Thursday, September 15, 2016

ยิ่งลักษณ์ระทึก! จ่อปิดสำนวนผิดจำนำข่าว 1-2 วันนี้ 'วิษณุ'ชี้ ถ้าไม่อุทธรณ์ ยึดทรัพย์ทันที

ยิ่งลักษณ์ระทึก! จ่อปิดสำนวนผิดจำนำข่าว 1-2 วันนี้ 'วิษณุ'ชี้ ถ้าไม่อุทธรณ์ ยึดทรัพย์ทันที

ยิ่งลักษณ์ระทึก! จ่อปิดสำนวนผิดจำนำข่าว 1-2 วันนี้ 'วิษณุ'ชี้ ถ้าไม่อุทธรณ์ ยึดทรัพย์ทันที

ยิ่งลักษณ์ระทึก! จ่อปิดสำนวนผิดจำนำข่าว 1-2 วันนี้ 'วิษณุ'ชี้ ถ้าไม่อุทธรณ์ ยึดทรัพย์ทันที

รวมคดีฟ้อง “สนธิ ลิ้มทองกุล” “คนดี” ของคนดีเมืองสยาม

รวมคดีฟ้อง "สนธิ ลิ้มทองกุล"
ไม่เพียงแต่คดีที่ศาลฎีกาจำคุก 20 ปีในคดีที่นายสนธิ ทำรายงานเท็จกู้กรุงไทยกว่าพันล้านเท่านั้น แต่มีคดีอีกเพียบที่เขาถูกฟ้อง.

 เครดิต คมชัดลึกออนไลน์...

          คดีในศาลอาญา

          1.คดีหมายเลขดำที่ อ.1747/2549ที่พรรคไทยรักไทย และนายทักษิณ ชินวัตรอดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุลอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทองอดีต ส.ว.กทม.,นายชัยอนันต์ สมุทรวณิช,นายปราโมทย์ นาครทรรพนักวิชาการอิสระและคอลัมนิสต์,บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบดาวเทียมASTV ,นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล,นายพชร สมุทวณิช,นายขุนทอ ง ลอเสรีวานิช กรรมการ บ.ไทยเดย์ ฯ,บริษัท แมเนจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน),น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรงค์ผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ.แมเนเจอร์ ( ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวน ) และนายปัญจภัทร อังคสุวรรณผู้ดูแลเว็บไซด์ แมเนเจอร์ เป็นจำเลยที่1-11ในความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นด้วยการโฆษณา สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่24 - 25พ.ค.49พวกจำเลยจัดเสวนาเรื่อง"ปฏิญญาฟินแลนด์ยุทธศาสตร์ครองเมืองของไทยรักไทย"ซึ่งถ่ายทอดสดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ASTVและเว็บไซด์ผู้จัดการ หมิ่นประมาทโจทก์ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่การปกครองในระบอบทักษิณโดยมุ่งหมายเข้าบริหารประเทศตามข้อตกลงปฏิญญาฟินแลนด์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ พิพากษา เมื่อวันที่ 12 มี.ค.56 ยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง

          2.คดีหมายเลขดำ อ.550/2549ที่ พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ เครือญาติคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชรเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ,น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์อดีตผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร,บริษัท แมเนเจอร์ มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการายวัน,น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบ.แมเนเจอร์ฯ,นายขุนทอง ลอเสรีวานิชผู้จัดทำเว็บไซต์ผู้จัดการ,บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด ผู้ผลิตรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร,นายศุภชัย วงศ์วรเศรษฐ์(โจทก์ได้ถอนฟ้องแล้ว ),นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล,นายพชร สมุทรวณิชซึ่งเป็นกรรมการบริหาร บ.ไทยเดย์ฯ และนายปัญจภัทร์ อังคสุวรรณผู้ควบคุมดูแลเว็บไซต์ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่1-10ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่น และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา326, 328, 332, 393กรณีเมื่อวันที่24ม.ค.-4ก.พ.49จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า กล่าววิจารณ์ การขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วยถ้อยคำลักษณะ ใส่ร้ายบุคคลในตระกูลดามาพงศ์ ให้ได้รับความเสียหายโดยคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา มีคำพิพากษาวันที่ 24 ก.ย.58 ให้รอลงอาญานายสนธิ มีกำหนด3ปี

          3.คดีหมายเลขดำ อ.1062/2549 ที่นายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายชาตรี ถริปภัสสโรเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายขุนทอง ลอเสรีวณิชบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.328 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และส.ว. พ.ศ. 2541 กรณีเมื่อวันที่ 6 - 24 มี.ค.49 นายสนธิ จำเลยที่1 ได้กล่าวปราศรัยทำนองว่า โจทก์ใช้เงินซื้อประชาชนให้รักตนเอง และสร้างภาพให้ลูกน้องไปเผาเวทีของพันธมิตรกู้ชาติที่ จ.ภูเก็ต และกล่าวหาว่าโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีบ้า ต้องไล่ให้ไปประเทศสิงคโปร์โดยคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา มีคำพิพากษาวันที่ 21 ต.ค.58 ให้ยกฟ้อง

          4.คดีหมายเลขดำ อ.3323/2550 ที่นายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายสมบูรณ์ คุปติมนัสเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ASTVและ บริษัทแมเนเจอร์ มีเดียร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ( ศาลยกฟ้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความไปแล้ว ) เป็นจำเลยที่ 1- 3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีวันที่ 24 ส.ค.50 นางสโรชา จำเลยที่2 นำเทปการกล่าวปราศรัยของ นายสนธิจำเลยที่ 1 ที่ประเทศสหรัฐฯ มาออกอากาศในรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" มาเผยแพร่อีกทำนองว่า นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทยอดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลของนายทักษิณ บอกกับนายสนธิ ถึงสาเหตุที่ต้องออกจากรัฐบาล เนื่องจากตลอด 8 ชั่วโมง หลังการยึดอำนาจรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา มีพิพากษาวันที่ 25 ส.ค.59 ให้ยกฟ้อง

          5.คดีหมายเลขดำ อ.1352/2550ที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.คลัง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องบริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด,นายสนธิลิ้มทองกุล,บริษัท แมเน เจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และนายขุนทอง ลอเสรีวานิชอดีตบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่1-4ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328กรณีเมื่อวันที่12ม.ค.50นายสนธิกล่าวผ่านรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่องNews 1เอเอสทีวี ทำนองว่าโจทก์ล้างมลทินให้กลุ่มอำนาจเก่าปล่อยให้มีการออกสลากบนดิน2ตัวขัดต่อกฎหมาย และโจทก์ช่วยเหลือ นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่ไม่ตรวจสอบการขายหุ้นแอมเพิลริชให้กลุ่มทุนเทมาเส็ก โดยคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา มีคำพิพากษาวันที่ 2 ธ.ค.58ให้รอลงอาญา 2 ปี

          6.คดีหมายเลขดำ อ.1488/2550ที่นายนพดล ปัทมะอดีต รมว.ต่างประเทศ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล,นายพชร สมุทวณิช,นายขุนทอง ลอเสรีวานิชทั้งสามซึ่งเป็นกรรมการบริษัท,บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้จัดทำเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์,นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์,นายวิรัตน์ แสงทองคำกรรมการบริษัท เป็นจำเลยที่1-8ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83, 326, 328, 332กรณีเมื่อวันที่19ม.ค.50นายสนธิ จัดรายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์"ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี กล่าวทำนองว่านายนพดล โจทก์เป็นคนทรยศต่อทุนหลวง โดยคดีที่ถึงสุดชั้นฎีกา ซึ่งนายนพดล โจทก์ยื่นถอนฟ้องระหว่างฎีกา

          7.คดีหมายเลขดำ อ.2066/2553 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา10เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112กรณีเมื่อวันที่20ก.ค.51จำเลยได้ขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุม พธม.บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์โดยนำคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุลหรือ ดา ตอร์ปิโด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) จำเลย คดีดูหมิ่นสถาบัน ที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก15ปีน.ส. ดารณี ในกรณีที่ได้พูดหมิ่นสถาบันบนเวทีปราศรัย สนามหลวง เมื่อวันที่18ก.ค.51มาเผยแพร่ซ้ำที่ปราศรัยบนเวทีของกลุ่ม พธม. โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาวันที่ 1 ต.ค.56 ให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

         8.คดีหมายเลขดำ อ.4924/2555ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา10เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุลแกนนำ พธม.กับพวก ซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วม พธม.รวม20คน ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำตามรัฐธรรมนูญเพื่อติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือข่มขืนใจใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล และเป็นหัวหน้ามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปโดยมีอาวุธร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,116,215,216,309 และ 310กรณีนำผู้ชุมนุม ปิดอาคารรัฐสภา ในวันที่5-7ต.ค.51

