์บอกว่า "รถคนนี้สีขาว" ทั้งๆ ที่เห็นอยู่ท่นโท่ว่าเป็นรถสีดำ) 

อีก ความพยายามหนึ่งที่น่าสนใจของคนที่รังเกียจประชาธิปไตยในประเทศนี้ คือการพยายามบอกว่า "ประชาธิปไตย" เป็นแค่รูปแบบการปกครองรูปแบบหนึ่ง มิได้มีคุณค่าความดีงามใดๆ สูงส่งไปกว่าระบอบอื่นๆ รวมไปถึงระบอบเผด็จการ บางรายอ้างระบบคุณธรรมขึ้นมานำหน้าระบอบการปกครอง พร้อมชี้ว่า การปกครองที่ดีอยู่ที่ "ความดีของผู้ใช้อำนาจปกครอง" โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าการปกครองของบุคคลดังกล่าวจะใช้ระบอบการปกครองใน รูปแบบใด 

คน ที่จะพูดอย่างนี้ได้ต้องเป็นคนที่ไม่สนใจใยดีว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนเองจะ ถูกปฏิบัติอย่างไร มองว่าเสรีภาพเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่คิดว่าคนทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ขอแค่ให้ผู้ปกครองเป็น "คนดี" ก็พอ ด้วยคุณสมบัติข้อเดียวนี้ คนดี (ซึ่งไม่รู้ว่ามีคำจำกัดความที่แน่ชัดอย่างไร) จึงมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่น มีความชอบธรรมที่จะขึ้นปกครองคนทั้งมวลได้ โดยไม่ต้องสนใจว่าคนส่วนใหญ่จะให้การยอมรับหรือไม่ และสามารถออกคำสั่งริดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นได้ตามใจชอบ หากบุคคลดังกล่าวยังถูกเชิดชูว่าเป็นคนดี โดยกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลและสถานะทางสังคมที่ได้เปรียบคนส่วนใหญ่ของประเทศ

ดัง นั้น ตราบใดที่ประเทศดังกล่าวยังคงเห็นค่าของคนไม่เท่ากัน ยังยอมรับระบบคุณธรรมจอมปลอมที่ตรวจสอบไม่ได้ และคิดว่าการกักขังคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเองเป็นเรื่องปกติ โอกาสที่จะได้เห็นระบอบประชาธิปไตยลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในประเทศแบบนี้คง เป็นไปได้ยาก แม้มีโอกาสได้ผุดได้เกิดอีกครั้งก็อาจถูกพวกที่อ้างระบบคุณธรรมโค่นล้มได้ ง่ายๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเหมือนอย่างบูร์กินาฟาโซ

●ข่าวลับกรองแล้ว● 1 ตุลาคม 2558

ช่วยแชร์ต่อมากๆเพื่อต้อนรับองค์การทาสฝุ่นใต้ตีนที่จะเดินขบวนไปสถานฑูตอเมริกาสนับสนุนระบอบทาสไทยต่อไป      

●ข่าวลับกรองแล้ว●
1 ตุลาคม 2558 

"1ตุลา:ศักราชใหม่อำนาจระบบราชการ"

สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/

*วันนี้เริ่มอำนาจใหม่ปลัดกระทรวง,อธิบดีที่ได้รับแต่งตั้งจากอำนาจคสช.เต็มๆแต่อำนาจประธานคสช.ผู้แต่งตั้งกลับทดถอยลง...แปลกแปลก

*ตำแหน่งผบ.ทบ.มีฐานะทางกฎหมายแค่อธิบดีแต่ฐานะทางอำนาจที่เป็นจริงคือประธานใหญ่ระบอบราชการมีอำนาจเหนือกว่าปลัดกระทรวงทุกกระทรวงรวมกันโดยเฉพาะเมื่อกษัตริย์สั่งให้ปล้นอำนาจประชาชน

*คลื่นลมการเปลี่ยนตำแหน่งผบ.ทบ.ในระบอบเผด็จการไทยวันนี้แรงลึกกว่าการเปลี่ยนอำนาจนายกฯและยิ่งใกล้เปลี่ยนรัชกาล การเปลี่ยนผู้นำทหารก็มีความสำคัญเป็นระดับน้องรองจากเปลี่ยนกษัตริย์จึงจำเป็นต้องมีเสียงระเบิดประกอบและกลิ่นคาวเลือดละเลงบาทพระพรหมราชประสงค์...ก็เพราะราชาประสงค์ชื่อก็บอกแล้ว

*ระเบิดพระพรหมราชประสงค์เริ่มต้นก็ทักษิณ แต่หลักฐานมัดแน่นที่'อุยกูร์' แต่เมื่อจับตัวคนทำไม่ได้และไอ้ที่จับมาก็ทำท่าจะหลุดจึงวกกลับมาหาเสื้อแดง'อ๊อดกูร์'แทน แต่คนที่รับประโยชน์ไปเต็มๆคือ'ตือโป๊ยก่าย'ประวิทกูเอง

*วันนี้ 1ตุลาคือวันประยุทธ์ขาลอยสมบูรณ์แบบ เพราะฐานประชาชนก็ไม่มี อาศัยโหนแต่เจ้า แต่ก็ไม่รู้จักเจ้าจริงโดยเฉพาะวันนี้เจ้าก็เหมือนร้านขายข้าวมันไก่มีทั้ง'เจ้าเก่าและเจ้าใหม่'และทั้ง2เจ้าก็ไม่ชอบให้ทหารแข็งจนเกินไปเพราะรู้ดีว่าถ้าทหารกล้ามใหญ่เมื่อไรมันชอบเบ่งกินข้าวมันไก่ฟรีและมันจะแข็งแรงกว่าทักษิณที่เจ้าเหม็นขี้หน้าเสียอีก...ด้วยเหตุนี้ประยุทธ์ที่แบกน้องปรีชาเดินหน้าไม่เหลียวหลังจึงหกล้มขาแพลงจากเสียงระเบิด,แต่พอลุกขึ้นเหลียวหลังมองพลเอกธีรชัยก็สายไปเสียแล้ว

*วันนี้เริ่มศักราชใหม่แห่งระบอบราชการจึงเป็นวันขาลอยของประธานคสช.เพราะพลเอกธีรชัยไม่มีใจให้ประธานคสช.แม้แต่น้อย...สปท.ขอแสดงความยินดีกับวันประยุทธ์ขาลอยแต่ยังเป็นนายกได้ต่อไปเพราะอะไรโปรดตามมา

*วันนี้ตำแหน่งนายกฯเล็กไปเสียแล้วสำหรับประวิท วงษ์สุวรรณ เพราะมองข้ามช๊อตไปถึงตำแหน่งที่คุมนายกฯในกำมือคือประธานองคมนตรีรัชกาลที่10ที่ชื่อ"คิงวชิราลงกรณ์"

*ประวิทได้สอบผ่านและเห็นลู่ทางอำนาจใหม่ที่เปรมได้วางแนวทางไว้มานานกว่า30ปีแล้วว่าชีวิตสุขสบายกินได้ตามใจชอบและไม่ต้องแจ้งทรัพย์สิน,ใครจะด่าก็ง่ายที่จะยัดข้อหา112ให้,ศาล,ทหาร,ตำรวจอยู่ในโอวาทหมด

*ว่าที่รัชกาลที่10ก็ดูท่าจะพอใจที่จะมีประธานองคมนตรีที่ชื่อประวิท วงษ์สุวรรณ เพราะเข้ากันดีสัญญานขี่จักรยานเพื่อพ่อจึงมีต่อมาในเดือนธันวา,และสัญญานตือโป๊ยก่ายเป็นตายก็ต้องหนุน'เสี่ยโอ'จึงแรงและเด่นชัดขึ้น

*วันนี้ประวิทเริ่มทำหน้าที่ประธานองคมนตรีโดยพฤตินัยแล้วโดยเริ่มแหย่ตีนเข้าไปขัดขาน้องตู่ที่แบกปรีชาจันทร์โอชาจนหกล้มซึ่งก็คือหน้าที่หลักของประธานองคมนตรีแล้วต่อไปก็ต้องแสดงบทคุมกองทัพเบ็ดเสร็จและใครที่เป็นนายกฯก็ต้องอยู่ในสายตา

*วันนี้ประวิทผงาดเป็นพี่ใหญ่ทหารเสือราชินีที่ไม่ต้องให้ความสนใจพลเอกเปรมมากนักเพราะสามารถคุมกองทัพผ่านธีรชัยสายตรงและไม่ต้องต่อสายอ้อมไปผ่านน้องตู่เพราะความโง่ของน้องตู่เองที่ขบพระราช(แอบอ้าง)ประสงค์ของการประนีประนอมผลประโยชน์ในวังชั่วคราวไม่ออก

*ประยุทธ์จะได้รับบำเหน็จเป็นนายกฯต่อไปภายใต้การควบคุมของประวิทพี่ใหญ่ตราบเท่าที่ไม่พยศและเล่นบทตามที่เขียนให้คือหนุนวชิราลงกรณ์ขึ้นรัชกาลที่10โดยห้ามว๊อกแว๊ก

*พลเอกธีรชัยก็ไม่ว๊อกแว๊กเพราะนับแต่วันที่1ตุลาก็ถืออำนาจเต็มเป็นเวลา1ปีจึงฝากอนาคตไว้กับพี่ใหญ่ประวิทที่หนุนช่วยมาตั้งแต่ต้นเพื่อจะต่อสายอำนาจในกองทัพและการเมืองต่อไปในฐานะทหารเสือราชินีด้วยกัน

*1ปีนับแต่นี้อะไรก็เปลี่ยนไปเยอะ...พลเอกเปรมก็นับการหายใจเป็นทีละครึ่งวันส่วนท่านที่นอนอยู่บนสวรรค์ชั้น16ที่ศิริราชนั้นก็นับการหายใจเป็นชั่วโมงๆ...แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คุณพี่ธีรชัยยืนนิ่งอยู่กับ"ทหารเสือราชินีศรีตือโป๊ยก่าย"ได้อย่างไร

*ยิ่งใกล้วันเปลี่ยนรัชกาลท่านประวิทยิ่งแน่วแน่เชื่อใจได้เพราะหากแถไปทาง"ศิรินธรเทพถ่าง"ต้องยืนห่างหัวแถวองคมนตรีอย่างน้อยอันดับที่5รองจากเปรม,สุรยุทธ์,ธานินทร์และพลากร...ม่ายคุ้มค่าแบก

*ศิรินธรเทพถ่างไปยืนกร่างรับความเคารพจากลูกศิษย์โรงเรียนนายร้อยสวนสนามด้วยประกาศอำลาชีวิตเกษียนเพราะครบ60ปีเหมือนจะส่งสัญญานถึงพี่ชายว่าอายุเกิน60ปีแล้วออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการ'กองบัญชาการถวายความจงรักษ์ภักดี'ที่มีฐานะเป็นกองทัพอิสระและเป็นนิติบุคคลที่เสมอด้วยกองทัพไทยได้แล้ว

*ข้อสมมุติมโนว่าทหารลูกศิษย์ทั้งหมดจะเป็นกบถต่อพี่ชายและหนุนน้องเทพขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่10ถึงวันนี้ดูท่าจะยากมากขึ้น

*พลเอกเปรมคงนั่งปลงโทษตัวเองเพราะเล่นเพลงยาวเกินไปและสนุกกับอำนาจในวัย90ปีที่หาใครเหมือนไม่ได้จึงกลายเป็นสร้างโมเดลอำนาจประธานองคมนตรีด้วยการเป็นฤาษีหน้าท้องพระโรงคุมกองทัพแทนกษัตริย์มานานกว่า30ปีจนประวิทเลียนแบบและทำได้ดีเวลานี้ด้วยอายุที่หนุ่มกว่าเปรม20กว่าปีจนสุดท้ายสถานการณ์ก็พลิกไปจากความมุ่งหมายสั่งการของภูมิพลที่ยากจะหวนกลับ

*ถึงเวลานี้คนไทยส่วนใหญ่ก็เริ่มตาสว่างรู้แล้วว่าที่บ้านเมืองวุ่นวายมานานเพราะเป็นผลงานจากพี่น้องแย่งชิงราชสมบัติกันโดยการหนุนหลังของเสด็จพ่อที่เป็นอีแอบตัวจริงที่ไม่กล้าเปิดหน้าเพราะกลัวพี่จะฆ่าน้องแต่ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ให้เกิดวันที่ฉันจากโลกนี้ไปแล้วจะได้ไม่อายที่หลอกชาวบ้านมาตลอดชีวิตว่าเป็นครอบครัวแห่งคุณธรรม...ด้วยเหตุนี้ประชาชีจึงต้องระทมทุกข์

*จากไบค์ฟอร์มัม ก็ไปทำไบค์ฟอร์แดดต่อ เพื่อใช้เป็นค้ำถ่อให้ฟ้าชายไปให้ถึงบัลลังก์รัชกาลที่10โดยสะดวกโยธินด้วยการวางฤกษ์ผานาทีของหมอหยองผู้ผูกดวงกำหนดวันศุกร์ที่11ธันวา,ใครไม่รู้ว่าทำไมไม่จัดเสียให้ตรงวันหยุดหรือจัดให้ตรงกับวันเกิดพ่อเสียเลย...โปรดฟังทางนี้

*ปั่นเพื่อแม่ก็หลัง12สิงหา4วัน(คืออาทิตย์16สิงหา)ปั่นเพื่อพ่อก็หลัง5ธันวา6วัน(คือศุกร์ 11ธันวา)เอา4+6=รัชกาลที่10พอดี555...มีหมอดูเป็นที่ปรึกษาฤกษ์ผานาทีจึงห้ามมองข้าม