         9.คดีหมายเลขดำ อ.4925/2555ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา10เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายพิภพ ธงไชย,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุขแกนนำ พธม.และ นายสุริยะใส กตะศิลาอดีตผู้ประสานงาน พธม. เป็นจำเลยที่1-6ในความผิดฐาน ร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา358 , 362และ365กรณีปี 2551 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล โดยศาลอาญา พิพากษาวันที่ 28 พ.ค.58 ให้จำคุกจำเลยไว้ คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

          10.คดีหมายเลขดำ อ.973/2556ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา9เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิลิ้มทองกุล ,นายพิภพธงไชย,นายสมเกียรติพงษ์ไพบูลย์แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.),นายสมศักดิ์โกศัยสุข อดีตแกนนำ พธม.,นายสุริยะใสกตะศิลา อดีตผู้ประสานงาน พธม.,นายประพันธ์คูณมี แนวร่วมพธม.,นายศิริชัย ไม้งาม,พ.ต.ท.สันธนะประยูรรัตน์,นายเทิดภูมิ ใจดี,นายไทกรพลสุวรรณ,พล.ต.อ.ประทินสันติประภพ อดีต ส.ว. และบริษัท เอเอสทีวี ประเทศไทย จำกัด กับพวกรวม 96 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายกรณีพวกจำเลยบุกเข้าไปในท่าอากาศยานดอนเมืองและ สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี2551ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์

           11.คดีหมายเลขดำ อ.1251/2556ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และบริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัดโดยนายพชร สมุทวณิชและนายขุนทอง ลอเสรีวานิชกรรมการผู้มีอำนาจ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร การกระจายเสียงหรือภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา326และ328เมื่อวันที่20ก.ค.51เวลากลางคืน นายสนธิ แกนนำพันธมิตรฯ จำเลยที่1ขึ้นปราศรัยบนเวที บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนินนอก พาดพิงนายเนวิน ชิดชอบอยู่เบื้องหลัง แนวร่วมต่อต้านเผด็จการ (นปก.) และเบื้องหลังศรีสะเกษที่ ตีพันธมิตรฯ

           12.คดีหมายเลขดำ อ.1252/2556ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ได้ยื่นฟ้องบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด โดยนายพชร สมุทวณิชและนายขุนทอง ลอเสรีวานิชกรรมการผู้มีอำนาจ,บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายปัญจภัทร อังคสุวรรณและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์กรรมการผู้มีอำนาจ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลย ที่ 1- 3ในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร การกระจายเสียงหรือภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา326และ328กรณีเมื่อวันที่14ต.ค.51เวลากลางคืน นายสนธิ แกนนำพันธมิตรฯ จำเลยที่3ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ บริเวณทำเนียบรัฐบาลหมิ่นนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี จาบจ้วงสถาบัน และพยายามซื้อรากหญ้า ยึดตำรวจ และเอาเงินไปจ่ายให้ทหารบางคนเพื่อให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอ ทำลายรากฐานของกษัตริย์โดยศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาวันที่ 2 มิ.ย.59 ยืนให้ยกฟ้อง

           13.คดีหมายเลขดำ อ.3973/2558ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา5เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต. จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายพิภพ ธงไชย,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข,นายสุริยะใส กตะศิลา,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,นายอมร อมรรัตนานนท์หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิใจดี อายุ แกนนำ พธม.เป็นจำเลยที่1-9กรณีเมื่อเดือน พ.ค.-ต.ค.51 แกนนำ พธม. ได้จัด ชุมนุมปิดถนนสาธารณะ และเคลื่อนกำลังไปในลักษณะ"ดาวกระจาย"ใช้รถยนต์บรรทุกเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ไปกดดันบริเวณสถานที่ราชการหลายแห่งขับไล่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวชโดยคดีอยู่ระหว่างรอสืบพยานในศาลอาญา

         14.คดีหมายเลขแดง อ.1241/2550 ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรมช.คมนาคม และอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด,นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล,นายพชร สมุทวณิช,นายขุนทอง ลอเสรีวณิช,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,บริษัทแมแนเจอร์ มีเดียร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน),นายสุวัฒน์ ทองธนากุล,นายมรุชัช รัตนปรารมย์,นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์,นายวิรัตน์ แสงทองคำ เป็นจำเลยที่1-10ในความผิดฐานหมิ่นประ มาทโดยการโฆษณา

         กรณีเมื่อที่25พ.ย.48นายสนธิ และน.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่10ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี มีเนื้อหาหมิ่นประมาทโจทก์ทำนองว่าเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่เคารพสถาบันกษัตริย์และระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งเกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซด์ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาวันที่ 11 ก.ย.52ให้จำคุกนายสนธิ เป็นเวลา 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และให้ปรับบริษัท ไทยเดย์ฯ จำเลยที่1จำนวน200,000บาท ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้องซึ่งคดีอยู่ระหว่างฎีกาโดยศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันที่ 29 ก.ย.59

        คดีในศาลแพ่ง

        คดีที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย,นายสุริยะใส กตะศิลา,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์,นายอมร อมรรัตนานนท์,นายนรัญยู หรือศรัณยู วงษ์กระจ่าง,นายสำราญ รอดเพชร,นายศิริชัย ไม้งาม,นายมาลีรัตน์ แก้วก่าและนายเทิดภูมิ ใจดีแกนนำ พธม. เป็นจำเลยที่ 1-13คน ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย522,160,947.31บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5ต่อปี นับแต่วันที่3ธ.ค.51เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จากกรณีร่วมกันปิดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี2551โดยคดีศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้จำเลยทั้ง 13 ราย ชำระค่าเสียหายตามฟ้อง

          คดีในศาลอาญากรุงเทพใต้

          1.คดีหมายเลขดำ อ.1469/2547ที่ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์อดีต ผบ.ตร. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์อดีตผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เป็นจำเลยที่1 - 2ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และหมิ่นประมาทใส่ความโดยการแพร่ภาพ และการกระจายเสียงหรือป่าวประกาศ กรณีเมื่อวันที่19มี.ค.47จัดรายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์"ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง9อ.ส.ม.ท. กล่าวหาว่า ยุคที่โจทก์เป็น ผบ.ตร. เป็นยุคที่ตำรวจละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด และโจทก์ไร้ประสิทธิภาพโดยคดีถึงที่สุดเมื่อศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง

           คดีในศาลแขวงดุสิต

           1.วันที่10มี.ค.58 อัยการฝ่ายคดีศาลแขวง3 (ดุสิต ) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายประพันธ์คูณมี,นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สมณะโพธิรักษ์,นายสุริยะใส กตะศิลา,นายเทิดภูมิ ใจดี,นายพิภพ ธงไชย,นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี,นายทศพล แก้วทิมาแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)และกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เป็นจำเลยที่ 1- 10 ในความผิดฐาน ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศ และข้อกำหนดห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้า หรือให้ออกจากบริเวณพื้นที่ หรือสถานที่ที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551กรณีเมื่อวันที่8ก.พ.54ครม. สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ประกาศให้พื้นที่เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตปทุมวัน เขตดุสิต และเขตวังทองหลาง เขตวัฒนาและเขตราชเทวี เป็นพื้นที่มีเหตุการณ์กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งจำเลยทั้ง 10 คน ร่วมกันตั้งเวทีชุมนุม และปิดการจราจร บน ถ.ราชดำเนินนอก บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ โดยใช้ชื่อ"กลุ่มเครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ"โดยคดียังไม่มีคำตัดสิน

          คดีในศาลล้มละลายกลาง

         1.ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นบุคคลล้มละลาย โดยมีการประกาศคำสั่งของศาลลงในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.43 ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี 2.ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งวันที่ 18พ.ย.51 ให้บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป เจ้าของหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ล้มละลาย เนื่องจากหนี้ท่วมกว่า4,700ล้านบาท

 

 

 

รวมคดีฟ้อง “สนธิ ลิ้มทองกุล” “คนดี” ของคนดีเมืองสยาม

รวมคดีฟ้อง "สนธิ ลิ้มทองกุล"
ไม่เพียงแต่คดีที่ศาลฎีกาจำคุก 20 ปีในคดีที่นายสนธิ ทำรายงานเท็จกู้กรุงไทยกว่าพันล้านเท่านั้น แต่มีคดีอีกเพียบที่เขาถูกฟ้อง.

 เครดิต คมชัดลึกออนไลน์...