*เกมส์ขับเคลื่อนมวลชนปั่นจักรยานงานนี้ถือว่าเหนือชั้นกว่าเทพถ่างที่ชอบทำท่าเต้นระบำร้องเพลงเฟอะฟะหาเสียง

*ไม่ต้องบอกชาวบ้านก็รู้ว่างานนี้"ปั่นเพื่อกู"เพราะดูแล้วใกล้เวลาที่ภูมิพลจะลาโรงเต็มที

*เซียนการเมืองไทยสำนักใหนๆก็อ่านว่าจะเป็นเกมยาวนานนับ10ปีนับจากนี้กว่าจะเปลี่ยนรัชกาล...สปท.ขอประเมินตามเหตุผลทางการเมืองว่าประชาชนคงทนภาวะประเทศทุรนทุรายไปไม่ถึงแน่และนายทหารใหญ่ก็มองเห็นลำไลว่าจะเกิดผลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเป็นราชวงศ์บลูบองฝรั่งเศสแน่ถ้าดึงเรื่องยาวขนานนั้น...และหากมองปรากฎการณ์จากแถลงการณ์พระราชวังฉบับที่16ก็รู้ว่าอาการไม่ยาวแล้ว

*วังสายเปรมชอบเล่นเกมยาวด้วยการปิดข่าวอาการพระประชวรแม้ตายแล้วก็จะดึงให้ยาวไกลเหมือนสังฆราชญานสังวรเพราะต้องรอจังหวะช่วงชิงตามคำสั่งพระราชา9 แต่วังสายเสี่ยให้เล่นเกมสั้นพอหมดสภาพพลันไม่ทันตายก็ให้จัดการเถลิงถวัลเพราะท่านรอจนเกินเกษียณอายุแล้ว ส่วนหมอก็รู้ว่าอยู่ระหว่างเขาควายอันตรายสุดๆ...ล่าสุดจึงยอมหลุดความจริงของพระอาการว่าออกซิเยนในเลือดลดลงและทรงมีอาการหนักตามฉบับที่16

*แถลงการฉบับที่16ทำเอาหญิงเล็กจุฬาภรณ์ทรงร้อนก้นนั่งไม่ติดเดินสายชวนประชาชนสวดมนเป็นการใหญ่พร้อมต่อว่าหมอดูแลไข้ที่ให้ออกแถลงการณ์ซึ่งก็ได้รับยืนยันจากหมอเป็นข่าวลายลักษณ์อักษรว่ารายงานไปในฉบับที่16ถือว่าเขียนให้เบาที่สุดแล้ว...จากการต่อว่าอีก2วันจึงรีบแถลงฉบับที่17ออกมาว่าหายเป็นปกติแล้ว และก็รีบแถลงฉบับที่18ออกมาอย่างเร็วอีกว่าสุขภาพดีแถบจะวิ่งออกกำลังกายได้เลย555

*คำถามง่ายๆควายสลิ่มก็น่าจะตอบได้...ตอนกลับมาศิริราชล่าสุดอย่างฉุกละหุกเมื่อ1มิถุนายนปีนี้หมอใหญ่ศิริราชก็แถลงโกหกเองว่า"เสด็จกลับมาตรวจสุขภาพตามกำหนดปกติ" แล้วถึงวันนี้4เดือนแล้วหายดีทำไมไม่กลับหัวหินละเพค่ะ? หรือว่าการนอนโรงพยาบาลนานๆมันเป็นปกติอย่างหนึ่งเพค่ะ?

*วันวานที่ผ่านมาเปรมกุมไต๋จะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนตามกฎหมายเพราะมาตรา20รัฐธรรมนูญบอกว่าหากกษัตริย์ปฏิบัติหน้าทีไม่ได้และไม่ตั้งผู้ใดไว้ก็ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชกาลแทนพระองค์ไปพลางก่อนด้วยเหตุนี้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ฉบับปี2540ถึงปัจจุบันทั้งฉีกทั้งร่างใหม่มาหลายฉบับแต่หมวดพระมหากษัตริย์ไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่วรรคตอน...แต่วันนี้ฟ้าชายก็แก้เกมเมื่อเปรมไม่จัดการตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนแต่ฉันก็ทำแทนพ่อในฐานะผู้สำเร็จราชกาลแทนโดยธรรมชาติในฐานะลูกและมกุฎราชกุมาร

*มีข่าวเรดรอดออกมาว่าจับตาดูให้ดีจะมีคนแก่อายุใกล้100ถูกรวบตัวเข้าคุกข้อหากบถและพ่วง112หากหาญกล้าประกาศแสดงตนเป็นผู้สำเร็จรทาชการแทนพระองค์ณ.เวลานี้...คอยดูคอยดู

*แล้วพบกันใหม่นับแต่นี้ภายใต้การบริหารของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตามธรรมชาติ
--------จบ-------

ร่างจดหมายที่สามารถส่งถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ เพื่อให้เขาช่วยบอยค็อตต์รัฐบาลเผด็จการทหารไทยอย่างเด็ดขาด

มา...​มดแดงทั้งหลาย มาช่วยกันกัดต่อ...
(2 ตุลาคม 2558)

ร่างจดหมายที่สามารถส่งถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ เพื่อให้เขาช่วยบอยค็อตต์รัฐบาลเผด็จการทหารไทยอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เผด็จการคายอำนาจให้ประชาชนโดยด่วนและอย่างเป็นผลจริงจัง...ก่อนจะเกิดสงครามกลางเมืองที่จะนำความเสียหายแก่ทั้งประเทศไทยและสากล


Your Address (ที่อยู่ของท่าน):

Date (วันเดือนปี):

Name & Address of the leader/officer (ชื่อและที่อยู่ของผู้รับ)

Dear President/Prime Minister/Chancellor XXXXX:

I am a Thai citizen living in (city), (country). I would like to humbly and hopefully beg you to urgently help Thai citizens fight against the dictatorial regime now under the oppressive rule of the army junta.

To our deep disappointment, the Thai army junta led by General Prayuth Chan-O-Cha has managed to be accepted and present at the recent general assembly at the United Nations and given several opportunities to convince world leaders with lies that the regime, which has toppled an elected government, suppressed dissidents with army tactics and forces, violated all forms of human rights, and attempted to stay in power indefinitely, needs additional time to reform the necessary systems before resuming elections in 2017 (pushed further from its original road map). In short, it is evident that this oppressive and dictatorial regime has no intention to democratize Thailand and is ready to use violent forces to suppress all dissidents.

You can help us greatly by seriously pressuring the army junta to return Thailand to a more democratic path as soon as possible and stop violating the citizens' freedom and universal human rights completely. Please consider applying the most powerful measure such as totally boycotting Thailand in all aspects until a general election is carried out.

We, the people of Thailand, are becoming desperate as the junta is relentlessly using all the tools it has to suppress and harass all dissenting citizens. Unless you help to push Thailand toward a peaceful transition democratically, we fear that Thailand may slip into a full-blown civil war that would tragically affect Thailand and greatly impacted the international community.

Thank you for your kind considerations and actions.

Sincerely,
Your name and contact detail (ชื่อและรายละเอียดการติดต่อของท่าน)

ร่างจดหมายที่สามารถส่งถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ เพื่อให้เขาช่วยบอยค็อตต์รัฐบาลเผด็จการทหารไทยอย่างเด็ดขาด

มา...​มดแดงทั้งหลาย มาช่วยกันกัดต่อ...
(2 ตุลาคม 2558)

ร่างจดหมายที่สามารถส่งถึงผู้นำประเทศต่าง ๆ เพื่อให้เขาช่วยบอยค็อตต์รัฐบาลเผด็จการทหารไทยอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เผด็จการคายอำนาจให้ประชาชนโดยด่วนและอย่างเป็นผลจริงจัง...ก่อนจะเกิดสงครามกลางเมืองที่จะนำความเสียหายแก่ทั้งประเทศไทยและสากล


Your Address (ที่อยู่ของท่าน):

Date (วันเดือนปี):

Name & Address of the leader/officer (ชื่อและที่อยู่ของผู้รับ)

Dear President/Prime Minister/Chancellor XXXXX:

I am a Thai citizen living in (city), (country). I would like to humbly and hopefully beg you to urgently help Thai citizens fight against the dictatorial regime now under the oppressive rule of the army junta.

To our deep disappointment, the Thai army junta led by General Prayuth Chan-O-Cha has managed to be accepted and present at the recent general assembly at the United Nations and given several opportunities to convince world leaders with lies that the regime, which has toppled an elected government, suppressed dissidents with army tactics and forces, violated all forms of human rights, and attempted to stay in power indefinitely, needs additional time to reform the necessary systems before resuming elections in 2017 (pushed further from its original road map). In short, it is evident that this oppressive and dictatorial regime has no intention to democratize Thailand and is ready to use violent forces to suppress all dissidents.

You can help us greatly by seriously pressuring the army junta to return Thailand to a more democratic path as soon as possible and stop violating the citizens' freedom and universal human rights completely. Please consider applying the most powerful measure such as totally boycotting Thailand in all aspects until a general election is carried out.

We, the people of Thailand, are becoming desperate as the junta is relentlessly using all the tools it has to suppress and harass all dissenting citizens. Unless you help to push Thailand toward a peaceful transition democratically, we fear that Thailand may slip into a full-blown civil war that would tragically affect Thailand and greatly impacted the international community.

Thank you for your kind considerations and actions.

Sincerely,
Your name and contact detail (ชื่อและรายละเอียดการติดต่อของท่าน)

ปัญหาของการใช้อำนาจตุลาการ เข้าไปชี้ขาดตัดสินข้อพิพาทต่างๆในสังคม

ปัญหาของการใช้อำนาจตุลาการ เข้าไปชี้ขาดตัดสินข้อพิพาทต่างๆในสังคม

๑. ประทศไทย นับแต่ประกาศ และ บังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพ.ศ.๒๕๔๐ เป็นต้นมา นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ ของ "การถอยหลังเข้าคลองครั้ง มโหรฬาร" โดยอาศัยการนำของใหม่ คือ "โครงร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution)" ก็อปปี้มาใช้โดยตรงโดยไม่ดัดแปลง หรือ ประยุกต์นำมาใช้ ให้เข้ายุคสมัยของประเทศไทย เป็นการถอยหลังครั้งใหญ่ของ "ประชาธิปไตยไทย" กลับไปในวันเวลากว่า ๒๐๐๐ ปีที่ผ่านมาของโลก

๒. ทั้งนี้โดยอาศัย การโหมโฆษณาของใหม่ ที่ไม่เคยเกิดมีขึ้น ในประวัติศาสตร์การเมือง และ การปกครองของไทย {สร้างศาลปกครอง, ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ให้เกิดเป็นสถาบันของชาติ (National Institutions)} โดยไม่มีการประกาศโดยแจ้งชัดในเหตุผล ที่ต้องนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ และ เมื่อนำมาใช้แล้ว ก็ย่อมเกิดปัญหาแก่ประชาชน และสังคมไทย แต่บรรดาผู้ร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็ไม่เคยแสดงออก ซึ่งความรับผิดชอบต่อ ประชาชน และสังคมไทยแต่อย่างใด

๓. รวมทั้ง ไม่เคยเสนอทางออกจาก กับดักทางรัฐธรรมนูญ ที่สร้างขึ้น โดยอาศัยปากของคนชั้นนำในสังคมไทย เป็นคนออกมาเป็นแนวหน้า ป่าวร้องให้ชาวบ้าน ผู้อ่อนด้อยทางการศึกษา เพราะ มีความรู้ไม่พอเพียง ให้เห็นด้วยกับ การร่างรัฐธรรมนูญ ในรูปลักษณ์เช่นนี้ ออกมาบังคับใช้

๔. การออกมาเขียน ให้ได้รับรู้กันโดยทั่วไปเช่นนี้ มิใช่เป็น สร้างข้อกล่าวหาในทางร้ายให้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ แต่อย่างใด ทั้งนี้ผม ได้นำเสนอเค้าโครงของ ร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) ให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ได้ทำการศึกษาโดยเปรียบเทียบ กับ เค้าโครงของร่างรัฐธรรมนูญไทยฉบับดังกล่าวแล้ว ปรากฏ เป็นเค้าโครงร่างของ รัฐรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) อยู่ในชุมชนแห่งเสรีภาพ (the Land of Liberty ที่ท่านผู้อ่านทุกๆท่าน อาจไปดาวน์โหลดรูปภาพ ที่ว่านั้น มาศึกษาโดยเปรียบเทียบได้ โดยเสรี

๕. โดยที่ผม จะนำคำอรรถาอธิบายในส่วนต่างๆของ เค้าโครงของ ร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) ที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ เป็น ผู้ร่างนำขึ้นใช้ โดยไม่ให้คำอรรถาอธิบายใดๆ มาอธิบาย และ ชี้ให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ได้รับทราบ เป็นตอนๆในชุมชนแห่งเสรีภาพ (the Land of Liberty ต่อไป

๖. การนำเอาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ มาประกาศ และ บังคับใช้เป็นกฏหมายที่สำคัญ (ตราสารที่สำคัญ) ของชาติเช่นนี้ ย่อมไม่ต่างไปจากที่นายพลตีโต้ แห่งยูโกสลาเวีย ไปแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแห่งชาติของประเทศยูโกสลาเวีย ในปีค.ศ. 1963 และ