          คดีในศาลอาญา

          1.คดีหมายเลขดำที่ อ.1747/2549ที่พรรคไทยรักไทย และนายทักษิณ ชินวัตรอดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุลอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทองอดีต ส.ว.กทม.,นายชัยอนันต์ สมุทรวณิช,นายปราโมทย์ นาครทรรพนักวิชาการอิสระและคอลัมนิสต์,บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด ผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบดาวเทียมASTV ,นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล,นายพชร สมุทวณิช,นายขุนทอ ง ลอเสรีวานิช กรรมการ บ.ไทยเดย์ ฯ,บริษัท แมเนจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน),น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรงค์ผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ.แมเนเจอร์ ( ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวน ) และนายปัญจภัทร อังคสุวรรณผู้ดูแลเว็บไซด์ แมเนเจอร์ เป็นจำเลยที่1-11ในความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นด้วยการโฆษณา สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่24 - 25พ.ค.49พวกจำเลยจัดเสวนาเรื่อง"ปฏิญญาฟินแลนด์ยุทธศาสตร์ครองเมืองของไทยรักไทย"ซึ่งถ่ายทอดสดออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ASTVและเว็บไซด์ผู้จัดการ หมิ่นประมาทโจทก์ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่การปกครองในระบอบทักษิณโดยมุ่งหมายเข้าบริหารประเทศตามข้อตกลงปฏิญญาฟินแลนด์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ พิพากษา เมื่อวันที่ 12 มี.ค.56 ยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง

          2.คดีหมายเลขดำ อ.550/2549ที่ พล.ร.ท.เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพเรือ เครือญาติคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชรเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ,น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์อดีตผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร,บริษัท แมเนเจอร์ มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการายวัน,น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบ.แมเนเจอร์ฯ,นายขุนทอง ลอเสรีวานิชผู้จัดทำเว็บไซต์ผู้จัดการ,บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด ผู้ผลิตรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร,นายศุภชัย วงศ์วรเศรษฐ์(โจทก์ได้ถอนฟ้องแล้ว ),นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล,นายพชร สมุทรวณิชซึ่งเป็นกรรมการบริหาร บ.ไทยเดย์ฯ และนายปัญจภัทร์ อังคสุวรรณผู้ควบคุมดูแลเว็บไซต์ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่1-10ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่น และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา326, 328, 332, 393กรณีเมื่อวันที่24ม.ค.-4ก.พ.49จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า กล่าววิจารณ์ การขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วยถ้อยคำลักษณะ ใส่ร้ายบุคคลในตระกูลดามาพงศ์ ให้ได้รับความเสียหายโดยคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา มีคำพิพากษาวันที่ 24 ก.ย.58 ให้รอลงอาญานายสนธิ มีกำหนด3ปี

          3.คดีหมายเลขดำ อ.1062/2549 ที่นายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายชาตรี ถริปภัสสโรเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายขุนทอง ลอเสรีวณิชบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.328 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และส.ว. พ.ศ. 2541 กรณีเมื่อวันที่ 6 - 24 มี.ค.49 นายสนธิ จำเลยที่1 ได้กล่าวปราศรัยทำนองว่า โจทก์ใช้เงินซื้อประชาชนให้รักตนเอง และสร้างภาพให้ลูกน้องไปเผาเวทีของพันธมิตรกู้ชาติที่ จ.ภูเก็ต และกล่าวหาว่าโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีบ้า ต้องไล่ให้ไปประเทศสิงคโปร์โดยคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา มีคำพิพากษาวันที่ 21 ต.ค.58 ให้ยกฟ้อง

          4.คดีหมายเลขดำ อ.3323/2550 ที่นายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้ นายสมบูรณ์ คุปติมนัสเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ASTVและ บริษัทแมเนเจอร์ มีเดียร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ( ศาลยกฟ้องและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความไปแล้ว ) เป็นจำเลยที่ 1- 3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีวันที่ 24 ส.ค.50 นางสโรชา จำเลยที่2 นำเทปการกล่าวปราศรัยของ นายสนธิจำเลยที่ 1 ที่ประเทศสหรัฐฯ มาออกอากาศในรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" มาเผยแพร่อีกทำนองว่า นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทยอดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลของนายทักษิณ บอกกับนายสนธิ ถึงสาเหตุที่ต้องออกจากรัฐบาล เนื่องจากตลอด 8 ชั่วโมง หลังการยึดอำนาจรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา มีพิพากษาวันที่ 25 ส.ค.59 ให้ยกฟ้อง

          5.คดีหมายเลขดำ อ.1352/2550ที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.คลัง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องบริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด,นายสนธิลิ้มทองกุล,บริษัท แมเน เจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และนายขุนทอง ลอเสรีวานิชอดีตบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เป็นจำเลยที่1-4ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328กรณีเมื่อวันที่12ม.ค.50นายสนธิกล่าวผ่านรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่องNews 1เอเอสทีวี ทำนองว่าโจทก์ล้างมลทินให้กลุ่มอำนาจเก่าปล่อยให้มีการออกสลากบนดิน2ตัวขัดต่อกฎหมาย และโจทก์ช่วยเหลือ นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่ไม่ตรวจสอบการขายหุ้นแอมเพิลริชให้กลุ่มทุนเทมาเส็ก โดยคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกา มีคำพิพากษาวันที่ 2 ธ.ค.58ให้รอลงอาญา 2 ปี

          6.คดีหมายเลขดำ อ.1488/2550ที่นายนพดล ปัทมะอดีต รมว.ต่างประเทศ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล,นายพชร สมุทวณิช,นายขุนทอง ลอเสรีวานิชทั้งสามซึ่งเป็นกรรมการบริษัท,บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้จัดทำเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์,นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์,นายวิรัตน์ แสงทองคำกรรมการบริษัท เป็นจำเลยที่1-8ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83, 326, 328, 332กรณีเมื่อวันที่19ม.ค.50นายสนธิ จัดรายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์"ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี กล่าวทำนองว่านายนพดล โจทก์เป็นคนทรยศต่อทุนหลวง โดยคดีที่ถึงสุดชั้นฎีกา ซึ่งนายนพดล โจทก์ยื่นถอนฟ้องระหว่างฎีกา

          7.คดีหมายเลขดำ อ.2066/2553 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา10เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112กรณีเมื่อวันที่20ก.ค.51จำเลยได้ขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุม พธม.บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์โดยนำคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุลหรือ ดา ตอร์ปิโด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) จำเลย คดีดูหมิ่นสถาบัน ที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุก15ปีน.ส. ดารณี ในกรณีที่ได้พูดหมิ่นสถาบันบนเวทีปราศรัย สนามหลวง เมื่อวันที่18ก.ค.51มาเผยแพร่ซ้ำที่ปราศรัยบนเวทีของกลุ่ม พธม. โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาวันที่ 1 ต.ค.56 ให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

         8.คดีหมายเลขดำ อ.4924/2555ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา10เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุลแกนนำ พธม.กับพวก ซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วม พธม.รวม20คน ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำตามรัฐธรรมนูญเพื่อติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือข่มขืนใจใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล และเป็นหัวหน้ามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปโดยมีอาวุธร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,116,215,216,309 และ 310กรณีนำผู้ชุมนุม ปิดอาคารรัฐสภา ในวันที่5-7ต.ค.51

         9.คดีหมายเลขดำ อ.4925/2555ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา10เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายพิภพ ธงไชย,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุขแกนนำ พธม.และ นายสุริยะใส กตะศิลาอดีตผู้ประสานงาน พธม. เป็นจำเลยที่1-6ในความผิดฐาน ร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา358 , 362และ365กรณีปี 2551 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล โดยศาลอาญา พิพากษาวันที่ 28 พ.ค.58 ให้จำคุกจำเลยไว้ คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

          10.คดีหมายเลขดำ อ.973/2556ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา9เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิลิ้มทองกุล ,นายพิภพธงไชย,นายสมเกียรติพงษ์ไพบูลย์แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.),นายสมศักดิ์โกศัยสุข อดีตแกนนำ พธม.,นายสุริยะใสกตะศิลา อดีตผู้ประสานงาน พธม.,นายประพันธ์คูณมี แนวร่วมพธม.,นายศิริชัย ไม้งาม,พ.ต.ท.สันธนะประยูรรัตน์,นายเทิดภูมิ ใจดี,นายไทกรพลสุวรรณ,พล.ต.อ.ประทินสันติประภพ อดีต ส.ว. และบริษัท เอเอสทีวี ประเทศไทย จำกัด กับพวกรวม 96 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายกรณีพวกจำเลยบุกเข้าไปในท่าอากาศยานดอนเมืองและ สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี2551ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์

           11.คดีหมายเลขดำ อ.1251/2556ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และบริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัดโดยนายพชร สมุทวณิชและนายขุนทอง ลอเสรีวานิชกรรมการผู้มีอำนาจ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร การกระจายเสียงหรือภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา326และ328เมื่อวันที่20ก.ค.51เวลากลางคืน นายสนธิ แกนนำพันธมิตรฯ จำเลยที่1ขึ้นปราศรัยบนเวที บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนินนอก พาดพิงนายเนวิน ชิดชอบอยู่เบื้องหลัง แนวร่วมต่อต้านเผด็จการ (นปก.) และเบื้องหลังศรีสะเกษที่ ตีพันธมิตรฯ