๗. มาแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแห่งชาติของ ประเทศยูโกสลาเวีย ในหนสุดท้ายในปีค.ศ. 1974 จนนำไปสู่ การล่มสลายของประเทศยูโกสลาเวีย ประเทศถูกแบ่งแยก เป็นประเทศเกิดใหม่ เพิ่มขึ้นอีก ๔ – ๕ ประเทศ (สโลวาเนีย, บอสเนีย เฮอร์เซโกวีน่า, รัฐเซริบส์ใหม่, โคโซโว่ รวมทั้ง มอนเตเนโกร และมาเซโดเนีย)

๘. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ นอกจากจะสร้างปัญหาให้กับ พี่น้องประชาชนคนไทย ทั้งประเทศ ผู้อ่อนด้อยทางปัญญา และ ความรู้ในเชิงวิชาการดังที่กล่าวมาแล้ว

๙. ยังเป็นการสร้างปัญหาแก่ การใช้อำนาจในทาง ที่อำนวยความยุติธรรม และใช้อำนาจในทางฝ่ายตุลาการ (the exercising of Judiciary) อย่างเกินกว่า ขอบอำนาจ (the Usurpation of Powers) ที่ควรมี ควรจะเป็น อีกทั้งยังเป็น การฝ่าฝืนต่อครรลอง อันชอบธรรมของ กฏเกณฑ์ของโลก (World Summit Outcome, 2005) และ

๑๐. ยังมีการใช้อำนาจ จากมาตรการ ที่วางไว้ตามรัฐธรรมนูญ "แบบ ตาบอด คลำช้าง" กลายเป็น การหยิบยื่น มาตรการทางอำนวยความยุติธรรม ในรูปแบบ ๒ มาตรฐาน โดย ผู้ที่ใช้อำนาจอำนวยความยุติธรรม ทั้งระบบ ไม่อาจรับรู้ หรือ มีความรู้สึกว่า การใช้อำนาจ เช่นว่านั้น ฝ่าฝืนต่อครรลองความชอบธรรมของโลก...................... (มีต่อ)

ปัญหาของการใช้อำนาจตุลาการ เข้าไปชี้ขาดตัดสินข้อพิพาทต่างๆในสังคม

ปัญหาของการใช้อำนาจตุลาการ เข้าไปชี้ขาดตัดสินข้อพิพาทต่างๆในสังคม

๑. ประทศไทย นับแต่ประกาศ และ บังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพ.ศ.๒๕๔๐ เป็นต้นมา นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ ของ "การถอยหลังเข้าคลองครั้ง มโหรฬาร" โดยอาศัยการนำของใหม่ คือ "โครงร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution)" ก็อปปี้มาใช้โดยตรงโดยไม่ดัดแปลง หรือ ประยุกต์นำมาใช้ ให้เข้ายุคสมัยของประเทศไทย เป็นการถอยหลังครั้งใหญ่ของ "ประชาธิปไตยไทย" กลับไปในวันเวลากว่า ๒๐๐๐ ปีที่ผ่านมาของโลก

๒. ทั้งนี้โดยอาศัย การโหมโฆษณาของใหม่ ที่ไม่เคยเกิดมีขึ้น ในประวัติศาสตร์การเมือง และ การปกครองของไทย {สร้างศาลปกครอง, ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ให้เกิดเป็นสถาบันของชาติ (National Institutions)} โดยไม่มีการประกาศโดยแจ้งชัดในเหตุผล ที่ต้องนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ และ เมื่อนำมาใช้แล้ว ก็ย่อมเกิดปัญหาแก่ประชาชน และสังคมไทย แต่บรรดาผู้ร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็ไม่เคยแสดงออก ซึ่งความรับผิดชอบต่อ ประชาชน และสังคมไทยแต่อย่างใด

๓. รวมทั้ง ไม่เคยเสนอทางออกจาก กับดักทางรัฐธรรมนูญ ที่สร้างขึ้น โดยอาศัยปากของคนชั้นนำในสังคมไทย เป็นคนออกมาเป็นแนวหน้า ป่าวร้องให้ชาวบ้าน ผู้อ่อนด้อยทางการศึกษา เพราะ มีความรู้ไม่พอเพียง ให้เห็นด้วยกับ การร่างรัฐธรรมนูญ ในรูปลักษณ์เช่นนี้ ออกมาบังคับใช้

๔. การออกมาเขียน ให้ได้รับรู้กันโดยทั่วไปเช่นนี้ มิใช่เป็น สร้างข้อกล่าวหาในทางร้ายให้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ แต่อย่างใด ทั้งนี้ผม ได้นำเสนอเค้าโครงของ ร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) ให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ได้ทำการศึกษาโดยเปรียบเทียบ กับ เค้าโครงของร่างรัฐธรรมนูญไทยฉบับดังกล่าวแล้ว ปรากฏ เป็นเค้าโครงร่างของ รัฐรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) อยู่ในชุมชนแห่งเสรีภาพ (the Land of Liberty ที่ท่านผู้อ่านทุกๆท่าน อาจไปดาวน์โหลดรูปภาพ ที่ว่านั้น มาศึกษาโดยเปรียบเทียบได้ โดยเสรี

๕. โดยที่ผม จะนำคำอรรถาอธิบายในส่วนต่างๆของ เค้าโครงของ ร่างรัฐธรรมนูญโรมัน (Roman Constitution) ที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ เป็น ผู้ร่างนำขึ้นใช้ โดยไม่ให้คำอรรถาอธิบายใดๆ มาอธิบาย และ ชี้ให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ได้รับทราบ เป็นตอนๆในชุมชนแห่งเสรีภาพ (the Land of Liberty ต่อไป

๖. การนำเอาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ มาประกาศ และ บังคับใช้เป็นกฏหมายที่สำคัญ (ตราสารที่สำคัญ) ของชาติเช่นนี้ ย่อมไม่ต่างไปจากที่นายพลตีโต้ แห่งยูโกสลาเวีย ไปแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแห่งชาติของประเทศยูโกสลาเวีย ในปีค.ศ. 1963 และ

๗. มาแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแห่งชาติของ ประเทศยูโกสลาเวีย ในหนสุดท้ายในปีค.ศ. 1974 จนนำไปสู่ การล่มสลายของประเทศยูโกสลาเวีย ประเทศถูกแบ่งแยก เป็นประเทศเกิดใหม่ เพิ่มขึ้นอีก ๔ – ๕ ประเทศ (สโลวาเนีย, บอสเนีย เฮอร์เซโกวีน่า, รัฐเซริบส์ใหม่, โคโซโว่ รวมทั้ง มอนเตเนโกร และมาเซโดเนีย)

๘. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ นอกจากจะสร้างปัญหาให้กับ พี่น้องประชาชนคนไทย ทั้งประเทศ ผู้อ่อนด้อยทางปัญญา และ ความรู้ในเชิงวิชาการดังที่กล่าวมาแล้ว

๙. ยังเป็นการสร้างปัญหาแก่ การใช้อำนาจในทาง ที่อำนวยความยุติธรรม และใช้อำนาจในทางฝ่ายตุลาการ (the exercising of Judiciary) อย่างเกินกว่า ขอบอำนาจ (the Usurpation of Powers) ที่ควรมี ควรจะเป็น อีกทั้งยังเป็น การฝ่าฝืนต่อครรลอง อันชอบธรรมของ กฏเกณฑ์ของโลก (World Summit Outcome, 2005) และ

๑๐. ยังมีการใช้อำนาจ จากมาตรการ ที่วางไว้ตามรัฐธรรมนูญ "แบบ ตาบอด คลำช้าง" กลายเป็น การหยิบยื่น มาตรการทางอำนวยความยุติธรรม ในรูปแบบ ๒ มาตรฐาน โดย ผู้ที่ใช้อำนาจอำนวยความยุติธรรม ทั้งระบบ ไม่อาจรับรู้ หรือ มีความรู้สึกว่า การใช้อำนาจ เช่นว่านั้น ฝ่าฝืนต่อครรลองความชอบธรรมของโลก...................... (มีต่อ)

Thursday, October 1, 2015

วิบากกรรมของนายกยิ่งลักษณ์ โดย วัฒนา เมืองสุข


วิบากกรรมของนายกยิ่งลักษณ์

ผมอ่านข่าวนายกยิ่งลักษณ์เป็นโจทก์ฟ้องอดีตอัยการสูงสุด (นายตระกูล วินิจนัยภาค) กับพวกรวม 4 คน ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อมาอดีต อสส ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัวตอบโต้ทำนองว่า "คดีจำนำข้าวท่านต้องทำตามหน้าที่เพื่อแทนคุณแผ่นดิน" ผมเห็นว่าคดีนี้มีความผิดปกติในหลายเรื่องและหลายขั้นตอน ดังนี้
1. คดีนี้เป็นคดีแรกของประเทศไทยหรืออาจเป็นคดีแรกของโลกก็ได้ที่หัวหน้ารัฐบาล ถูกดำเนินคดีจากการดำเนินนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ การรับจำนำข้าวที่จริงคือการแทรกแซงตลาด (market intervention) ที่ทำกันมาทุกรัฐบาลรวมถึงรัฐบาล คสช ที่เพิ่งอนุมัติเงินงบประมาณไปแทรกแซงราคายางพารารวมถึงการอนุมัติเงินช่วย เหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท
2. การแทรกแซงตลาดเพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรให้สินค้า เกษตรได้รับผลตอบแทนสูงสุด เป็นแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจที่รัฐธรรมนูญปี 2550 บังคับให้รัฐต้องดำเนินการตามมาตรา 75 วรรคแรก มาตรา 84 และ 84(8) และถือเป็นนโยบายของ "คณะรัฐมนตรี" ที่ต้องแถลงต่อรัฐสภาตามมาตรา 75 วรรคสอง การดำเนินตามแนวนโยบายดังกล่าวจึงชอบและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ คำถามคือถ้านโยบายนี้ผิดกฎหมายจนต้องถูกดำเนินคดี เหตุใดจึงดำเนินคดีกับนายกยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียวทั้งที่เป็นนโยบายของคณะ รัฐมนตรี เหตุใดหัวหน้ารัฐบาลคนอื่นๆ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการแทรกแซงตลาดเหมือนกันรวมทั้งหัวหน้า คสช ด้วยกลับไม่ถูกดำเนินคดี
3. เมื่อ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนมาให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีกับนายกยิ่งลักษณ์ ได้มีการตั้งคณะทำงานของอัยการรวม 10 คนเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้โดยมีรองอัยการสูงสุด (นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์พงศ์) เป็นหัวหน้า คณะทำงานเห็นว่าสำนวนที่ส่งมามีข้อไม่สมบูรณ์รวม 4 ประเด็นสำคัญ จึงมีหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งก็ได้ตั้งคณะทำงานรวม 10 คนเท่ากับอัยการเพื่อมาหาข้อสรุปร่วมกัน ขั้นตอนนี้มีความแปลกประหลาดเกิดขึ้นคือ
(1) มีการนัดประชุมร่วมคณะทำงานสองฝ่ายครั้งแรก แต่หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการกับพวกรวม 7 ท่านไม่ทราบจึงไม่ได้ไปประชุม มีเพียงอัยการ 3 ท่านที่ถูกนายกยิ่งลักษณ์ฟ้องไปประชุมกับ ป.ป.ช. ทำให้ครบองค์ประชุม หากคณะทำงานของอัยการทุกท่านได้รับแจ้งจาก ป.ป.ช. โดยชอบแล้วตามที่ท่านอดีต อสส ชี้แจง ต้องถือว่าหัวหน้าคณะและอัยการรวม 7 ท่านที่ไม่ได้ไปประชุมมีความผิด ท่าน อสส ในขณะนั้นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนและลงโทษอัยการทั้ง 7 ท่านนี้อย่างไรหรือปล่อยเลยตามเลยครับ
(2) คณะทำงานอัยการ 3 ท่านที่ไปประชุมกับฝ่าย ป.ป.ช. ไม่แปลกใจบ้างเลยหรือครับว่าทำไมหัวหน้าคณะและพรรคพวกรวม 7 ท่านไม่ได้ไปประชุมด้วย ในคดีสำคัญที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกกล่าวหาถ้าเป็นผมอย่างน้อยต้อง โทรตามหัวหน้าคณะหรือพรรคพวก ถ้าท่านเหล่านั้นไม่ทราบเรื่องก็ต้องขอเลื่อนการประชุมออกไป ผมว่าทุกคนในโลกคงทำแบบนี้เหมือนกัน
(3) ที่ประหลาดมากขึ้นก็คือทั้ง 3 ท่านที่ไปประชุมที่เคยเห็นร่วมกันแต่แรกว่าสำนวนมีความไม่สมบูรณ์กลับเห็น ตาม ป.ป.ช. ว่าสำนวนสมบูรณ์ที่จะฟ้องได้แล้วโดยไม่ต้องไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม แล้วเหตุใดเมื่อยื่นฟ้องไปแล้วจึงมาขอเพิ่มเติมพยานเอกสารที่อยู่นอกสำนวน อีก 67,800 แผ่น คดีสำคัญขนาดนี้ทำไมไม่ทำให้รอบคอบครบถ้วนแต่แรกครับ
(4) นอกจากความผิดปกติที่ผมกล่าวแล้ว คดีนี้ยังเป็นคดีแรกที่ อสส เรียกสำนวนไปจากอัยการคดีพิเศษที่มีหน้าที่รับผิดชอบคดีของ ป.ป.ช. โดยตรง เพื่อมอบให้สำนักงานคดีสืบสวนและสอบสวนที่มีท่านสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล เป็นอธิบดีและเป็นหนึ่งในสามท่านที่ไปประชุมเป็นผู้รับผิดชอบแทน
4. ความผิดปกติทั้งหมดช่างบังเอิญมาเกิดขึ้นภายหลังจากที่หัวหน้า คสช มีคำสั่งปลดท่านอรรถพล ใหญ่สว่าง ที่เป็นอัยการสูงสุดในขณะนั้นและแต่งตั้งให้ท่านอดีต อสส ที่ถูกนายกยิ่งลักษณ์ฟ้องมาเป็นแทน ซึ่งถ้าไม่มีการปลดท่านอรรถพลแล้วท่านอดีต อสส ที่ถูกฟ้องจะไม่มีโอกาสเป็น อสส เลย นี่ใช่มั้ยครับที่ท่านบอกว่าคือการแทนคุณแผ่นดิน

ด้วยความเคารพในองค์กรอัยการ
วัฒนา เมืองสุข

วิบากกรรมของนายกยิ่งลักษณ์ โดย วัฒนา เมืองสุข


วิบากกรรมของนายกยิ่งลักษณ์

ผมอ่านข่าวนายกยิ่งลักษณ์เป็นโจทก์ฟ้องอดีตอัยการสูงสุด (นายตระกูล วินิจนัยภาค) กับพวกรวม 4 คน ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อมาอดีต อสส ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัวตอบโต้ทำนองว่า "คดีจำนำข้าวท่านต้องทำตามหน้าที่เพื่อแทนคุณแผ่นดิน" ผมเห็นว่าคดีนี้มีความผิดปกติในหลายเรื่องและหลายขั้นตอน ดังนี้
1. คดีนี้เป็นคดีแรกของประเทศไทยหรืออาจเป็นคดีแรกของโลกก็ได้ที่หัวหน้ารัฐบาล ถูกดำเนินคดีจากการดำเนินนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ การรับจำนำข้าวที่จริงคือการแทรกแซงตลาด (market intervention) ที่ทำกันมาทุกรัฐบาลรวมถึงรัฐบาล คสช ที่เพิ่งอนุมัติเงินงบประมาณไปแทรกแซงราคายางพารารวมถึงการอนุมัติเงินช่วย เหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท
2. การแทรกแซงตลาดเพื่อเป็นการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรให้สินค้า เกษตรได้รับผลตอบแทนสูงสุด เป็นแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจที่รัฐธรรมนูญปี 2550 บังคับให้รัฐต้องดำเนินการตามมาตรา 75 วรรคแรก มาตรา 84 และ 84(8) และถือเป็นนโยบายของ "คณะรัฐมนตรี" ที่ต้องแถลงต่อรัฐสภาตามมาตรา 75 วรรคสอง การดำเนินตามแนวนโยบายดังกล่าวจึงชอบและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการ คำถามคือถ้านโยบายนี้ผิดกฎหมายจนต้องถูกดำเนินคดี เหตุใดจึงดำเนินคดีกับนายกยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียวทั้งที่เป็นนโยบายของคณะ รัฐมนตรี เหตุใดหัวหน้ารัฐบาลคนอื่นๆ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการแทรกแซงตลาดเหมือนกันรวมทั้งหัวหน้า คสช ด้วยกลับไม่ถูกดำเนินคดี
3. เมื่อ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนมาให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีกับนายกยิ่งลักษณ์ ได้มีการตั้งคณะทำงานของอัยการรวม 10 คนเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้โดยมีรองอัยการสูงสุด (นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์พงศ์) เป็นหัวหน้า คณะทำงานเห็นว่าสำนวนที่ส่งมามีข้อไม่สมบูรณ์รวม 4 ประเด็นสำคัญ จึงมีหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งก็ได้ตั้งคณะทำงานรวม 10 คนเท่ากับอัยการเพื่อมาหาข้อสรุปร่วมกัน ขั้นตอนนี้มีความแปลกประหลาดเกิดขึ้นคือ
(1) มีการนัดประชุมร่วมคณะทำงานสองฝ่ายครั้งแรก แต่หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการกับพวกรวม 7 ท่านไม่ทราบจึงไม่ได้ไปประชุม มีเพียงอัยการ 3 ท่านที่ถูกนายกยิ่งลักษณ์ฟ้องไปประชุมกับ ป.ป.ช. ทำให้ครบองค์ประชุม หากคณะทำงานของอัยการทุกท่านได้รับแจ้งจาก ป.ป.ช. โดยชอบแล้วตามที่ท่านอดีต อสส ชี้แจง ต้องถือว่าหัวหน้าคณะและอัยการรวม 7 ท่านที่ไม่ได้ไปประชุมมีความผิด ท่าน อสส ในขณะนั้นได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนและลงโทษอัยการทั้ง 7 ท่านนี้อย่างไรหรือปล่อยเลยตามเลยครับ
(2) คณะทำงานอัยการ 3 ท่านที่ไปประชุมกับฝ่าย ป.ป.ช. ไม่แปลกใจบ้างเลยหรือครับว่าทำไมหัวหน้าคณะและพรรคพวกรวม 7 ท่านไม่ได้ไปประชุมด้วย ในคดีสำคัญที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกกล่าวหาถ้าเป็นผมอย่างน้อยต้อง โทรตามหัวหน้าคณะหรือพรรคพวก ถ้าท่านเหล่านั้นไม่ทราบเรื่องก็ต้องขอเลื่อนการประชุมออกไป ผมว่าทุกคนในโลกคงทำแบบนี้เหมือนกัน
(3) ที่ประหลาดมากขึ้นก็คือทั้ง 3 ท่านที่ไปประชุมที่เคยเห็นร่วมกันแต่แรกว่าสำนวนมีความไม่สมบูรณ์กลับเห็น ตาม ป.ป.ช. ว่าสำนวนสมบูรณ์ที่จะฟ้องได้แล้วโดยไม่ต้องไต่สวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม แล้วเหตุใดเมื่อยื่นฟ้องไปแล้วจึงมาขอเพิ่มเติมพยานเอกสารที่อยู่นอกสำนวน อีก 67,800 แผ่น คดีสำคัญขนาดนี้ทำไมไม่ทำให้รอบคอบครบถ้วนแต่แรกครับ
(4) นอกจากความผิดปกติที่ผมกล่าวแล้ว คดีนี้ยังเป็นคดีแรกที่ อสส เรียกสำนวนไปจากอัยการคดีพิเศษที่มีหน้าที่รับผิดชอบคดีของ ป.ป.ช. โดยตรง เพื่อมอบให้สำนักงานคดีสืบสวนและสอบสวนที่มีท่านสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล เป็นอธิบดีและเป็นหนึ่งในสามท่านที่ไปประชุมเป็นผู้รับผิดชอบแทน
4. ความผิดปกติทั้งหมดช่างบังเอิญมาเกิดขึ้นภายหลังจากที่หัวหน้า คสช มีคำสั่งปลดท่านอรรถพล ใหญ่สว่าง ที่เป็นอัยการสูงสุดในขณะนั้นและแต่งตั้งให้ท่านอดีต อสส ที่ถูกนายกยิ่งลักษณ์ฟ้องมาเป็นแทน ซึ่งถ้าไม่มีการปลดท่านอรรถพลแล้วท่านอดีต อสส ที่ถูกฟ้องจะไม่มีโอกาสเป็น อสส เลย นี่ใช่มั้ยครับที่ท่านบอกว่าคือการแทนคุณแผ่นดิน

ด้วยความเคารพในองค์กรอัยการ
วัฒนา เมืองสุข

ใกล้ครบรอบ 39 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 แต่เรื่องราวหกตุลายังไม่คลี่คลาย

Nithinand Yorsaengrat

ขออภัยมิตรสหายที่ต้องลงภาพไม่น่าดู แต่ก็ได้พยายามปิดบังใบหน้าของเหยื่อที่ถูกกระทำอย่างโหดร้ายแล้ว 

ใกล้ครบรอบ 39 ปีเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 แต่เรื่องราวหกตุลายังไม่คลี่คลาย 

คนทั่วไปทราบว่าคุณวิชิตชัย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถูกจับแขวนคอใต้ต้นมะขาม บริเวณท้องสนามหลวง และถูกเก้าอี้ฟาด โดยคนไทยด้วยกันผู้ฟาดเก้าอี้และยืนดูต่างมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส 

ภาพถ่ายคุณวิชิตชัยในวินาทีแสนเศร้า โดยช่างภาพ AP ชื่อ Neal Ulevich ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ประจำปี 1977 เมื่อถึงรอบหกตุลาคม จะมีผู้นำภาพคุณวิชิตชัยมาเผยแพร่เสมอด้วยความโศกสลด จนหลายปีมานี้ จึงมีเสียงเรียกร้องว่าอย่าแพร่ภาพนี้อีกเลยเพื่อให้เกียรติผู้เสียชีวิตและครอบครัว 

นั่นคือเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้น ณ ต้นมะขามต้นนั้น 

หลายปีที่ผ่านมานี้ คณะกรรมการรับข้อมูลและสืบพยานเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ได้ข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมว่า ยังมีมะขามอีก 3 ต้นในบริเวณใกล้เคียง ทำหน้าที่เช่นเดียวกับมะขามต้นแรก 

ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 นอกจากคุณวิชิตชัย ยังมีชายไม่ทราบชื่ออีก 3 คนถูกแขวนคอ หนึ่งในนั้น ตำรวจบันทึกชื่อว่า ปรีชา แซ่เฮีย แต่ไม่สามารถหาญาติมายืนยัน และไม่สามารถค้นหาชื่อได้จากสำนักทะเบียนราษฎร์

ในสี่ศพดังกล่าว ศพคุณวิชิตชัย สวมเสื้อนักศึกษา นุ่งกางเกงขาบาน ศพที่สอง สวมเสื้อแขนสั้นสีเข้ม นุ่งกางเกงยีนส์ ศพที่สาม สวมเสื้อลายดอก ถูกลากลงจากรถแท็กซี่ รุมประชาทัณฑ์ ก่อนจับแขวนคอ ศพที่สี่ เครื่องแต่งกายไม่แน่ชัด แต่ถูกรัดคอด้วยเชือกไนล่อนแล้วนำไปแขวนคอ

ทุกศพที่ถูกแขวนคอ ถูกลากลงมาเผา

เมื่อ พ.ศ. 2520 สมัคร สุนทรเวช ซึ่งน่าจะติดกับดักปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารของกลุ่มตน (ในสมัยนั้น) กล่าวเต็มปากเต็มคำว่า 

"การที่มีการเผาคนตายไป ๔ คนนั้นเป็นการเผาคนซึ่งต้องการทำลายหลักฐาน ไม่ให้รู้ว่าเป็นคนชาติใด เพราะเหตุว่าหลักฐานในกองที่ไหม้นั้น มีรูปโฮจิมินห์เล็ก ๆ ซึ่งเผาไปไม่หมด" 

(จากเทปบันทึกเสียงปาฐกถาของนายสมัคร สุนทรเวช เรื่อง "คนที่ถูกเผาที่ธรรมศาสตร์เป็นคนญวน" ให้กับนักเรียนไทยในประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2520

https://th.wikiquote.org/wiki/สมัคร_สุนทรเวช )

คำพูดเหล่านั้นของสมัคร ผิดความจริง เพราะอย่างน้อยก็ชัดเจนว่าวิชิตชัยเป็นคนไทย และเป็นนิสิตจุฬาฯ คนตายและคนถูกจับจำนวนมากในวันนั้นล้วนเป็นคนไทย อีกทั้งเป็นไปได้น้อยมาก ที่ฝูงชนผู้กระเหี้ยนกระหือรือ เผาผู้ตายทั้งสี่ด้วยอารมณ์เกลียดชังอย่างมาก จะเป็นพวกเดียวกันกับคนถูกเผา ตั้งใจเผาเพื่อทำลาย "หลักฐาน" 

สมัครพูดถูกอย่างเดียวเรื่องแขวนคอสี่คนและเอาศพลงมาเผา 

"เหตุที่เกิดขึ้นแปลกมาก มีการทุบตีคนให้ตายแล้วเอามาแขวนคอ ชักชวนให้เอาไม้ไปตี เอาเก้าอี้ไปตี แล้วเอาคนที่ถูกแขวนคอจนตายนั้นเอามาวาง มีการเอายางรถยนต์วางแล้วเอาศพวางแล้วเอายางรถยนต์วางทับ เอาน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาทั้ง ๔ ศพ

"ทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นกลางถนน กลางสนามหลวง กลางถนนราชดำเนิน ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้ได้ แต่ผลการสอบสวนในภายหลังนั้นก็สามารถจะปะติดปะต่อได้"

(แหล่งอ้างอิงเดียวกันกับลิงค์ข้างบน) 

ฝ่ายถือครองอำนาจยาวนานของประเทศ ประสบความสำเร็จมาแล้วเมื่อครั้ง 6 ตุลาคม 2519 ในการสร้างความเชื่อว่า นักศึกษาประชาชนกลุ่มหนึ่งที่นิยมเสรีภาพ ไม่ยอมคิดเหมือน พูดเหมือน ทำเหมือนที่ฝ่ายอำนาจสั่งให้ทำ คือคนคิดร้ายขายชาติ ล้มเจ้า จนเกิดเป็นฝ่ายคนดีรักชาติที่เกลียดชังคนไทยอีกฝ่ายอย่างรุนแรง สามารถเข่นฆ่าทำลายล้างอีกฝ่ายราวกับอีกฝ่ายไม่ใช่คนได้ทันทีที่มีโอกาส