           12.คดีหมายเลขดำ อ.1252/2556ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ได้ยื่นฟ้องบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด โดยนายพชร สมุทวณิชและนายขุนทอง ลอเสรีวานิชกรรมการผู้มีอำนาจ,บริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายปัญจภัทร อังคสุวรรณและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์กรรมการผู้มีอำนาจ และนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นจำเลย ที่ 1- 3ในความผิดฐาน ร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร การกระจายเสียงหรือภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา326และ328กรณีเมื่อวันที่14ต.ค.51เวลากลางคืน นายสนธิ แกนนำพันธมิตรฯ จำเลยที่3ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ บริเวณทำเนียบรัฐบาลหมิ่นนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี จาบจ้วงสถาบัน และพยายามซื้อรากหญ้า ยึดตำรวจ และเอาเงินไปจ่ายให้ทหารบางคนเพื่อให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอ ทำลายรากฐานของกษัตริย์โดยศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาวันที่ 2 มิ.ย.59 ยืนให้ยกฟ้อง

           13.คดีหมายเลขดำ อ.3973/2558ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา5เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต. จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายพิภพ ธงไชย,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข,นายสุริยะใส กตะศิลา,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,นายอมร อมรรัตนานนท์หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิใจดี อายุ แกนนำ พธม.เป็นจำเลยที่1-9กรณีเมื่อเดือน พ.ค.-ต.ค.51 แกนนำ พธม. ได้จัด ชุมนุมปิดถนนสาธารณะ และเคลื่อนกำลังไปในลักษณะ"ดาวกระจาย"ใช้รถยนต์บรรทุกเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ไปกดดันบริเวณสถานที่ราชการหลายแห่งขับไล่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวชโดยคดีอยู่ระหว่างรอสืบพยานในศาลอาญา

         14.คดีหมายเลขแดง อ.1241/2550 ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรมช.คมนาคม และอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด,นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล,นายพชร สมุทวณิช,นายขุนทอง ลอเสรีวณิช,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,บริษัทแมแนเจอร์ มีเดียร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน),นายสุวัฒน์ ทองธนากุล,นายมรุชัช รัตนปรารมย์,นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์,นายวิรัตน์ แสงทองคำ เป็นจำเลยที่1-10ในความผิดฐานหมิ่นประ มาทโดยการโฆษณา

         กรณีเมื่อที่25พ.ย.48นายสนธิ และน.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่10ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี มีเนื้อหาหมิ่นประมาทโจทก์ทำนองว่าเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่เคารพสถาบันกษัตริย์และระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งเกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซด์ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาวันที่ 11 ก.ย.52ให้จำคุกนายสนธิ เป็นเวลา 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และให้ปรับบริษัท ไทยเดย์ฯ จำเลยที่1จำนวน200,000บาท ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้องซึ่งคดีอยู่ระหว่างฎีกาโดยศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันที่ 29 ก.ย.59

        คดีในศาลแพ่ง

        คดีที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย,นายสุริยะใส กตะศิลา,นายสมศักดิ์ โกศัยสุข,นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์,นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์,นายอมร อมรรัตนานนท์,นายนรัญยู หรือศรัณยู วงษ์กระจ่าง,นายสำราญ รอดเพชร,นายศิริชัย ไม้งาม,นายมาลีรัตน์ แก้วก่าและนายเทิดภูมิ ใจดีแกนนำ พธม. เป็นจำเลยที่ 1-13คน ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย522,160,947.31บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5ต่อปี นับแต่วันที่3ธ.ค.51เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จากกรณีร่วมกันปิดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี2551โดยคดีศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้จำเลยทั้ง 13 ราย ชำระค่าเสียหายตามฟ้อง

          คดีในศาลอาญากรุงเทพใต้

          1.คดีหมายเลขดำ อ.1469/2547ที่ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์อดีต ผบ.ตร. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์อดีตผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เป็นจำเลยที่1 - 2ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และหมิ่นประมาทใส่ความโดยการแพร่ภาพ และการกระจายเสียงหรือป่าวประกาศ กรณีเมื่อวันที่19มี.ค.47จัดรายการ"เมืองไทยรายสัปดาห์"ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง9อ.ส.ม.ท. กล่าวหาว่า ยุคที่โจทก์เป็น ผบ.ตร. เป็นยุคที่ตำรวจละเมิดสิทธิมนุษยชนมากที่สุด และโจทก์ไร้ประสิทธิภาพโดยคดีถึงที่สุดเมื่อศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง

           คดีในศาลแขวงดุสิต

           1.วันที่10มี.ค.58 อัยการฝ่ายคดีศาลแขวง3 (ดุสิต ) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง,นายสนธิ ลิ้มทองกุล ,นายประพันธ์คูณมี,นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สมณะโพธิรักษ์,นายสุริยะใส กตะศิลา,นายเทิดภูมิ ใจดี,นายพิภพ ธงไชย,นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี,นายทศพล แก้วทิมาแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)และกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เป็นจำเลยที่ 1- 10 ในความผิดฐาน ร่วมกันฝ่าฝืนประกาศ และข้อกำหนดห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้า หรือให้ออกจากบริเวณพื้นที่ หรือสถานที่ที่กำหนด ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551กรณีเมื่อวันที่8ก.พ.54ครม. สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ประกาศให้พื้นที่เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตปทุมวัน เขตดุสิต และเขตวังทองหลาง เขตวัฒนาและเขตราชเทวี เป็นพื้นที่มีเหตุการณ์กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งจำเลยทั้ง 10 คน ร่วมกันตั้งเวทีชุมนุม และปิดการจราจร บน ถ.ราชดำเนินนอก บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ โดยใช้ชื่อ"กลุ่มเครือข่ายประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ"โดยคดียังไม่มีคำตัดสิน

          คดีในศาลล้มละลายกลาง

         1.ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นบุคคลล้มละลาย โดยมีการประกาศคำสั่งของศาลลงในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.43 ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี 2.ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งวันที่ 18พ.ย.51 ให้บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป เจ้าของหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ล้มละลาย เนื่องจากหนี้ท่วมกว่า4,700ล้านบาท

 

 

 

*ประยุทธ์สำรอกอีก"อยู่มาแล้ว2ปี,อยู่ต่ออีก2ปีก็ไม่มีอะไรเสียหาย"

*ประยุทธ์สำรอกอีก"อยู่มาแล้ว2ปี,อยู่ต่ออีก2ปีก็ไม่มีอะไรเสียหาย"



อันเงินเดือนเรือนนอนงบสอนฝึก
จงลองตรึกเงินตรามาจากไหน
ไยเขากร่างอย่างกล้าบ้าบิ่นไกล
แล้วคนไทยจะยอมตรอมนิ่งฤา??



*ประยุทธ์สำรอกอีก"อยู่มาแล้ว2ปี,อยู่ต่ออีก2ปีก็ไม่มีอะไรเสียหาย"

*ประยุทธ์สำรอกอีก"อยู่มาแล้ว2ปี,อยู่ต่ออีก2ปีก็ไม่มีอะไรเสียหาย"



อันเงินเดือนเรือนนอนงบสอนฝึก
จงลองตรึกเงินตรามาจากไหน
ไยเขากร่างอย่างกล้าบ้าบิ่นไกล
แล้วคนไทยจะยอมตรอมนิ่งฤา??



*ประยุทธ์สำรอกอีก"อยู่มาแล้ว2ปี,อยู่ต่ออีก2ปีก็ไม่มีอะไรเสียหาย"

*ประยุทธ์สำรอกอีก"อยู่มาแล้ว2ปี,อยู่ต่ออีก2ปีก็ไม่มีอะไรเสียหาย"



อันเงินเดือนเรือนนอนงบสอนฝึก
จงลองตรึกเงินตรามาจากไหน
ไยเขากร่างอย่างกล้าบ้าบิ่นไกล
แล้วคนไทยจะยอมตรอมนิ่งฤา??



ในหลวงสิ้นแล้ว ร. ๑๐ จะเป็น พระเทพ หรือ พระบรม? ดร. เพียงดิน รักไทย Facebook Live 15 ก.ย. 59

ในหลวงสิ้นแล้ว  ร. ๑๐ จะเป็น พระเทพ หรือ พระบรม?  ดร. เพียงดิน รักไทย Facebook Live 15 ก.ย. 59



ในหลวงสิ้นแล้ว ร. ๑๐ จะเป็น พระเทพ หรือ พระบรม? ดร. เพียงดิน รักไทย Facebook Live 15 ก.ย. 59

ในหลวงสิ้นแล้ว  ร. ๑๐ จะเป็น พระเทพ หรือ พระบรม?  ดร. เพียงดิน รักไทย Facebook Live 15 ก.ย. 59



ในหลวงสิ้นแล้ว ร. ๑๐ จะเป็น พระเทพ หรือ พระบรม? ดร. เพียงดิน รักไทย Facebook Live 15 ก.ย. 59

ในหลวงสิ้นแล้ว  ร. ๑๐ จะเป็น พระเทพ หรือ พระบรม?  ดร. เพียงดิน รักไทย Facebook Live 15 ก.ย. 59



Wednesday, September 14, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

อันดับอาหารทำลายสุขภาพ " จานเด็ด(ชีวิต) "

อันดับอาหารทำลายสุขภาพ
" จานเด็ด(ชีวิต) "
❌อันดับ 1  แฮมเบอร์เกอร์  
ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีช่วยทำให้สัตว์อ้วน