ใกล้ปีที่ 39 ของ 6 ตุลาคม 2519 เรื่องราวหลายอย่างในเหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย นอกจากความจริงที่่เห็นกันอยู่ว่า นักศึกษาประชาชนผู้อยู่คนละฝ่ายกับรัฐบาลเผด็จการครั้งนั้น ล้วนเป็นคนไทย มิได้ขายชาติ มิได้ล้มเจ้า หลายคนมากในเวลานี้เป็นผู้เป่านกหวีดเรียกร้องรัฐประหาร เผยแพร่ความเชื่อว่าทักษิณสร้างกองทัพชาวบ้านเสื้่อแดงขึ้นมาล้มเจ้า ทักษิณเลว คนไม่เอารัฐประหารเป็นขี้ข้าทักษิณ เป็นพวกแดง เป็นพวกล้มเจ้า ฯลฯ 

น่าเศร้าที่คนไทยหลายคนไม่เรียนรู้อดีต และพร้อมจะเดินตามอดีตอัปยศ 

ภาพนี้คือภาพชายเสื้อลายดอก ที่ถูกลากลงจากรถแท็กซี่ ก่อนถูกรุมประชาทัณฑ์ นำไปแขวนคอและเผา ซึ่งยังไม่อาจทราบได้เลยว่าเขาเป็นใคร มีเพียงพยานที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวเล่าเหตุการณ์แสนรันทดนั้น

https://www.facebook.com/NithinandY/posts/10156063950450117:0

การต่อต้านเผด็จการคสช. จะประทุแรงขึ้นเรื่อย ๆ


Sa-nguan Khumrungroj shared ภัควดี วีระภาสพงษ์'s post.
15 mins · 

ภัควดี วีระภาสพงษ์
การรวมพลังต่อต้าน Single Gateway ของเกมเมอร์ทั้งหลายเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งแห่งการต่อต้านที่กำลังสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่าการต่อต้านนับวันจะมีมากขึ้น ๆ วันก่อนข้าพเจ้าได้รับฟังคำบอกเล่าเกี่ยวกับคนในวิชาชีพหนึ่งที่ไม่ได้สนใจการเมือง แต่เนื่องจากทหารเข้ามาก้าวก่ายในการงานอาชีพของเขามากเกินไป จนเขาต้องลุกขึ้นมาโต้แย้งและวิพากษ์วิจารณ์ทหารโดยตรงอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ซึ่งตามปรกติวิสัยของเขา เขาก็คงไม่ทำแบบนั้น แต่สาเหตุสืบเนื่องจากทนไม่ไหวกับทหารที่คิดว่าวิธีการของตนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกโดยไม่คำนึงถึงบริบทอะไรทั้งนั้น

คสช.และกองทัพ รวมทั้งชนชั้นนำเต่าล้านปีจะรู้หรือไม่ว่าโลกมันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว ความคิดแบบยุคสงครามเย็น วิธีปฏิบัติแบบค่ายทหาร มันใช้การไม่ได้แล้วในโลกยุคปัจจุบัน มิหนำซ้ำ การนำแนวคิดและวิธีการแบบค่ายทหารโบราณมาใช้ มันจะทำลายประเทศนี้จนย่อยยับทั้งการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม มันจะกระตุ้นความรู้สึกต่อต้านของคนในสังคมขึ้นมา และยิ่งถ้าประชาชนมีแต่ความรู้สึกต่อต้านโดยไม่มีแนวคิดที่เป็นทางออก ถึงแม้ คสช.พังไป ประเทศนี้ก็ยังย่อยยับอยู่ดี

Wednesday, September 30, 2015

เศรฐกิจไทย

            ขณะนี้ประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบาย "สองต่ำ" โดยค่อยๆลดเพดานภายในประเทศให้ต่ำลง และลดการพึ่งพาจากต่างชาตินี่เป็นส่วนเศรษฐศาสตร์จุลภาค ภายในประเทศอาจมองว่าได้ค่าครองชีพที่ถูกลงถึงขั้นหลุดความคิดว่า 160บาทต่อวัน แต่ข้าวของจะถูกกดให้ต่ำตามด้วยทำให้คนที่มองไม่ออกเห็นว่าเป็นประโยชน์ 
              ในส่วนจะกระทบค่าเงินบาท ระบบเศรฐศาสตร์มหภาค กลับมีผลตรงกันข้ามเนื่องจากนำสินค้าราคาถูกในประเทศมาส่งออกได้เงินยูเอสดอลล่า กลับเข้าประเทศ คนกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์มหาศาลจากการทำนโยบาย สองต่ำ จุดนี้เองจึงต้องทำการค้าผูกขาด และนำเศษของเงินเหล่านั้นมาแจกจ่ายในรูปแบบกรุณาธิคุณและอภิสิทธิชนผู้ถวายงาน รวมคนกลุ่มนี้ว่า"ชนชั้นปกครอง" จึงเกิดการลดอุณหภูมิในประเทศให้ต่ำลงเรื่อยๆเป้าหมายคือผู้มีรายได้มากจนเข้าไปปะปนกับชนชั้นปกครองได้ ค่อยๆหมดกำลังลง ควบการใช้ประชารัฐ ดันคนระดับล่างไม่ให้กระทบแถมยังเปิดสลอตว่างในหน่วยราชการเป็นช่องระบายแรงกดในสังคม

(ปล.นี่เป็นระบบสหกรณ์ซ่อนรูป และยังยืนยันว่า ประเทศไทยมีสภาเปรซิเดียมอันมีกษัตริย์เป็นประธาน ถึงแม้ร่าง รธน ถูกล้ม แต่โครงสร้างถูกวางเรียบร้อยแล้ว หลังจากคณะราษฎได้ก่อตัวจนเกิดเป็นธรรมนูญที่กษัตริย์เป็นผู้มอบ และได้ตราว่า"กษัตริย์อยู่ใต้ รธน. และ รธน. ได้ถูกว่ากษัตริย์ทรงอยู่เหนือ รธน."ใน ม.3นั่นเอง)

Tuesday, September 29, 2015

เห็นพิษสงของเผด็จการบ้าที่ดินหรือยังล่ะ

ใครเป็นลูกหลานคนแถวๆนั้น ยินดีด้วยนะ 

เห็นพิษสงของเผด็จการบ้าที่ดินหรือยังล่ะ จ้องฮุบเอาที่ดินคนจนล้วนเป็นคนหาเช้ากินค่ำทั้งนั้น พวกเหลืองรักนกหวีดพวกแดงรักทัษิณ แมร่งมันไล่เกลี้ย ที่ได้รับผลกระทบสุดๆคือบางกลุ่ม ร.1ร.3 ร.4 ร.5 พระราชทานให้อยู่อาศัยมาครั้งบรรพบุรุษ กษัตริย์ต่อมา ร6 ร7 ร8 ร9 ไม่เคยไล่ที่ แล้วใครอยู่เบื้องหลังสั่งให้ไอ้หม่อมเอ๋อมาไล่ที่กันเล่า

ชาวคลองถมเพิ่งโดนไล่จนถอยหมดกันแล้ว ถูกห้ามเข้าพื้นที่ ย้ายไปขายของริมฟุตบาทกก็ไม่ได้  รัฐบาลอำมาตย์เผด็จการสั่งรัฐบาล คสช.มาใช้.44 คืนความสุขให้คนจนแบบนี้เอง ผู้ค้าสะพานเหล็กครวญโดน กทม.แกล้งสารพัดเพื่อไม่ให้ขายของได้อีก อ้างจัดระเบียบ เจ้าของเดิมให้มาพัฒนาพื้นที่  ต้องเคลียร์พื้นที่ตรงนั้น อ้างตรงเวิ้งนาครเกษมไอ้เอ๋อให้กับเสี่ยเจริญ เบียร์ช้าง ที่เพิ่งกว้านชื่อที่ดินตรงนั้นจากตระกูลบริพัตร เอ๋อก็ใช้อำนาจรัฐขจัดคนจนให้นายทุนเบียร์ช้างนอมิเนียของมาเฟียใหญ่ในประเทศไทย คนจนต้องปาดน้ำตาให้กับเผด็จการไทยอีกหน

เห็นพิษสงของเผด็จการบ้าที่ดินหรือยังล่ะ

ใครเป็นลูกหลานคนแถวๆนั้น ยินดีด้วยนะ 

เห็นพิษสงของเผด็จการบ้าที่ดินหรือยังล่ะ จ้องฮุบเอาที่ดินคนจนล้วนเป็นคนหาเช้ากินค่ำทั้งนั้น พวกเหลืองรักนกหวีดพวกแดงรักทัษิณ แมร่งมันไล่เกลี้ย ที่ได้รับผลกระทบสุดๆคือบางกลุ่ม ร.1ร.3 ร.4 ร.5 พระราชทานให้อยู่อาศัยมาครั้งบรรพบุรุษ กษัตริย์ต่อมา ร6 ร7 ร8 ร9 ไม่เคยไล่ที่ แล้วใครอยู่เบื้องหลังสั่งให้ไอ้หม่อมเอ๋อมาไล่ที่กันเล่า

ชาวคลองถมเพิ่งโดนไล่จนถอยหมดกันแล้ว ถูกห้ามเข้าพื้นที่ ย้ายไปขายของริมฟุตบาทกก็ไม่ได้  รัฐบาลอำมาตย์เผด็จการสั่งรัฐบาล คสช.มาใช้.44 คืนความสุขให้คนจนแบบนี้เอง ผู้ค้าสะพานเหล็กครวญโดน กทม.แกล้งสารพัดเพื่อไม่ให้ขายของได้อีก อ้างจัดระเบียบ เจ้าของเดิมให้มาพัฒนาพื้นที่  ต้องเคลียร์พื้นที่ตรงนั้น อ้างตรงเวิ้งนาครเกษมไอ้เอ๋อให้กับเสี่ยเจริญ เบียร์ช้าง ที่เพิ่งกว้านชื่อที่ดินตรงนั้นจากตระกูลบริพัตร เอ๋อก็ใช้อำนาจรัฐขจัดคนจนให้นายทุนเบียร์ช้างนอมิเนียของมาเฟียใหญ่ในประเทศไทย คนจนต้องปาดน้ำตาให้กับเผด็จการไทยอีกหน

นายกยิ่งลักษณ์ ฟ้องกลไกเผด็จการ...มีอะไรต้องพิจารณา

การ ฟ้องคดีอาญาของ ท่านนายกรัฐมนตรี(หญิง) คนแรกของประเทศไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันวาน และในวันนี้ มีผู้มาโพสต์ ข้อความดังต่อไปนี้:

"การฟ้องร้องของนายกปูในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพื่อรักษาศักดิ์ศรี เพื่อการรุมกัดของเหล่าอธรรมทั้งหลาย ทั้ง ๆ ที่พวกมันก็รู้ว่า การกระทำที่ผ่านมานี้เป้นนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภาอันทรงเกียรติ แต่เหล่าหมาขี้เรื้อนพวกนี้ ต้องการให้นายกปูมีมลทินในเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อจะนำมาเป็นชนักกดดันนายกปูในเรื่องต่าง ๆ เฉกเช่นเดียวกับนายกทักษิณในเรื่อง " ที่ดินรัชดา " จนไม่สามารถกลับมารับโทษที่โดนกลั่นแกล้งเช่นนี้ได้ดังนั้น การกระทำของนายกปูในครั้งนี้ พวกเราผู้รักความเป็นธรรม จะต้องช่วยแพร่ข่าวนี้ออกไปให้มาก และให้พวกเหล่าหมาขี้เรื้อนเหล่านั้น ได้รู้ว่า มึงรังแก " นายกปู " ไม่ได้หรอก
นี่เป็นเพียงมาตรการการต่อต้านของพวกเรา ในด่านแรกเท่านั้นครับ"

ผม ในฐานะนักกฏหมาย ขอเสนอข้อคิด เป็นการบ้านในเรื่องนี้ เพื่อความสุขุมรอบคอบ ดังต่อไปนี้:

๑. การออกคำสั่งฟ้อง ของอัยการสูงสุด และ เพื่อฟ้องนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย คุณยิ่งลักษณ์ฯ นั้น ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ฯ จะโต้กลับ ด้วยการฟ้องคดี เมื่อวันวานนี้ในคดีอาญา

๒.เพื่อความ รู้ที่เห็นแจ้ง และ สัมผัสได้ โดยชอบธรรม

๓. ผมต้องขอถามตรงนี้ว่า "มีการฟ้องเพื่อทำลาย ความชอบธรรมตามกฏหมายของ [คำสั่งฟ้อง] ของท่านอัยการสูงสุด แล้วหรือยัง?"

๔. ถ้ายัง ก็ต้องทำ เพราะ:

๕. การฟ้องคดีในทางอาญา คือการฟ้องคดี เพื่อกล่าวหาว่า ผู้ถูกฟ้อง กระทำความผิด ต่อ กฏหมายอาญา (กระบิลเมือง ถ้อยคำในยุคใช้กฏหมายอาญา ร.ศ. ๑๑๒ ของประเทศไทย)

๖. ความชอบธรรม ตามกฏหมายของตัว "คำสั่งฟ้อง" ของท่านอัยการสูงสุด ยังมีอยู่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์


๗. แล้วพวกท่านไม่กลัว ท่านอัยการสูงสุด เขา จะฟ้องโต้กลับว่า "คุณยิ่งลักษณ์ฯ ไปฟ้องเขา เป็นความผิดทางอาญาบ้างเลยหรือไร?"

๘. ที่ท่าน ตั้งญัตติ ในเชิงถามความเห็นมา ผมจึงต้องขอติง เพื่อให้ทุกๆท่าน ช่วยกันระแวดระวัง แก่ท่านนายกฯหญิง ยิ่งลักษณ์ด้วยครับ.

นายกยิ่งลักษณ์ ฟ้องกลไกเผด็จการ...มีอะไรต้องพิจารณา

การ ฟ้องคดีอาญาของ ท่านนายกรัฐมนตรี(หญิง) คนแรกของประเทศไทย ท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันวาน และในวันนี้ มีผู้มาโพสต์ ข้อความดังต่อไปนี้:

"การฟ้องร้องของนายกปูในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพื่อรักษาศักดิ์ศรี เพื่อการรุมกัดของเหล่าอธรรมทั้งหลาย ทั้ง ๆ ที่พวกมันก็รู้ว่า การกระทำที่ผ่านมานี้เป้นนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภาอันทรงเกียรติ แต่เหล่าหมาขี้เรื้อนพวกนี้ ต้องการให้นายกปูมีมลทินในเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อจะนำมาเป็นชนักกดดันนายกปูในเรื่องต่าง ๆ เฉกเช่นเดียวกับนายกทักษิณในเรื่อง " ที่ดินรัชดา " จนไม่สามารถกลับมารับโทษที่โดนกลั่นแกล้งเช่นนี้ได้ดังนั้น การกระทำของนายกปูในครั้งนี้ พวกเราผู้รักความเป็นธรรม จะต้องช่วยแพร่ข่าวนี้ออกไปให้มาก และให้พวกเหล่าหมาขี้เรื้อนเหล่านั้น ได้รู้ว่า มึงรังแก " นายกปู " ไม่ได้หรอก
นี่เป็นเพียงมาตรการการต่อต้านของพวกเรา ในด่านแรกเท่านั้นครับ"

ผม ในฐานะนักกฏหมาย ขอเสนอข้อคิด เป็นการบ้านในเรื่องนี้ เพื่อความสุขุมรอบคอบ ดังต่อไปนี้:

๑. การออกคำสั่งฟ้อง ของอัยการสูงสุด และ เพื่อฟ้องนายกหญิงคนแรกของประเทศไทย คุณยิ่งลักษณ์ฯ นั้น ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ฯ จะโต้กลับ ด้วยการฟ้องคดี เมื่อวันวานนี้ในคดีอาญา

๒.เพื่อความ รู้ที่เห็นแจ้ง และ สัมผัสได้ โดยชอบธรรม

๓. ผมต้องขอถามตรงนี้ว่า "มีการฟ้องเพื่อทำลาย ความชอบธรรมตามกฏหมายของ [คำสั่งฟ้อง] ของท่านอัยการสูงสุด แล้วหรือยัง?"

๔. ถ้ายัง ก็ต้องทำ เพราะ:

๕. การฟ้องคดีในทางอาญา คือการฟ้องคดี เพื่อกล่าวหาว่า ผู้ถูกฟ้อง กระทำความผิด ต่อ กฏหมายอาญา (กระบิลเมือง ถ้อยคำในยุคใช้กฏหมายอาญา ร.ศ. ๑๑๒ ของประเทศไทย)

๖. ความชอบธรรม ตามกฏหมายของตัว "คำสั่งฟ้อง" ของท่านอัยการสูงสุด ยังมีอยู่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์


๗. แล้วพวกท่านไม่กลัว ท่านอัยการสูงสุด เขา จะฟ้องโต้กลับว่า "คุณยิ่งลักษณ์ฯ ไปฟ้องเขา เป็นความผิดทางอาญาบ้างเลยหรือไร?"

๘. ที่ท่าน ตั้งญัตติ ในเชิงถามความเห็นมา ผมจึงต้องขอติง เพื่อให้ทุกๆท่าน ช่วยกันระแวดระวัง แก่ท่านนายกฯหญิง ยิ่งลักษณ์ด้วยครับ.

ประยุทธ์ กับประธาน จี.77 เกียรติยศ หรือความอัปยศ ?

ประยุทธ์ กับประธาน จี.77 เกียรติยศ หรือความอัปยศ ?
สิ่งที่คนไทยต้องรู้
-ระยะนี้ ไม่ว่าทางรัฐบาล เช่น เสธ.ไก่อู,สื่อสารมวลชน ตลอดจนผู้สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งทุกเว็บไซด์ของสลิ่ม ต่างออกมายกย่องชื่นชมท่านกันทุกวันที่สามารถทำให้ไทยได้เป็นประธาน จี.77 ในปีหน้า
ความจริง ผมไม่อยากขัดคอท่านหรอกครับ เห็นสลิ่มโพสต์เชิดชูท่านเหลือเกินก็ได้แต่ทำเฉยๆไว้ เพราะทุกวันนี้ก็ถูกเพ่งเล็ง ถูกคุกคามอยู่บ่อยๆแล้ว แต่มาเห็นการให้สัมภาษณ์ของท่านวันก่อนตามลิงค์นี้แล้ว ยอมรับว่า เหลือทนกับความเป็นตัวตนของท่านจนทนไม่ไหวจริงๆ
ท่านกล่าวถึงกรณีที่ประเทศสมาชิกกลุ่มจี 77 รับรองให้ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม สำหรับวาระปี 2559 ว่า
"ทางกลุ่มจี 77 มีการพูดคุยเรื่องความยากจนและความยั่งยืน การคัดเลือกจะเลือกจากประเทศที่มีประสบการณ์ และประเทศที่ประสบความสำเร็จซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลงในปี 2543 กว่าร้อยละ 40"
ท่านพูดถูก แต่พูดไม่หมดครับ เพราะจากรายงานของ World Bank,THAILAND ECONOMIC MONITOR NOVEMBER 2005 ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลหลักที่กลุ่ม G77 ใช้เป็นข้อมูลศึกษา มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ทั้งในหน้า 6 และหน้า 14 ว่า
-The poverty headcount ratio in Thailand fell by 10 percentage-points from 2000 to 2004. It fell from 21 percent of population
below the poverty-line in 2000 to 11 percent in 2004 . The largest gain was from the Northeast , though North did pretty well too.
The rise in household incomes, especially agricultural incomes, has contributed to the reduction in poverty.
As the majority of the poor reside in the rural areas and are engaged in agricultural activities, the double digit
rise in farm incomes since 2002 had contributed to poverty alleviation. From 2000 to 2004,
agricultural incomes have risen by 40 percent, higher than the rise in any other forms of income.
http://siteresources.worldbank.org/…/2005nov-econ-full-repo…
คร่าวๆก็คือ
-อัตราความยากจนในประเทศไทยลดลงร้อยละ 10 จุด จากปี 2543 ถึงปี 2547 ลดลงจาก 21 เปอร์เซ็นต์ของประชากรต่ำกว่าเส้นความยากจน
ในปี 2543 เป็นร้อยละ 11 ในปี 2547 ที่มากสุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
การเพิ่มขึ้นของรายได้ครัวเรือน โดยเฉพาะรายได้ทางการเกษตรได้มีส่วนร่วมในการลดความยากจนของคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท
รายได้เริ่มเพิ่มขึ้นกับเกษตรกรตั้งแต่ปี 2545 และ จากปี 2543 ถึงปี 2547
รายได้ทางการเกษตรได้เพิ่มขึันถึงร้อยละ 40 สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ในรูปแบบอื่นๆ 
เห็นคำพูดท่านประยุทธ์หรือยังครับ ท่านบอกที่ได้รับคัดเลือกเพราะ "ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลงในปี 2543 กว่าร้อยละ 40"
ท่านลืมหรือไม่ทราบกันแน่ว่า ในปี 2543 นั้น เป็นสมัยปลายรัฐบาลของคุณชวน หลีกภัย ที่ถูกพายุเศรษฐกิจกระหนํ่าจนล้มควํ่า ล้มหงาย ทั้งจากเศรษฐกิจฟองสบู่สมัยพล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ และคดี ปรส.อันอื้อฉาว จนต้องยุบสภาไปตอนต้นปี 2544 (6 ก.พ.) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความยากจนของท่านทักษิณแม้แต่น้อย
ความดีความชอบในการลดความยากจนที่ประสบความสำเร็จจนกลุ่ม G77 ชื่นชมและมีมติให้ไทยเป็นประธานฯในปีหน้านั้น เกิดขึ้นเพราะผลงานของท่านทักษิณ (2544-2549)โดยแท้แน่นอน ไม่มีข้อสงสัย
แต่เพราะความอิจฉา ริษยา กลัวท่านทักษิณจะได้หน้า เลยพูดกั๊กไว้ว่า พ.ศ. 2543 เรียกว่าเจตนา ชุบมือเปิบ เอาความดีความชอบของท่านทักษิณ คนที่ท่านชอบให้ร้าย มาเป็นของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย
ถามจริงๆครับ ฟังท่านประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ตามลิงค์นี้แล้ว ฝ่ายรัฐบาล สื่อที่ชอบเชลียร์ และสลิ่มทั้งหลาย ท่านภูมิอกภูมิใจในตำแหน่งประธาน G77 กับตัวพล.อ.ประยุทธ์ กันมากหรือครับ
สำหรับผม การชุบมือเปิบอย่างไม่ละอายนั้น ชายชาติทหารเค้าไม่ทำกันครับ

ประยุทธ์ กับประธาน จี.77 เกียรติยศ หรือความอัปยศ ?

ประยุทธ์ กับประธาน จี.77 เกียรติยศ หรือความอัปยศ ?
สิ่งที่คนไทยต้องรู้
-ระยะนี้ ไม่ว่าทางรัฐบาล เช่น เสธ.ไก่อู,สื่อสารมวลชน ตลอดจนผู้สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งทุกเว็บไซด์ของสลิ่ม ต่างออกมายกย่องชื่นชมท่านกันทุกวันที่สามารถทำให้ไทยได้เป็นประธาน จี.77 ในปีหน้า
ความจริง ผมไม่อยากขัดคอท่านหรอกครับ เห็นสลิ่มโพสต์เชิดชูท่านเหลือเกินก็ได้แต่ทำเฉยๆไว้ เพราะทุกวันนี้ก็ถูกเพ่งเล็ง ถูกคุกคามอยู่บ่อยๆแล้ว แต่มาเห็นการให้สัมภาษณ์ของท่านวันก่อนตามลิงค์นี้แล้ว ยอมรับว่า เหลือทนกับความเป็นตัวตนของท่านจนทนไม่ไหวจริงๆ
ท่านกล่าวถึงกรณีที่ประเทศสมาชิกกลุ่มจี 77 รับรองให้ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม สำหรับวาระปี 2559 ว่า
"ทางกลุ่มจี 77 มีการพูดคุยเรื่องความยากจนและความยั่งยืน การคัดเลือกจะเลือกจากประเทศที่มีประสบการณ์ และประเทศที่ประสบความสำเร็จซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลงในปี 2543 กว่าร้อยละ 40"
ท่านพูดถูก แต่พูดไม่หมดครับ เพราะจากรายงานของ World Bank,THAILAND ECONOMIC MONITOR NOVEMBER 2005 ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลหลักที่กลุ่ม G77 ใช้เป็นข้อมูลศึกษา มีการกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ทั้งในหน้า 6 และหน้า 14 ว่า
-The poverty headcount ratio in Thailand fell by 10 percentage-points from 2000 to 2004. It fell from 21 percent of population
below the poverty-line in 2000 to 11 percent in 2004 . The largest gain was from the Northeast , though North did pretty well too.
The rise in household incomes, especially agricultural incomes, has contributed to the reduction in poverty.
As the majority of the poor reside in the rural areas and are engaged in agricultural activities, the double digit
rise in farm incomes since 2002 had contributed to poverty alleviation. From 2000 to 2004,
agricultural incomes have risen by 40 percent, higher than the rise in any other forms of income.
http://siteresources.worldbank.org/…/2005nov-econ-full-repo…
คร่าวๆก็คือ
-อัตราความยากจนในประเทศไทยลดลงร้อยละ 10 จุด จากปี 2543 ถึงปี 2547 ลดลงจาก 21 เปอร์เซ็นต์ของประชากรต่ำกว่าเส้นความยากจน
ในปี 2543 เป็นร้อยละ 11 ในปี 2547 ที่มากสุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
การเพิ่มขึ้นของรายได้ครัวเรือน โดยเฉพาะรายได้ทางการเกษตรได้มีส่วนร่วมในการลดความยากจนของคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท
รายได้เริ่มเพิ่มขึ้นกับเกษตรกรตั้งแต่ปี 2545 และ จากปี 2543 ถึงปี 2547
รายได้ทางการเกษตรได้เพิ่มขึันถึงร้อยละ 40 สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ในรูปแบบอื่นๆ 
เห็นคำพูดท่านประยุทธ์หรือยังครับ ท่านบอกที่ได้รับคัดเลือกเพราะ "ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดความยากจนลงในปี 2543 กว่าร้อยละ 40"
ท่านลืมหรือไม่ทราบกันแน่ว่า ในปี 2543 นั้น เป็นสมัยปลายรัฐบาลของคุณชวน หลีกภัย ที่ถูกพายุเศรษฐกิจกระหนํ่าจนล้มควํ่า ล้มหงาย ทั้งจากเศรษฐกิจฟองสบู่สมัยพล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ และคดี ปรส.อันอื้อฉาว จนต้องยุบสภาไปตอนต้นปี 2544 (6 ก.พ.) ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความยากจนของท่านทักษิณแม้แต่น้อย
ความดีความชอบในการลดความยากจนที่ประสบความสำเร็จจนกลุ่ม G77 ชื่นชมและมีมติให้ไทยเป็นประธานฯในปีหน้านั้น เกิดขึ้นเพราะผลงานของท่านทักษิณ (2544-2549)โดยแท้แน่นอน ไม่มีข้อสงสัย
แต่เพราะความอิจฉา ริษยา กลัวท่านทักษิณจะได้หน้า เลยพูดกั๊กไว้ว่า พ.ศ. 2543 เรียกว่าเจตนา ชุบมือเปิบ เอาความดีความชอบของท่านทักษิณ คนที่ท่านชอบให้ร้าย มาเป็นของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย
ถามจริงๆครับ ฟังท่านประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ตามลิงค์นี้แล้ว ฝ่ายรัฐบาล สื่อที่ชอบเชลียร์ และสลิ่มทั้งหลาย ท่านภูมิอกภูมิใจในตำแหน่งประธาน G77 กับตัวพล.อ.ประยุทธ์ กันมากหรือครับ
สำหรับผม การชุบมือเปิบอย่างไม่ละอายนั้น ชายชาติทหารเค้าไม่ทำกันครับ

ชูวิทย์ ว่าด้วยกรณีระเบิดราชประสงค์: "ไอ้อ๊อด กับ ไอ้ปื๊ด"

ไอ้อ๊อด กับ ไอ้ปื๊ด

ความคลุมเคลือของคดีเหตุระเบิดราชประสงค์ อย่าว่าแต่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเลยครับ แม้แต่คนไทยแท้ๆ ยังสงสัย

กะอีแค่การปราบปรามการค้ามนุษย์ มันทำให้ผู้เสียผลประโยชน์โกรธจนถึงกับต้องวางระเบิดใจกลางกรุงเพื่อแก้แค้นประเทศไทยเลยหรือ?