❌อันดับ 2 ฮอทด็อก 
ทำจากเนื้อส่วนที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตวที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้ 
จะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบด

❌อันดับ 3 เฟรนซ์ฟราย 
เป็นอาหารที่มี"ความเป็นพิษสูง" 
จะทอดกันที่มีอุณหภูมิสูง จะทำให้มีสารอะคริลิไมด์ . แพร่ออกมา 
เป็นสารโรคมะเร็ง

❌อันดับ 4 คุกกี้  
ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาล
อยู่สูง 23 กรัม ทำให้ผิวหนังเหยี่วย่นและเกิดริ้วรอยไดัเร็วขึ้น

❌อันดับที่ 5 พิชช่า 
ในเชิงการค้าจะประกอบไปด้วยอาหาที่มาจากการตัดแต่งพันธุกรรม 5 ชนิด
    - เนยแท้ 10% เท่านั้น
    - แป้ง ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไป แต่ได้เติมเกลือแร่สังเคราะห์เข้าไปใหม่
    - ซอสมะเขือเทศทำด้วยสารที่
คล้ายมะเขือเทศ สารกันบูด ที่อาจมีพิษเมื่อเกิดการสะสม
    - แป้งสาลี ที่นำมาใช้ เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งพันธุกรรม
    - น้ำมันฝ้าย ฝ้ายไม่ได้เป็นพืช
พวกอาหาร มันอาจผ่านสเปร์ยด้วย
ยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้

❌อันดับ 6 น้ำอัดลม 
สารตัวสำคัญ ในน้ำอัดลม ก็คือ 
กรดกำมะถัน (Phosphoric acid)มีความเป็นกรดสูงมาก ที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน

❌อันดับที่ 7 ชิ้นไก่เนื้อนุ่มไม่มีกระดูก ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก มีการเติมสารปรุงรส ทำให้ปวดศีรษะ

❌อันดับที่ 8 ไอศครีม 
มีไขมันอยู่สูงมาก มีไขมันเกินกว่า 50% ที่แนะนำให้บริโภค และมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มากเกือบ 40% ที่แนะนำให้บริโภค

❌อันดับที่ 9 โดนัท 
โดยเฉลี่ย จะให้พลังงานประมาณ 
300 แคลอลี่ 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตมากเกินกว่า 50% ที่แนะนำให้บริโภค

❌อันดับที่ 10 โปเตโต้ชิพ 
อาหารขบเคี้ยว จะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารอะคริลิไมท์ (Acrylimides) ที่เป็นสารก่อมะเร็ง และทำลายประสาท

ต่อไปนี้ จะให็ ลูก เล็ก เด็ก แดง ลูกหลาน ของเรา และเหล่า ส ว. อย่าง พวกเรา ต้อง ระวัง มากขึ้น ภัยมันอยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ นะ

อันดับอาหารทำลายสุขภาพ " จานเด็ด(ชีวิต) "

อันดับอาหารทำลายสุขภาพ
" จานเด็ด(ชีวิต) "
❌อันดับ 1  แฮมเบอร์เกอร์  
ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีช่วยทำให้สัตว์อ้วน

❌อันดับ 2 ฮอทด็อก 
ทำจากเนื้อส่วนที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตวที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้ 
จะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบด

❌อันดับ 3 เฟรนซ์ฟราย 
เป็นอาหารที่มี"ความเป็นพิษสูง" 
จะทอดกันที่มีอุณหภูมิสูง จะทำให้มีสารอะคริลิไมด์ . แพร่ออกมา 
เป็นสารโรคมะเร็ง

❌อันดับ 4 คุกกี้  
ที่เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาล
อยู่สูง 23 กรัม ทำให้ผิวหนังเหยี่วย่นและเกิดริ้วรอยไดัเร็วขึ้น

❌อันดับที่ 5 พิชช่า 
ในเชิงการค้าจะประกอบไปด้วยอาหาที่มาจากการตัดแต่งพันธุกรรม 5 ชนิด
    - เนยแท้ 10% เท่านั้น
    - แป้ง ที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไป แต่ได้เติมเกลือแร่สังเคราะห์เข้าไปใหม่
    - ซอสมะเขือเทศทำด้วยสารที่
คล้ายมะเขือเทศ สารกันบูด ที่อาจมีพิษเมื่อเกิดการสะสม
    - แป้งสาลี ที่นำมาใช้ เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งพันธุกรรม
    - น้ำมันฝ้าย ฝ้ายไม่ได้เป็นพืช
พวกอาหาร มันอาจผ่านสเปร์ยด้วย
ยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้

❌อันดับ 6 น้ำอัดลม 
สารตัวสำคัญ ในน้ำอัดลม ก็คือ 
กรดกำมะถัน (Phosphoric acid)มีความเป็นกรดสูงมาก ที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วัน

❌อันดับที่ 7 ชิ้นไก่เนื้อนุ่มไม่มีกระดูก ทำมาจากชิ้นส่วนของไก่ที่ไม่ใช้แล้ว จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมัน มีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก มีการเติมสารปรุงรส ทำให้ปวดศีรษะ

❌อันดับที่ 8 ไอศครีม 
มีไขมันอยู่สูงมาก มีไขมันเกินกว่า 50% ที่แนะนำให้บริโภค และมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มากเกือบ 40% ที่แนะนำให้บริโภค

❌อันดับที่ 9 โดนัท 
โดยเฉลี่ย จะให้พลังงานประมาณ 
300 แคลอลี่ 1 ชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตมากเกินกว่า 50% ที่แนะนำให้บริโภค

❌อันดับที่ 10 โปเตโต้ชิพ 
อาหารขบเคี้ยว จะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารอะคริลิไมท์ (Acrylimides) ที่เป็นสารก่อมะเร็ง และทำลายประสาท

ต่อไปนี้ จะให็ ลูก เล็ก เด็ก แดง ลูกหลาน ของเรา และเหล่า ส ว. อย่าง พวกเรา ต้อง ระวัง มากขึ้น ภัยมันอยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ นะ

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 ตอน มาตรา ๔๔ คือทางออกของประเทศไทย (?)
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



Tuesday, September 13, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 อันตรายของโรคกลัวมุสลิม ความจริงที่ต้องตระหนัก ก่อนจะสายเกินไป

**************************** 

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 อันตรายของโรคกลัวมุสลิม ความจริงที่ต้องตระหนัก ก่อนจะสายเกินไป 

https://youtu.be/0g2I9xB6ayY      

https://youtu.be/GLtSKMSOY1Y      

https://youtu.be/b-4qbVdJYFM      


--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 อันตรายของโรคกลัวมุสลิม ความจริงที่ต้องตระหนัก ก่อนจะสายเกินไป

**************************** 

ดร. เพียงดิน รักไทย 14 ก.ย. 2559 อันตรายของโรคกลัวมุสลิม ความจริงที่ต้องตระหนัก ก่อนจะสายเกินไป 

https://youtu.be/0g2I9xB6ayY      

https://youtu.be/GLtSKMSOY1Y      

https://youtu.be/b-4qbVdJYFM      


--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


แค้นสี่อย่าง ของสนธิ ลิ้มฯ ต่อ ดร. ทักษิณ

แค้นของสนธิ  ลิ้มทองกุล ที่มีต่อทักษิณ  ชินวัตร
 
ช่วงปี 2532-2533
ทักษิณลาออกจากตำรวจแล้ว  เพื่อมาทำธุรกิจสื่อสารอย่างเต็มที่
 
ช่วงนั้น  สนธิก็ยังอู้ฟู่   เทคโอเวอร์ IEC  จากปูนไทยมาปั้นแต่งเข้าตลาดหุ้น
ว่ากันว่า  ราคาหุ้นที่เสนอซื้อขายกันตอนนั้นของ IEC  อยู่ที่ 250 บาท
 
เป็นช่วงจังหวะการสื่อสารกำลังติดลมบน  
IEC  ของสนธิผูกขาดขายมือถือโนเกียเซลลูลาร์ 900    รวยหนัก
 
ทักษิณก็กำลังเข็นเรื่องสัมปทานดาวเทียม
 
สนธิเลยชวนทักษิณมาร่วมทุนด้วย  แบบเป็นพาร์ทเนอร์กัน  
อาจเพราะมีแผนหวังโดดเข้าร่วมเรื่องดาวเทียมด้วย
ขายหุ้น IEC  ให้ทักษิณในราคาพาร์ 10 บาท
 
ทักษิณร่วมกับสนธิอยู่ไม่นานนัก  ก็เทขายหุ้น IEC  หมด
กำไรไปสี่ร้อยกว่าล้าน   แล้วหันไปลงทุนเรื่องดาวเทียม   ไม่สนใจสนธิ
(สนธิก็หันไปลงทุนเรื่องดาวเทียมในลาว   เจ๊งไม่เป็นท่า หนีหนี้
จนไม่กล้าไปเหยียบเมืองลาวจนถึงทุกวันนี้)
 
นี่แค้นที่ 1
 
 
 