ข่าวการสืบสวนยิ่งแปลก ผู้ต้องหาคนแรกนายอาเดม จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าสัญชาติอะไร แต่ทำไปทำมาถูกระบุว่าเป็น "ชายเสื้อเหลือง" ที่ลงมือวางระเบิด

แทนที่ระเบิดแล้วจะรีบบินออกนอกประเทศทันที กลับไปนั่งรอตำรวจอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แถวหนองจอก พร้อมกับอุปกรณ์ระเบิดเต็มห้อง (โชคดีจริงๆ)

ส่วนผู้ต้องหาอีกคน ก็ดันไปเดินทอดน่องอยู่แถวชายแดนไทย-เขมร แทนที่จะรีบแจ้นขึ้นแท็กซี่ไปสุวรรณภูมิ บินออกนอกประเทศ

ที่พูดไม่ได้หมายความว่าตำรวจไทยไม่เก่ง เก่งมั๊กๆ โดยเฉพาะคดีใหญ่ๆ แต่คดีใหญ่ทุกคดีล้วนลุกลี้ลุกลน จนกระบวนการสอบสวนขาดความชัดเจน แต่ปิดคดีเร็วยิ่งกว่า FBI

เหตุจูงใจในการวางระเบิดก็กลับไปกลับมา เสร็จแล้วก็รีบจ่ายเงินรางวัลจบๆกันไป ทันวันที่ 30 ก่อน ผบ.ตร. เกษียณ พอดิบพอดี

ตัวละครลึกลับคนสำคัญ "ไอ้อ๊อด" ก็เพิ่มมาอีกคนตอนหลังๆ ทีแรกบอกไม่เกี่ยวกับอุยกูร์ ต่อมาก็เป็นเรื่องการเมืองภายใน สักพักวนกลับมาเรื่องค้ามนุษย์ ท้ายสุดหักมุมไปลงเอยที่ไอ้อ๊อดเสื้อแดง

ผมล่ะกลัวจริงๆ เรื่องนี้ดูแล้วมันชอบกล ไม่รู้ "ไอ้อ๊อด" กับ "ไอ้ปื๊ด" เป็นญาติอะไรกันหรือเปล่า? ป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอ และคิดว่าคงไม่มีวันเจออีกแล้ว

มันไม่ค่อยจะเนียนสักเท่าไหร่เลยนะ

ชูวิทย์ ว่าด้วยกรณีระเบิดราชประสงค์: "ไอ้อ๊อด กับ ไอ้ปื๊ด"

ไอ้อ๊อด กับ ไอ้ปื๊ด

ความคลุมเคลือของคดีเหตุระเบิดราชประสงค์ อย่าว่าแต่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเลยครับ แม้แต่คนไทยแท้ๆ ยังสงสัย

กะอีแค่การปราบปรามการค้ามนุษย์ มันทำให้ผู้เสียผลประโยชน์โกรธจนถึงกับต้องวางระเบิดใจกลางกรุงเพื่อแก้แค้นประเทศไทยเลยหรือ?

ข่าวการสืบสวนยิ่งแปลก ผู้ต้องหาคนแรกนายอาเดม จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าสัญชาติอะไร แต่ทำไปทำมาถูกระบุว่าเป็น "ชายเสื้อเหลือง" ที่ลงมือวางระเบิด

แทนที่ระเบิดแล้วจะรีบบินออกนอกประเทศทันที กลับไปนั่งรอตำรวจอยู่ในอพาร์ทเม้นต์แถวหนองจอก พร้อมกับอุปกรณ์ระเบิดเต็มห้อง (โชคดีจริงๆ)

ส่วนผู้ต้องหาอีกคน ก็ดันไปเดินทอดน่องอยู่แถวชายแดนไทย-เขมร แทนที่จะรีบแจ้นขึ้นแท็กซี่ไปสุวรรณภูมิ บินออกนอกประเทศ

ที่พูดไม่ได้หมายความว่าตำรวจไทยไม่เก่ง เก่งมั๊กๆ โดยเฉพาะคดีใหญ่ๆ แต่คดีใหญ่ทุกคดีล้วนลุกลี้ลุกลน จนกระบวนการสอบสวนขาดความชัดเจน แต่ปิดคดีเร็วยิ่งกว่า FBI

เหตุจูงใจในการวางระเบิดก็กลับไปกลับมา เสร็จแล้วก็รีบจ่ายเงินรางวัลจบๆกันไป ทันวันที่ 30 ก่อน ผบ.ตร. เกษียณ พอดิบพอดี

ตัวละครลึกลับคนสำคัญ "ไอ้อ๊อด" ก็เพิ่มมาอีกคนตอนหลังๆ ทีแรกบอกไม่เกี่ยวกับอุยกูร์ ต่อมาก็เป็นเรื่องการเมืองภายใน สักพักวนกลับมาเรื่องค้ามนุษย์ ท้ายสุดหักมุมไปลงเอยที่ไอ้อ๊อดเสื้อแดง

ผมล่ะกลัวจริงๆ เรื่องนี้ดูแล้วมันชอบกล ไม่รู้ "ไอ้อ๊อด" กับ "ไอ้ปื๊ด" เป็นญาติอะไรกันหรือเปล่า? ป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอ และคิดว่าคงไม่มีวันเจออีกแล้ว

มันไม่ค่อยจะเนียนสักเท่าไหร่เลยนะ

ความกระจอกและห่วยแตกของเสธน้ำเงิน (กระบอกอุจจาระของฝั่งทหารพระราชา)


ดูรายงานมั่ว ๆข้างล่างนะครับ
แสดงว่ามันไม่รู้เลยว่า การถ่ายทอดสดต่าง ๆ วันนี้ ทำได้ฟรีหรือแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอันใด  และที่สำคัญที่สุด ไอ้เสธกระจอกเนี่ย ไม่เคยรู้ความจริงที่แท้จริง
ว่าในขบวนแดงนั้นเข้มแข็งขึ้นทุกวันและอย่างแท้จริงด้วยการเติบโตของประชาชนตัวจริง วันนี้ ต่อให้ทักษิณและตระกูลชินวัตรตายไปทั้งตระกูล
ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ขบวนการสร้างประชาธิปไตยอ่อนแอลงได้

และงานที่ยูเอ็น ทักษิณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหี้ยอะไรซักอย่าง วันนี้ดร.ทักษิณ นั่งกระดิกนิ้วรอ  ไม่ยอมเปลืองตัว ไม่ยอมควัก... จนประชาชนที่ทนรอไม่ไหว ได้ออกมาเป็นแกนนำกันอย่างไม่สนใจทักษิณอีกต่อไปแล้ว...

มองประยุทธ์ แล้วท่านเห็นว่ามันห่วยเพียงใด  ลูกน้องกระบอกอึนาม เสธน้ำเงิน มันก็ไม่ต่างกัน มันหวังผลทาง  IO  แต่ฐานการวิเคราะห์ข้อมูลพวกมันห่วยแตกมาตลอด

======================


คนแดนไกลกระอักสูญเงินก่อม็อบไปกว่า 100 ล้านบาท แต่ได้ทุยมาแค่ 6 -7 ตัว

แผนการณ์ที่คนแดนไกลลงทุนม็อบหักหน้าบิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช.ที่ไปเป็นหน้าเป็นตาแทนคนไทยทั้งชาติในเวที UN นั้น การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่น้อยๆ ขั้นต่ำคือ 100 ล้านบาท เพราะได้เตรียมเช่าช่องสัญญาณถ่ายทอดสดตรงจากอเมริกา เชื่อมกับสวีเดน มาเมืองไทย 

รวมทั้งระบบสื่อสาร ทีมงานช่างภาพ ทีมเทคนิค ค่าเลี้ยงดูปูเสื่อ ค่าเครื่องบินม็อบ ค่าจ้างรายวัน ค่าที่พัก  ค่าดำนินการต่างๆ อีกมาย รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท หวังว่างานนี้ได้ฉีกหน้าบิ๊กตู่ ส่งภาพและเสียงมาให้ทุยแดงในไทยดูผ่านคางคกทีวี โว้ยทีวี และสื่อแดง ได้ซี๊ดซ๊าดกันจั๋งหนับ

แต่สายลับแดงแปรพักตร์ที่เป็นหนอนอยู่ในวอร์รูมแกนนำเสรีเทย ก็ส่งรายงานให้ฝ่ายความมั่นคงทุกระยะ และทางการไทยก็ไม่กระโตกกระตาก ทำเป็นเฉยๆ แบบนักรบโบราณ พวกทุยแดงก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ทดลองเชื่อมสัญญาณเสร็จกันครื้นเครง เฮ..กันคอกแทบแตก มโนว่างานนี้ดังเป็นพลุแน่

พอนายกฯ ถึงอเมริกาปุ๊บ สัญญาณถ่ายทอดสดจากอเมริกา สวีเดนมาไทยถูกทางการไทยตัดบล็อคฉับทันที จะร้องก็ไม่ออก เงินคนแดนไกล 100 ล้านบาท หายวับไปเป็นอากาศธาตุ แถมถูกคนไทยรักชาติในอเมริกาดัดหลัง โดยขยายเวลาการรวมตัวกันจากเดิม 1 วันเพิ่มเป็น 3 วัน เพื่อเบียดพื้นที่ม็อบทุยแดงให้ไปขังรวมอยู่กับม็อบชาวเขมรไม่กี่คน

เมื่อแผนการณ์ทุกอย่างล่มปากอ่าว จึงเหลือสภาพม็อบขนตูดทุยแดงทำหน้าเจื่อนๆ เหมือนขี้ไม่ออกมืดฟ้ามัวดินอยู่ 6-7 ตัวหน้า UN อย่างที่เห็นด้วย และคนแดนไกลหงายเงิบกระอักเลือดออกทวารทั้งห้าหนักมากด้วยประการฉะนี้ ก็บอกแล้วไงคนแดนไกลประกาศว่า "ผมแพ้ไม่เป็น" แต่บิ๊กตู่ เกทับว่า "ผมชนะเห็นๆ" คำโบราณจึงว่า "หัวเราะทีหลังดังกว่า" แน่นอน...ฮาๆๆ !!

@ เสธ น้ำเงิน1

ความกระจอกและห่วยแตกของเสธน้ำเงิน (กระบอกอุจจาระของฝั่งทหารพระราชา)


ดูรายงานมั่ว ๆข้างล่างนะครับ
แสดงว่ามันไม่รู้เลยว่า การถ่ายทอดสดต่าง ๆ วันนี้ ทำได้ฟรีหรือแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอันใด  และที่สำคัญที่สุด ไอ้เสธกระจอกเนี่ย ไม่เคยรู้ความจริงที่แท้จริง
ว่าในขบวนแดงนั้นเข้มแข็งขึ้นทุกวันและอย่างแท้จริงด้วยการเติบโตของประชาชนตัวจริง วันนี้ ต่อให้ทักษิณและตระกูลชินวัตรตายไปทั้งตระกูล
ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ขบวนการสร้างประชาธิปไตยอ่อนแอลงได้

และงานที่ยูเอ็น ทักษิณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหี้ยอะไรซักอย่าง วันนี้ดร.ทักษิณ นั่งกระดิกนิ้วรอ  ไม่ยอมเปลืองตัว ไม่ยอมควัก... จนประชาชนที่ทนรอไม่ไหว ได้ออกมาเป็นแกนนำกันอย่างไม่สนใจทักษิณอีกต่อไปแล้ว...

มองประยุทธ์ แล้วท่านเห็นว่ามันห่วยเพียงใด  ลูกน้องกระบอกอึนาม เสธน้ำเงิน มันก็ไม่ต่างกัน มันหวังผลทาง  IO  แต่ฐานการวิเคราะห์ข้อมูลพวกมันห่วยแตกมาตลอด

======================


คนแดนไกลกระอักสูญเงินก่อม็อบไปกว่า 100 ล้านบาท แต่ได้ทุยมาแค่ 6 -7 ตัว

แผนการณ์ที่คนแดนไกลลงทุนม็อบหักหน้าบิ๊กตู่ นายกฯ และหัวหน้า คสช.ที่ไปเป็นหน้าเป็นตาแทนคนไทยทั้งชาติในเวที UN นั้น การลงทุนครั้งนี้ไม่ใช่น้อยๆ ขั้นต่ำคือ 100 ล้านบาท เพราะได้เตรียมเช่าช่องสัญญาณถ่ายทอดสดตรงจากอเมริกา เชื่อมกับสวีเดน มาเมืองไทย 

รวมทั้งระบบสื่อสาร ทีมงานช่างภาพ ทีมเทคนิค ค่าเลี้ยงดูปูเสื่อ ค่าเครื่องบินม็อบ ค่าจ้างรายวัน ค่าที่พัก  ค่าดำนินการต่างๆ อีกมาย รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท หวังว่างานนี้ได้ฉีกหน้าบิ๊กตู่ ส่งภาพและเสียงมาให้ทุยแดงในไทยดูผ่านคางคกทีวี โว้ยทีวี และสื่อแดง ได้ซี๊ดซ๊าดกันจั๋งหนับ

แต่สายลับแดงแปรพักตร์ที่เป็นหนอนอยู่ในวอร์รูมแกนนำเสรีเทย ก็ส่งรายงานให้ฝ่ายความมั่นคงทุกระยะ และทางการไทยก็ไม่กระโตกกระตาก ทำเป็นเฉยๆ แบบนักรบโบราณ พวกทุยแดงก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ทดลองเชื่อมสัญญาณเสร็จกันครื้นเครง เฮ..กันคอกแทบแตก มโนว่างานนี้ดังเป็นพลุแน่

พอนายกฯ ถึงอเมริกาปุ๊บ สัญญาณถ่ายทอดสดจากอเมริกา สวีเดนมาไทยถูกทางการไทยตัดบล็อคฉับทันที จะร้องก็ไม่ออก เงินคนแดนไกล 100 ล้านบาท หายวับไปเป็นอากาศธาตุ แถมถูกคนไทยรักชาติในอเมริกาดัดหลัง โดยขยายเวลาการรวมตัวกันจากเดิม 1 วันเพิ่มเป็น 3 วัน เพื่อเบียดพื้นที่ม็อบทุยแดงให้ไปขังรวมอยู่กับม็อบชาวเขมรไม่กี่คน

เมื่อแผนการณ์ทุกอย่างล่มปากอ่าว จึงเหลือสภาพม็อบขนตูดทุยแดงทำหน้าเจื่อนๆ เหมือนขี้ไม่ออกมืดฟ้ามัวดินอยู่ 6-7 ตัวหน้า UN อย่างที่เห็นด้วย และคนแดนไกลหงายเงิบกระอักเลือดออกทวารทั้งห้าหนักมากด้วยประการฉะนี้ ก็บอกแล้วไงคนแดนไกลประกาศว่า "ผมแพ้ไม่เป็น" แต่บิ๊กตู่ เกทับว่า "ผมชนะเห็นๆ" คำโบราณจึงว่า "หัวเราะทีหลังดังกว่า" แน่นอน...ฮาๆๆ !!

@ เสธ น้ำเงิน1

แผ่นดินประเทศไทยอยู่ในมือใครบ้าง?

แผ่นดินประเทศไทยอยู่ในมือใครบ้าง?
อันดับ 1 คือ 
  1. ตระกูลสิริวัฒนภักดี ถือครองกว่า 630,000 ไร่ทั้งในนามส่วนตัว ครอบครัว และผ่านบริษัทต่างๆ โดยหนึ่งในที่ดินแปลงใหญ่ที่ตระกูลสิริวัฒนภักดีครอบครองกรรมสิทธิ์อยู่ในบริเวณอ.ชะอำ จ.เพชรบุรีรวมประมาณ 12,000 ไร่  ที่ดินใน อ.บางบาลจ.พระนครศรีอยุธยา อีกประมาณ 15,000 ไร่
  2. อันดับ 2 คือ ตระกูลเจียรวนนท์ ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ประธานกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ธุรกิจการเกษตรครบวงจรในนามกลุ่ม ซีพี ธุรกิจพัฒนาที่ดินในนาม ซี.พี.แลนด์ และกลุ่มแมกโนเลียส์ ธุรกิจโทรคมนาคมทรู คอร์ปอเรชั่น ถือครองที่ดินในมือไม่ต่ำกว่า 200,000 ไร่ โดยแปลงใหญ่อยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 10,000 ไร่
  3. อันดับ 3 คือบมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ดำเนินธุรกิจด้านน้ำมันปาล์มรายใหญ่ในภาคใต้ ถือครองที่ดินกว่า 44,400ไร่
  4. อันดับ 4คือ สำนักงานทรัพย์สินฯ จำนวน 30,000 ไร่
  5. อันดับ 5 คือบมจ.ไออาร์พีซี จำนวน 17,000 ไร่
  6. อันดับ 6 คือ ตระกูลมาลีนนท์ จำนวน 10,000 ไร่
  7. อันดับ 7 คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน จำนวน 10,000 ไร่
  8. อันดับ 8 คือวิชัย พูลวรลักษณ์ จำนวน 7,000 ไร่
  9. อันดับ 9 คือ ตระกูลเตชะณรงค์ จำนวน 5,000 ไร่อันดับ 10 คือ 
  10. ตระกูลจุฬางกูรจำนวน 5,000 ไร่

ส่วนในกลุ่มนักการเมือง
จากผลการศึกษา 
พบว่าผู้ที่ถือครองที่ดิน
รายใหญ่ของประเทศ ดังนี้
  1. อันดับ 1 คือ นายอำนาจ คลังผา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถือครอง 2,030 ไร่
  2. อันดับ 2 คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี มี 2,000 ไร่
  3. อันดับ 3 คือนายเสนาะ และนางอุไรวรรณ เทียนทองมี 1,900 ไร่
  4. อันดับ 4 คือนายอนุชา บูรพชัยศรี มี 1,284 ไร่
  5. อันดับ 5 คือ นายอดิศักดิ์ โภคสกุลนานนท์มี 1,197 ไร่
  6. อันดับ 6 คือนายทศพร เทพบุตร ถือครองที่ดิน 1,095 ไร่
  7. อันดับ 7 คือ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดีมี 1,095 ไร่
  8. อันดับ 8 คือนายสุชน ชามพูนท มี 1,060 ไร่
  9. อันดับ 9 คือนายชัย ชิดชอบ และภรรยา 854 ไร่
  10. อันดับ 10 คือ นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ มี 755 ไร่

ขณะที่ผู้ที่ถือครองที่ดิน
เกินกว่า 1,000ไร่ขึ้นไป
มีจำนวนรวม 837 ราย
มีรายละเอียดมีมากกว่านี้
จะนำเสนอให้ทราบต่อไป

แผ่นดินประเทศไทยอยู่ในมือใครบ้าง?

แผ่นดินประเทศไทยอยู่ในมือใครบ้าง?
อันดับ 1 คือ 
  1. ตระกูลสิริวัฒนภักดี ถือครองกว่า 630,000 ไร่ทั้งในนามส่วนตัว ครอบครัว และผ่านบริษัทต่างๆ โดยหนึ่งในที่ดินแปลงใหญ่ที่ตระกูลสิริวัฒนภักดีครอบครองกรรมสิทธิ์อยู่ในบริเวณอ.ชะอำ จ.เพชรบุรีรวมประมาณ 12,000 ไร่  ที่ดินใน อ.บางบาลจ.พระนครศรีอยุธยา อีกประมาณ 15,000 ไร่
  2. อันดับ 2 คือ ตระกูลเจียรวนนท์ ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ประธานกรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ธุรกิจการเกษตรครบวงจรในนามกลุ่ม ซีพี ธุรกิจพัฒนาที่ดินในนาม ซี.พี.แลนด์ และกลุ่มแมกโนเลียส์ ธุรกิจโทรคมนาคมทรู คอร์ปอเรชั่น ถือครองที่ดินในมือไม่ต่ำกว่า 200,000 ไร่ โดยแปลงใหญ่อยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 10,000 ไร่
  3. อันดับ 3 คือบมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ดำเนินธุรกิจด้านน้ำมันปาล์มรายใหญ่ในภาคใต้ ถือครองที่ดินกว่า 44,400ไร่
  4. อันดับ 4คือ สำนักงานทรัพย์สินฯ จำนวน 30,000 ไร่
  5. อันดับ 5 คือบมจ.ไออาร์พีซี จำนวน 17,000 ไร่
  6. อันดับ 6 คือ ตระกูลมาลีนนท์ จำนวน 10,000 ไร่
  7. อันดับ 7 คือ นายแพทย์บุญ วนาสิน จำนวน 10,000 ไร่
  8. อันดับ 8 คือวิชัย พูลวรลักษณ์ จำนวน 7,000 ไร่
  9. อันดับ 9 คือ ตระกูลเตชะณรงค์ จำนวน 5,000 ไร่อันดับ 10 คือ 
  10. ตระกูลจุฬางกูรจำนวน 5,000 ไร่

ส่วนในกลุ่มนักการเมือง
จากผลการศึกษา 
พบว่าผู้ที่ถือครองที่ดิน
รายใหญ่ของประเทศ ดังนี้
  1. อันดับ 1 คือ นายอำนาจ คลังผา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถือครอง 2,030 ไร่
  2. อันดับ 2 คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี มี 2,000 ไร่
  3. อันดับ 3 คือนายเสนาะ และนางอุไรวรรณ เทียนทองมี 1,900 ไร่
  4. อันดับ 4 คือนายอนุชา บูรพชัยศรี มี 1,284 ไร่
  5. อันดับ 5 คือ นายอดิศักดิ์ โภคสกุลนานนท์มี 1,197 ไร่
  6. อันดับ 6 คือนายทศพร เทพบุตร ถือครองที่ดิน 1,095 ไร่
  7. อันดับ 7 คือ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดีมี 1,095 ไร่
  8. อันดับ 8 คือนายสุชน ชามพูนท มี 1,060 ไร่
  9. อันดับ 9 คือนายชัย ชิดชอบ และภรรยา 854 ไร่
  10. อันดับ 10 คือ นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ มี 755 ไร่

ขณะที่ผู้ที่ถือครองที่ดิน
เกินกว่า 1,000ไร่ขึ้นไป
มีจำนวนรวม 837 ราย
มีรายละเอียดมีมากกว่านี้
จะนำเสนอให้ทราบต่อไป

พลังโลกล้อมไทย จะเริ่มปรากฎผลชัดขึ้น หลังจากการประชุมทั่วไปยูเอ็น

James Walsky
ข่าวด่วน .....วันนี้ (๒๘ กันยายน ๕๘)....

สมาชิกรัฐสภายุโรป เตรียมเสนอการยกระดับมาตราการตอบโต้ ประเทศไทย....
( หรือ การคว่ำบาตรทางการค้า จะเริ่มนับถอยหลังแล้ว...)

สมาชิกรัฐสภายุโรปฯ (Mr.Marc Tarabella ) ได้เรียกร้องให้ ผู้นำนานาชาติ กดดันประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการประชุมที่ สหประชาชาติ UN และยังได้กล่าวถึงการมาตราการตอบโต้รัฐบาลไทยดังต่อไป.....

".....สถานการณ์ในประเทศไทยในปัจจุบันเป็นที่น่าเศร้ามามาก ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นพันธมิตรที่สำคัญทางการค้าสำหรับสหภาพยุโรป แต่ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่จะนำมาพิจารณาควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็น สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในประเทศไทย ซึ่งผมได้ยึดถือและให้ความสำคัญ(อย่างจริงใจ) เป็นอย่างยิ่งว่า ประเด็นเหล่านี้เป็นปัญหาที่ควรได้รับการพิจารณาก่อนจะมีท่าทีทางการค้า(ของสหภาพยุโรป) ต่อไปนั้น และเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจที่จะนำมาพูดคุยกับคณะกรรมาธิการ เพื่อยกระดับมาตราการตอบโต้ ในช่วงประชุมรัฐสภายุโรปต่อไป..... " กล่าวโดย Mr.Marc Tarabella สมาชิกรัฐสภายุโรปฯ

.......................................

จากสำนักข่าว EU Reporter

World leaders urged to press military junta on human rights 'crisis' in Thailand
by Martin Banks | September 28, 2015

A leading MEP will say he supports calls for Thai Prime Minister Prayuth Chan-ocha (pictured) to give assurances about human rights and democracy in the country when he gives a landmark speech in the United Nations today (29 September).

There is an increasing clamour for Prayut to be pressed about issues such as human trafficking and returning democracy to the Thai people when he makes his debut at the UN General Assembly in New York.

He is expected to face tough questions, particularly those concerning the repression of human rights as well as elections in Thailand, which have been delayed several times and will not be held now until the middle of 2017.

Human rights organizations, such as Human Rights Watch (HRW), are applying pressure, urging world leaders to take the opportunity of his appearance before the UN to condemn Thailand's actions.
Members of the Thai diaspora have openly opposed the military coup the general led in May 2014 and are planning to turn up in New York to challenge him.

Speaking ahead of the much-awaited speech, Belgian MEP Marc Tarabella, who is vice chair of the European Parliament's Delegation for relations with the countries of Southeast Asia and the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN), told this website that human rights should be top of the agenda when the general addresses the UN.


Sarayut Tangprasert จาก Pipob Udomittipong 

"You can jail your opponents but you can't imprison their ideas, you can control access to info, but can't lie about truth"- Obama #UNGA2015

"คุณขังฝ่ายต่อต้านได้ แต่ขังความคิดเขาไม่ได้ คุณควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้ แต่คุณเปลี่ยนความเท็จให้เป็นความจริงไม่ได้" คำปราศรัยของโอบามา เช้านี้ที่นิวยอร์ก ในโอกาส 70 ปี UN เหมือนกับต้องการพูดให้เผด็จการประเทศหนึ่งได้ฟัง หวังว่าล่ามคงแปลตามนั้น เผื่อเขาจะมีดวงตาเห็นธรรมบ้าง