แค้นที่ 2    
ช่วงรัฐบาลชวน 1  2535-2538     รัฐบาลชวน 2   2540-2544
 
ช่วงนี้  นอกจากปลอมเอกสารกู้เงินเข้ากระเป๋า 1,078 ล้านบาท (จนทำให้ติดคุก)
สนธิยังได้รับความสะดวกจากกรุงไทย  กู้เท่าไรก็ได้  ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
 
ผลก็คือ  สนธิกู้ไปสองพันกว่าล้าน   ไม่ใช้คืนสักบาท
 
ช่วงทักษิณเข้ามา  2544-2547  
กรุงไทยก็ได้เอ็มดีคนใหม่  นั่นคือนายวิโรจน์  นวลแข
วิโรจน์  นวลแข   สนิทสนมกับสนธิมาก   เรียกได้ว่าช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด
 
ตอนนั้น   ในฐานะเอ็มดีกรุงไทย  
วิโรจน์ได้ทำการ hair cut  หนี้ของสนธิชนิดสุดแสนประทับใจ
จากหนี้สองพันกว่าล้าน   ลดให้เหลือพันกว่าล้าน    
และจากพันกว่าล้าน  ลดให้เหลือเพียง 259 ล้าน
 
259 ล้านนี่  สนธิไม่ต้องจ่ายด้วย    
กรุงไทยจะลงโฆษณากับเครือผู้จัดการแล้วให้สนธิค่อย ๆ หักหนี้ไป
 
เรียกว่า   สนธิได้เงินใช้ฟรี ๆ สองพันกว่าล้าน  ไม่ต้องใช้คืนสักบาท
แค่ลงโฆษณาให้แล้วหนี้จะหมดเอง
 
ปลายปี 2547   วิโรจน์หมดวาระการเป็นเอ็มดี    ก็สมัครต่อ
แต่ผู้ว่าแบงค์ชาติในตอนนั้น  คือหม่อมอุ๋ย  ไม่เอา  ไม่อนุมัติให้อยู่ต่อ
ด้วยเหตุผลว่านายวิโรจน์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องในหลาย ๆ ด้าน
(จนเกิดคดีความ  วิโรจน์ฟ้องหม่อมอุ๋ยในเรื่องไม่ยอมแต่งตั้งเป็นเอ็มดีกรุงไทย
 และทำให้สนธิแค้นหม่อมอุ๋ย  มีโอกาสเป็นด่า  จนถูกหม่อมอุ๋ยฟ้องหมิ่น)
 
สนธิจึงส่งคำขอไปยังทักษิณ   ให้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีแทรกแซงแบงค์ชาติ
ผลักดันให้วิโรจน์ได้เป็นเอ็มดีอีกหนึ่งวาระ (วาระ 3 ปี)
 
แต่ทักษิณเซย์โน  เพราะไม่สามารถตอบสนองได้
 
ทำให้สนธิแค้นมาก  เพราะเท่ากับตัดทางหารับประทานจากกรุงไทย
 
ก็คนมันเคยได้ไงครับ
ก็เคยได้ไปสองพันกว่าล้านฟรี ๆ    แถมที่ปลอมเอกสารกู้อีกพันกว่าล้าน
 
 
 
 
นอกจากเรื่องเอ็มดีกรุงไทยแล้ว
ปี 2547  นั้น   สนธิยังหวังทำฟรีทีวี  
(เรื่องนี้  นายวุษณุ  เครืองาม  รองนายกฯขณะนั้นรู้ดีที่สุด)
 
สนธิซื้ออุปกรณ์มาเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย   ลงทุนไปหลายล้านบาท
หวังได้ทำฟรีทีวี มีโอกาสล้างหนี้ และร่ำรวยอีกครั้ง
หลังจากล้มละลายมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2542
 
ฟรีทีวีที่ว่าก็คือ  ช่อง 11    
โดยสนธิจะขอแบ่งคลื่นจากช่อง 11  มาทำฟรีทีวีในนามช่อง 11/1
 
สนธิก็ส่งคำขอไปถึงทักษิณอีกครั้ง
ทักษิณให้นายวิษณุดูในข้อกฏหมายว่าทำได้ไหม  
 
นายวิษณุบอกว่า  ทำไม่ได้  ขัดกฎหมาย
ทักษิณจึงต้องปฏิเสธสนธิในเรื่องช่อง 11/1  ไป  
ทำให้สนธฺิโกรธทักษิณชนิดเอ่ยปากว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
 
การไม่ได้ทำฟรีทีวี   ทำให้โอกาสในการพลิกฟื้นของสนธิหมดไปอย่างสิ้นเชิง
ไหนจะหนี้สินท่วมหัว  ไหนจะค่าใช้จ่ายในเครือผู้จัดการ  ไหนจะค่าเช่าดาวเทียมเอเอสทีวี
 
เมื่อไม่ได้  สนธิก็เริ่มหันมาด่าทักษิณ
 
นี่คือแค้นที่ 3
 
 
 
แค้นที่ 4
เมื่อก่อม็อบ  โค่นล้มทักษิณไปได้  สนธิก็หวังได้รางวัลตอบแทน
แต่ผลก็คือ  สนธิไม่ได้อะไร   นอกจากลูกปืน
 
สนธิโดนยิงในปี 2552  
โดนอัยการฟ้องในปี 2552 (จนติดคุกในตอนนี้)
สนธิล้มละลายอีกครั้งในปี 2553  
ทุกเรื่อง  ทักษิณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ด้วยเลย
 
สนธิแค้นมาก   แต่ทำอะไม่ได้   เพราะสนธิตอนนั้น  หมดสภาพแล้ว  
ม็อบพันธมิตรก็เหลือแค่หลักห้าร้อยเพราะ ปชป.ไม่แอบหนุนแล้ว
 
สนธิจึงหันมาลงกับทักษิณแทน  ด่าทักษิณไม่เลิก  
สร้างนิยายว่าตัวเองโดนทักษิณกลั่นแกล้งจนต้องล้มละลาย
 
รู้  ว่าตัวเองโดนหลอกใช้  หวังได้สิ่งตอบแทน  แต่ไม่ได้อะไร
จะโวยใครก็ไม่ได้  เพราะจะกลายเป็นการประจานความโง่ตัวเอง  
เลยหันมาโทษทักษิณเพื่อกลบเกลื่อนความโง่ของตัวเอง
 
 
 
สนธินั้นรู้  ว่าทักษิณได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก
การจะเล่นงานทักษิณได้  สนธิต้องใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อใส่ร้าย
 
เครื่องมือที่สนธิใช้ก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์
เพราะสนธิรู้ว่าคนไทย สังคมไทยเทิดทูนสถาบัน
 
ขณะที่สนธิใส่ร้ายทักษิณบนเวทีปราศรัย  
อีกด้านก็ให้นายปราโมทย์  นาครทรรพ  เขียนบทความในผู้จัดการ
สร้างเรื่อง "ปฏิญญาฟินเลนด์" ขึ้นมา ว่าทักษิณมีแผนล้มสถาบัน
แล้วนำบทความนั้นมาขยายต่อผ่านทางเอเอสทีวี
 
ได้ผลครับ   คนไทยจำนวนมากหลงเชื่อสนธิว่าทักษิณจะล้มเจ้า
 
สนธิรู้ว่าชนชั้นกลางในสังคมไทยนั้น  มีความริษยาคนชั้นกลางด้วยกันที่รวยกว่า
(หากชนชั้นสูงรวย ชนชั้นกลางจะเชิดชู  หากชนชั้นรากหญ้ารวย ชนชั้นกลางก็จะดูถูก)
 
จึงใช้วิธีกล่าวหาใส่ร้ายว่าทักษิณรวยเพราะโกง   โกงทั้งโคตร
เป็นที่ถูกอกถูกใจโดนจริตกระแดะของชนชั้นกลางอย่างมาก
แห่กันออกมาร่วมม็อบ  บริจาคเงินสนับสนุนสนธิกันมากมาย  
(คนอื่นโกง ไม่เป็นไร  เพราะไม่ริษยาเหมือนริษยาทักษิณที่รวยเป็นแสนล้าน)
 
 
 
โดนสนธิหลอกทั้งหมด  ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว  
สนธิติดคุก ยังเชิดชูสนธิว่ากล้าหาญ  ยอมรับคำพิพากษา
 
 
 
ทั้งหมดทั้งมวล   ไม่ใช่เรื่องชาติเรื่องสถาบันอะไรเลย
แต่คือความแค้นส่วนตัวล้วน ๆ
 
การกระทำของสนธิ
ทำให้คนไทยเข้าใจผิดสถาบัน ทำให้คนไทยแตกแยก
 
โกง กู้ ไม่ใช้หนี้
สร้างเรื่องปลุกปั่นให้คนไทยเกลียดชังกัน
 
สมควรแล้วที่ต้องติดคุก
สมน้ำหน้า

แค้นสี่อย่าง ของสนธิ ลิ้มฯ ต่อ ดร. ทักษิณ

แค้นของสนธิ  ลิ้มทองกุล ที่มีต่อทักษิณ  ชินวัตร
 
ช่วงปี 2532-2533
ทักษิณลาออกจากตำรวจแล้ว  เพื่อมาทำธุรกิจสื่อสารอย่างเต็มที่
 
ช่วงนั้น  สนธิก็ยังอู้ฟู่   เทคโอเวอร์ IEC  จากปูนไทยมาปั้นแต่งเข้าตลาดหุ้น
ว่ากันว่า  ราคาหุ้นที่เสนอซื้อขายกันตอนนั้นของ IEC  อยู่ที่ 250 บาท
 
เป็นช่วงจังหวะการสื่อสารกำลังติดลมบน  
IEC  ของสนธิผูกขาดขายมือถือโนเกียเซลลูลาร์ 900    รวยหนัก
 
ทักษิณก็กำลังเข็นเรื่องสัมปทานดาวเทียม
 
สนธิเลยชวนทักษิณมาร่วมทุนด้วย  แบบเป็นพาร์ทเนอร์กัน  
อาจเพราะมีแผนหวังโดดเข้าร่วมเรื่องดาวเทียมด้วย
ขายหุ้น IEC  ให้ทักษิณในราคาพาร์ 10 บาท
 
ทักษิณร่วมกับสนธิอยู่ไม่นานนัก  ก็เทขายหุ้น IEC  หมด
กำไรไปสี่ร้อยกว่าล้าน   แล้วหันไปลงทุนเรื่องดาวเทียม   ไม่สนใจสนธิ
(สนธิก็หันไปลงทุนเรื่องดาวเทียมในลาว   เจ๊งไม่เป็นท่า หนีหนี้
จนไม่กล้าไปเหยียบเมืองลาวจนถึงทุกวันนี้)
 
นี่แค้นที่ 1
 
 
 
แค้นที่ 2    
ช่วงรัฐบาลชวน 1  2535-2538     รัฐบาลชวน 2   2540-2544
 
ช่วงนี้  นอกจากปลอมเอกสารกู้เงินเข้ากระเป๋า 1,078 ล้านบาท (จนทำให้ติดคุก)
สนธิยังได้รับความสะดวกจากกรุงไทย  กู้เท่าไรก็ได้  ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
 
ผลก็คือ  สนธิกู้ไปสองพันกว่าล้าน   ไม่ใช้คืนสักบาท
 
ช่วงทักษิณเข้ามา  2544-2547  
กรุงไทยก็ได้เอ็มดีคนใหม่  นั่นคือนายวิโรจน์  นวลแข
วิโรจน์  นวลแข   สนิทสนมกับสนธิมาก   เรียกได้ว่าช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด
 
ตอนนั้น   ในฐานะเอ็มดีกรุงไทย  
วิโรจน์ได้ทำการ hair cut  หนี้ของสนธิชนิดสุดแสนประทับใจ
จากหนี้สองพันกว่าล้าน   ลดให้เหลือพันกว่าล้าน    
และจากพันกว่าล้าน  ลดให้เหลือเพียง 259 ล้าน
 
259 ล้านนี่  สนธิไม่ต้องจ่ายด้วย    
กรุงไทยจะลงโฆษณากับเครือผู้จัดการแล้วให้สนธิค่อย ๆ หักหนี้ไป
 
เรียกว่า   สนธิได้เงินใช้ฟรี ๆ สองพันกว่าล้าน  ไม่ต้องใช้คืนสักบาท
แค่ลงโฆษณาให้แล้วหนี้จะหมดเอง
 
ปลายปี 2547   วิโรจน์หมดวาระการเป็นเอ็มดี    ก็สมัครต่อ
แต่ผู้ว่าแบงค์ชาติในตอนนั้น  คือหม่อมอุ๋ย  ไม่เอา  ไม่อนุมัติให้อยู่ต่อ
ด้วยเหตุผลว่านายวิโรจน์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องในหลาย ๆ ด้าน
(จนเกิดคดีความ  วิโรจน์ฟ้องหม่อมอุ๋ยในเรื่องไม่ยอมแต่งตั้งเป็นเอ็มดีกรุงไทย
 และทำให้สนธิแค้นหม่อมอุ๋ย  มีโอกาสเป็นด่า  จนถูกหม่อมอุ๋ยฟ้องหมิ่น)
 
สนธิจึงส่งคำขอไปยังทักษิณ   ให้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีแทรกแซงแบงค์ชาติ
ผลักดันให้วิโรจน์ได้เป็นเอ็มดีอีกหนึ่งวาระ (วาระ 3 ปี)
 
แต่ทักษิณเซย์โน  เพราะไม่สามารถตอบสนองได้
 
ทำให้สนธิแค้นมาก  เพราะเท่ากับตัดทางหารับประทานจากกรุงไทย
 
ก็คนมันเคยได้ไงครับ
ก็เคยได้ไปสองพันกว่าล้านฟรี ๆ    แถมที่ปลอมเอกสารกู้อีกพันกว่าล้าน
 
 
 
 
นอกจากเรื่องเอ็มดีกรุงไทยแล้ว
ปี 2547  นั้น   สนธิยังหวังทำฟรีทีวี  
(เรื่องนี้  นายวุษณุ  เครืองาม  รองนายกฯขณะนั้นรู้ดีที่สุด)
 
สนธิซื้ออุปกรณ์มาเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย   ลงทุนไปหลายล้านบาท
หวังได้ทำฟรีทีวี มีโอกาสล้างหนี้ และร่ำรวยอีกครั้ง
หลังจากล้มละลายมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2542
 
ฟรีทีวีที่ว่าก็คือ  ช่อง 11    
โดยสนธิจะขอแบ่งคลื่นจากช่อง 11  มาทำฟรีทีวีในนามช่อง 11/1
 
สนธิก็ส่งคำขอไปถึงทักษิณอีกครั้ง
ทักษิณให้นายวิษณุดูในข้อกฏหมายว่าทำได้ไหม  
 
นายวิษณุบอกว่า  ทำไม่ได้  ขัดกฎหมาย
ทักษิณจึงต้องปฏิเสธสนธิในเรื่องช่อง 11/1  ไป  
ทำให้สนธฺิโกรธทักษิณชนิดเอ่ยปากว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
 
การไม่ได้ทำฟรีทีวี   ทำให้โอกาสในการพลิกฟื้นของสนธิหมดไปอย่างสิ้นเชิง
ไหนจะหนี้สินท่วมหัว  ไหนจะค่าใช้จ่ายในเครือผู้จัดการ  ไหนจะค่าเช่าดาวเทียมเอเอสทีวี
 
เมื่อไม่ได้  สนธิก็เริ่มหันมาด่าทักษิณ
 
นี่คือแค้นที่ 3
 
 
 
แค้นที่ 4
เมื่อก่อม็อบ  โค่นล้มทักษิณไปได้  สนธิก็หวังได้รางวัลตอบแทน
แต่ผลก็คือ  สนธิไม่ได้อะไร   นอกจากลูกปืน
 
สนธิโดนยิงในปี 2552  
โดนอัยการฟ้องในปี 2552 (จนติดคุกในตอนนี้)
สนธิล้มละลายอีกครั้งในปี 2553  
ทุกเรื่อง  ทักษิณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ด้วยเลย
 
สนธิแค้นมาก   แต่ทำอะไม่ได้   เพราะสนธิตอนนั้น  หมดสภาพแล้ว  
ม็อบพันธมิตรก็เหลือแค่หลักห้าร้อยเพราะ ปชป.ไม่แอบหนุนแล้ว
 
สนธิจึงหันมาลงกับทักษิณแทน  ด่าทักษิณไม่เลิก  
สร้างนิยายว่าตัวเองโดนทักษิณกลั่นแกล้งจนต้องล้มละลาย
 
รู้  ว่าตัวเองโดนหลอกใช้  หวังได้สิ่งตอบแทน  แต่ไม่ได้อะไร
จะโวยใครก็ไม่ได้  เพราะจะกลายเป็นการประจานความโง่ตัวเอง  
เลยหันมาโทษทักษิณเพื่อกลบเกลื่อนความโง่ของตัวเอง
 
 
 
สนธินั้นรู้  ว่าทักษิณได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก
การจะเล่นงานทักษิณได้  สนธิต้องใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อใส่ร้าย
 
เครื่องมือที่สนธิใช้ก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์
เพราะสนธิรู้ว่าคนไทย สังคมไทยเทิดทูนสถาบัน
 
ขณะที่สนธิใส่ร้ายทักษิณบนเวทีปราศรัย  
อีกด้านก็ให้นายปราโมทย์  นาครทรรพ  เขียนบทความในผู้จัดการ
สร้างเรื่อง "ปฏิญญาฟินเลนด์" ขึ้นมา ว่าทักษิณมีแผนล้มสถาบัน
แล้วนำบทความนั้นมาขยายต่อผ่านทางเอเอสทีวี
 
ได้ผลครับ   คนไทยจำนวนมากหลงเชื่อสนธิว่าทักษิณจะล้มเจ้า
 
สนธิรู้ว่าชนชั้นกลางในสังคมไทยนั้น  มีความริษยาคนชั้นกลางด้วยกันที่รวยกว่า
(หากชนชั้นสูงรวย ชนชั้นกลางจะเชิดชู  หากชนชั้นรากหญ้ารวย ชนชั้นกลางก็จะดูถูก)
 
จึงใช้วิธีกล่าวหาใส่ร้ายว่าทักษิณรวยเพราะโกง   โกงทั้งโคตร
เป็นที่ถูกอกถูกใจโดนจริตกระแดะของชนชั้นกลางอย่างมาก
แห่กันออกมาร่วมม็อบ  บริจาคเงินสนับสนุนสนธิกันมากมาย  
(คนอื่นโกง ไม่เป็นไร  เพราะไม่ริษยาเหมือนริษยาทักษิณที่รวยเป็นแสนล้าน)
 
 
 
โดนสนธิหลอกทั้งหมด  ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว  
สนธิติดคุก ยังเชิดชูสนธิว่ากล้าหาญ  ยอมรับคำพิพากษา
 
 
 
ทั้งหมดทั้งมวล   ไม่ใช่เรื่องชาติเรื่องสถาบันอะไรเลย
แต่คือความแค้นส่วนตัวล้วน ๆ
 
การกระทำของสนธิ
ทำให้คนไทยเข้าใจผิดสถาบัน ทำให้คนไทยแตกแยก
 
โกง กู้ ไม่ใช้หนี้
สร้างเรื่องปลุกปั่นให้คนไทยเกลียดชังกัน
 
สมควรแล้วที่ต้องติดคุก
สมน้ำหน้า

Monday, September 12, 2016

Thailand: No New Military Trials of Civilians Army Maintains Power to Arrest and Detain, Prosecute Pending Cases

Thailand: No New Military Trials of Civilians

Army Maintains Power to Arrest and Detain, Prosecute Pending Cases


(New York, September 13, 2016) – The Thai junta's decision not to bring new military trials of civilians is a limited step that appears intended to deflect international criticism of Thailand at the United Nations Human Rights Council, Human Rights Watch said today. The action by the ruling National Council for Peace and Order (NCPO) is undercut by ongoing military trials of civilians and the military's retention of expansive police powers.

The 33rd session of the UN Human Rights Council begins in Geneva on September 13, 2016.

"No one should be fooled by the Thai junta's sleight of hand just before the Human Rights Council begins meeting in Geneva," said Brad Adams, Asia director at Human Rights Watch. "The decision will spare many Thai civilians the injustice of a military trial, but repressive military rule is still a reality in Thailand."

On September 12, Prime Minister Gen. Prayut Chan-ocha revoked three NCPO orders that empowered military courts to try civilians for national security offenses, including sedition and lese majeste (insulting the monarchy). However, the action is not retroactive and does not affect the more than 1,000 cases already brought against civilians in military courts. The military also retains authority to arrest, detain, and interrogate civilians without safeguards against abuse or accountability for human rights violations.

Fundamental rights and freedoms that have been repressed since the May 2014 coup remain curtailed, Human Rights Watch said. Expression of dissenting opinions against the junta, peaceful opposition to military rule, criticism of the monarchy, and public assembly of more than five people are still criminal offenses. Since May 2014, at least 1,811 civilians have been brought before military courts across Thailand.


Human Rights Watch has repeatedly stated that Thailand, as a party to the International Covenant on Civil and Political Rights (ICCPR), is obligated to take measures to ensure and uphold basic fair trial rights. Governments are prohibited from using military courts to try civilians when civilian courts can still function. During the Human Rights Council's Universal Periodic Review (UPR) of Thailand in May 2016, the Office of the High Commissioner for Human Rights, as well as many foreign governments and human rights groups, expressed concern that the rules governing Thailand's military courts violate the basic fair trial rights protected under the ICCPR. In particular, many parties urged the Thai government to move all civilian cases out of military courts, drop cases that deal with restrictions of fundamental rights, and end the military's unaccountable power to arrest, detain, and interrogate civilians.

"General Prayut should demonstrate that he is sincere about ending military trials of civilians by dropping all pending cases or transferring them to civilian courts," Adams said. "This would be a long overdue and meaningful step toward ending repression, respecting basic rights, and returning the country to democratic civilian rule."


For more Human Rights Watch reporting on Thailand, please visit:

https://www.hrw.org/asia/thailand


For more information, please contact:

In Bangkok, Sunai Phasuk (English, Thai): +66-81-632-3052 (mobile); or phasuks@hrw.org. Twitter: @SunaiBKK

In San Francisco, Brad Adams (English): +1-347-463-3531 (mobile); or adamsb@hrw.org. Twitter: @BradMAdams

In Washington, DC, John Sifton (English): +1-646-479-2499 (mobile); or siftonj@hrw.org. Twitter: @johnsifton

Thailand: No New Military Trials of Civilians Army Maintains Power to Arrest and Detain, Prosecute Pending Cases

Thailand: No New Military Trials of Civilians

Army Maintains Power to Arrest and Detain, Prosecute Pending Cases


(New York, September 13, 2016) – The Thai junta's decision not to bring new military trials of civilians is a limited step that appears intended to deflect international criticism of Thailand at the United Nations Human Rights Council, Human Rights Watch said today. The action by the ruling National Council for Peace and Order (NCPO) is undercut by ongoing military trials of civilians and the military's retention of expansive police powers.

The 33rd session of the UN Human Rights Council begins in Geneva on September 13, 2016.

"No one should be fooled by the Thai junta's sleight of hand just before the Human Rights Council begins meeting in Geneva," said Brad Adams, Asia director at Human Rights Watch. "The decision will spare many Thai civilians the injustice of a military trial, but repressive military rule is still a reality in Thailand."

On September 12, Prime Minister Gen. Prayut Chan-ocha revoked three NCPO orders that empowered military courts to try civilians for national security offenses, including sedition and lese majeste (insulting the monarchy). However, the action is not retroactive and does not affect the more than 1,000 cases already brought against civilians in military courts. The military also retains authority to arrest, detain, and interrogate civilians without safeguards against abuse or accountability for human rights violations.

Fundamental rights and freedoms that have been repressed since the May 2014 coup remain curtailed, Human Rights Watch said. Expression of dissenting opinions against the junta, peaceful opposition to military rule, criticism of the monarchy, and public assembly of more than five people are still criminal offenses. Since May 2014, at least 1,811 civilians have been brought before military courts across Thailand.


Human Rights Watch has repeatedly stated that Thailand, as a party to the International Covenant on Civil and Political Rights (ICCPR), is obligated to take measures to ensure and uphold basic fair trial rights. Governments are prohibited from using military courts to try civilians when civilian courts can still function. During the Human Rights Council's Universal Periodic Review (UPR) of Thailand in May 2016, the Office of the High Commissioner for Human Rights, as well as many foreign governments and human rights groups, expressed concern that the rules governing Thailand's military courts violate the basic fair trial rights protected under the ICCPR. In particular, many parties urged the Thai government to move all civilian cases out of military courts, drop cases that deal with restrictions of fundamental rights, and end the military's unaccountable power to arrest, detain, and interrogate civilians.

"General Prayut should demonstrate that he is sincere about ending military trials of civilians by dropping all pending cases or transferring them to civilian courts," Adams said. "This would be a long overdue and meaningful step toward ending repression, respecting basic rights, and returning the country to democratic civilian rule."


For more Human Rights Watch reporting on Thailand, please visit:

https://www.hrw.org/asia/thailand


For more information, please contact:

In Bangkok, Sunai Phasuk (English, Thai): +66-81-632-3052 (mobile); or phasuks@hrw.org. Twitter: @SunaiBKK

In San Francisco, Brad Adams (English): +1-347-463-3531 (mobile); or adamsb@hrw.org. Twitter: @BradMAdams

In Washington, DC, John Sifton (English): +1-646-479-2499 (mobile); or siftonj@hrw.org. Twitter: @johnsifton

Sunday, September 11, 2016

ดร. เพียงดิน รักไทย 12 ก.ย. 2559 ตอน การใช้ความรุนแรง แก้ปัญหาทางการเมือง??

ดร. เพียงดิน รักไทย 12 ก.ย. 2559 ตอน การใช้ความรุนแรง แก้ปัญหาทางการเมือง?? 

https://youtu.be/QLqgd2pFfv0      

https://youtu.be/ZILU0Y-Q6Yg      

https://youtu.be/fCvx-ZloXsg      

https://youtu.be/7COSILLoZXk      

https://youtu.be/3wlHDkGmayk

https://youtu.be/nLJ92bHDo58



--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 









ดร. เพียงดิน รักไทย 12 ก.ย. 2559 ตอน การใช้ความรุนแรง แก้ปัญหาทางการเมือง??

ดร. เพียงดิน รักไทย 12 ก.ย. 2559 ตอน การใช้ความรุนแรง แก้ปัญหาทางการเมือง?? 

https://youtu.be/QLqgd2pFfv0      

https://youtu.be/ZILU0Y-Q6Yg      

https://youtu.be/fCvx-ZloXsg      

https://youtu.be/7COSILLoZXk      

https://youtu.be/3wlHDkGmayk

https://youtu.be/nLJ92bHDo58



--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน