Saturday, August 27, 2016

ตลบม่านการเมือง : ควบแน่นอำนาจ "บิ๊กตู่" เปลี่ยนผ่านประเทศ | 27-08-59 | ...

ตลบม่านการเมือง : ควบแน่นอำนาจ "บิ๊กตู่" เปลี่ยนผ่านประเทศ | 27-08-59 | ...

สดๆ ร้อน ๆ!! 26-08-16 หม่อมใหม่ของพระบรมฯ ได้รับพระราชทานยศ "พลโทหญิง” ส่วนเมียเก่า...ไร้ข่าว เหมือนสาปสูญ!!








ประกาศราชกิจจานุเบกษา หน้า ๑ เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ


มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้ พลตรีหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา 

เสนาธิการหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย 

รักษาพระองค์ (อัตรา พลตรี) เป็น นายทหารปฏิบัติการพิเศษสํานักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ 

ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย 

รักษาพระองค์ (อัตรา พลโท) ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ 


ทั้งนี้ หน้า ๑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๒๖ ข ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหารชั้นนายพล 

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานยศ พลโทหญิง ให้แก่ พลตรีหญิง สุทิดา 

วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ซึ่งรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ 

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ 


ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

นายกรัฐมนตรี



สดๆ ร้อน ๆ!! 26-08-16 หม่อมใหม่ของพระบรมฯ ได้รับพระราชทานยศ "พลโทหญิง” ส่วนเมียเก่า...ไร้ข่าว เหมือนสาปสูญ!!








ประกาศราชกิจจานุเบกษา หน้า ๑ เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ


มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้ พลตรีหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา 

เสนาธิการหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย 

รักษาพระองค์ (อัตรา พลตรี) เป็น นายทหารปฏิบัติการพิเศษสํานักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ 

ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย 

รักษาพระองค์ (อัตรา พลโท) ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ 


ทั้งนี้ หน้า ๑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๒๖ ข ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหารชั้นนายพล 

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานยศ พลโทหญิง ให้แก่ พลตรีหญิง สุทิดา 

วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ซึ่งรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ 

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ 


ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

นายกรัฐมนตรี



สดๆ ร้อน ๆ!! 26-08-16 หม่อมใหม่ของพระบรมฯ ได้รับพระราชทานยศ "พลโทหญิง” ส่วนเมียเก่า...ไร้ข่าว เหมือนสาปสูญ!!








ประกาศราชกิจจานุเบกษา หน้า ๑ เล่ม ๑๓๓ ตอนพิเศษ ๑๙๑ ง ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ


มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้ พลตรีหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา 

เสนาธิการหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย 

รักษาพระองค์ (อัตรา พลตรี) เป็น นายทหารปฏิบัติการพิเศษสํานักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ 

ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย 

รักษาพระองค์ (อัตรา พลโท) ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ 


ทั้งนี้ หน้า ๑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓ ตอนที่ ๒๖ ข ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหารชั้นนายพล 

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานยศ พลโทหญิง ให้แก่ พลตรีหญิง สุทิดา 

วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา ซึ่งรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยเป็นผลดีแก่ทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ 

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ 


ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

นายกรัฐมนตรี



ปชป.ไม่แปลกใจ"บิ๊กตู่"ส่งสัญญาณนั่งนายกฯ

ปชป.ไม่แปลกใจ"บิ๊กตู่"ส่งสัญญาณนั่งนายกฯ

ปชป.ไม่แปลกใจ"บิ๊กตู่"ส่งสัญญาณนั่งนายกฯ

ปชป.ไม่แปลกใจ"บิ๊กตู่"ส่งสัญญาณนั่งนายกฯ

กระเป๋าดำ ขำกลิ้ง!! ภาพลักษณ์ชายมุสลิม

กระเป๋าดำ ขำกลิ้ง!! ภาพลักษณ์ชายมุสลิม

นายกฯปัดรบ.คสช.เช็คบิลการเมือง โยนกรธ.ดูคำถามพ่วง



นายกฯปัดรบ.คสช.เช็คบิลการเมือง โยนกรธ.ดูคำถามพ่วง



ดร. เพียงดิน รักไทย 27 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 4 การจัดทัพ และบทบาทมดแดง

ดร. เพียงดิน รักไทย 27 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 4 การจัดทัพ และบทบาทมดแดง 

https://youtu.be/oYPnk9opEoA

https://youtu.be/BrDG-nUSu7k

https://youtu.be/x9rYyj3N3EU




--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


ดร. เพียงดิน รักไทย 27 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 4 การจัดทัพ และบทบาทมดแดง

ดร. เพียงดิน รักไทย 27 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 4 การจัดทัพ และบทบาทมดแดง 

https://youtu.be/oYPnk9opEoA

https://youtu.be/BrDG-nUSu7k

https://youtu.be/x9rYyj3N3EU




--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


ดร. เพียงดิน รักไทย 27 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 4 การจัดทัพ และบทบาทมดแดง

ดร. เพียงดิน รักไทย 27 ส.ค. 2559 จะล้ม คสช.และ ระบอบเจ้า อย่างไร? ตอน 4 การจัดทัพ และบทบาทมดแดง 

https://youtu.be/oYPnk9opEoA

https://youtu.be/BrDG-nUSu7k

https://youtu.be/x9rYyj3N3EU




--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


Friday, August 26, 2016

ภาพดา ตอร์ปิโด ออกคุก เช้าวันนี้ 27 ส.ค. 59



หนี้บาปนี้ กับเกือบสิบปีที่หายไป ใครรับใช้ให้เธอได้บ้าง???

แต่ก็ยินดีด้วยกับครอบครัวและคนรอบตัวคุณดาครับ 

ภาพดา ตอร์ปิโด ออกคุก เช้าวันนี้ 27 ส.ค. 59



หนี้บาปนี้ กับเกือบสิบปีที่หายไป ใครรับใช้ให้เธอได้บ้าง???

แต่ก็ยินดีด้วยกับครอบครัวและคนรอบตัวคุณดาครับ 

ภาพดา ตอร์ปิโด ออกคุก เช้าวันนี้ 27 ส.ค. 59



หนี้บาปนี้ กับเกือบสิบปีที่หายไป ใครรับใช้ให้เธอได้บ้าง???

แต่ก็ยินดีด้วยกับครอบครัวและคนรอบตัวคุณดาครับ 

ดร. เพียงดิน รักไทย 26 ส.ค. 59 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้า ได้อย่างไร? ตอน 3 ยุทธศาสตร์ถอนรากถอนโคน

ดร. เพียงดิน รักไทย 26 ส.ค. 59 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้า ได้อย่างไร? ตอน 3 ยุทธศาสตร์ถอนรากถอนโคน 

https://youtu.be/bz6M8mfcTEo

https://youtu.be/QBWMVFiNF1Q

https://youtu.be/m8HyD3hMOVo




--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


ดร. เพียงดิน รักไทย 26 ส.ค. 59 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้า ได้อย่างไร? ตอน 3 ยุทธศาสตร์ถอนรากถอนโคน

ดร. เพียงดิน รักไทย 26 ส.ค. 59 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้า ได้อย่างไร? ตอน 3 ยุทธศาสตร์ถอนรากถอนโคน 

https://youtu.be/bz6M8mfcTEo

https://youtu.be/QBWMVFiNF1Q

https://youtu.be/m8HyD3hMOVo




--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


ดร. เพียงดิน รักไทย 26 ส.ค. 59 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้า ได้อย่างไร? ตอน 3 ยุทธศาสตร์ถอนรากถอนโคน

ดร. เพียงดิน รักไทย 26 ส.ค. 59 จะล้ม คสช. และระบอบเจ้า ได้อย่างไร? ตอน 3 ยุทธศาสตร์ถอนรากถอนโคน 

https://youtu.be/bz6M8mfcTEo

https://youtu.be/QBWMVFiNF1Q

https://youtu.be/m8HyD3hMOVo




--------------------- 

***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg 

***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ 

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน  

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้ 

http://tinyurl.com/o2rzao8 

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt 

****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2 

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com 

---------------------- 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน 


ขวัญชัย วรสูตร นักชกผู้ชกเอาเปรม ติณสูลานนท์ ก้นจ้ำเบ้า เลือดทะลักอาบหน้า!!!

นักชกประวัติศาสตร์ ซึ่งมีนามเรียกขานกันว่า ขวัญชัย วรสูตร อายุ 27 ปีนักศึกษาหนุ่ม จากคณะรัฐศาสตร์ ปี 4  มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เวลาราว 16.00 น. ของวันที่ 10 พฤศจิกายน 2528 เมื่อ 25 ปีที่แล้ว เขาทิ้งหมัดขวาตรงสุดแรงหมัดเดียว เข้าเต็มหน้า อำมาตย์ใหญ่ ที่ชื่อ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

อำมาตย์เปรมหงายตึงและทรุดลงกับที่นั่งประธานบนอัฒจรรย์ สนามกีฬาหัวหมาก ขณะที่กำลังนั่งชมฟุตบอลคู่ชิงชนะเลิศ ในวันพิธีปิดกีฬามหาวิทยาลัย

แผลแตกลึกที่ดั้งจมูกยาวเกือบ 2 เซนติเมตร เลือดทะลักอาบหน้า!

นักชกหนุ่มมือสมัครเล่น ขวัญชัย วรสูตร ยังยืนชี้หน้าอำมาตย์และตะคอกสำทับด้วยวาจาว่า "หมั่นไส้มานานแล้ว!" และคำสบถตามมาอีกหลายประโยค

อำมาตย์เปรมตะโกนติดสำเนียงใต้ว่า"อย่าให้มันฉกกู๋" แล้วเรียกลูกน้องและผู้อารักขาเข้ามาช่วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ 3-4 คน เมื่อหายตะลึง ก็รีบพากันกรูกันเข้ามารุมล๊อคตัว สับกุญแจมือไขว้หลังเอาไว้ในนาทีถัดมา โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนแม้แต่น้อย

หลังจากชกหมัดขวาหมัดเดียวเข้าเต็มๆ หน้าอำมาตย์เปรม ขวัญชัย วรสูตร ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้าไปทำร้ายซ้ำเติมให้ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านั้น และเขาก็ไม่ได้พยายามต่อสู้หรือหลบหนีการจับกุมแต่อย่างใด

แน่นอนที่สุด นี่เป็นความตั้งใจและได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี

ขวัญชัย วรสูตร ขอชกแบบจะๆ เพียงหมัดเดียว แล้วก็ยืนดูอย่างไม่สะทกสะท้านอันใด

พ.ต.ท.สวง มีแทน สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ต้องรีบเรียกหน่วยพยาบาล ช่วยกันหามอำมาตย์เปรมซึ่งขณะนั้นก็มีอายุปาเข้าไป 65 ปีแล้ว รีบนำตัวส่งไปเข้ารับการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎในทันที

รายงานของคณะแพทย์ปรากฎว่า บาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกล้ามเนื้อของจมูก ดั้งจมูกแตก ลึกเป็น 3-4 แฉก คณะแพทย์ต้องระดมตรวจเช็คด้วยเครื่องมืออุปกรณ์โดยละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการกระทบกระเทือนไปถึงสมองและส่วนอื่นๆ ของศีรษะ

รองศาสตาจารย์สุขุม นวลสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงในขณะนั้น ต้องแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งในวันรุ่งขึ้นทันที เพื่อรับผิดชอบที่นักศึกษาในสถาบันของตนได้ก่อเหตุชกหน้านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในขณะนั้น ต่อหน้าต่อตาอธิการบดีด้วยซ้ำ

อำมาตย์เปรมต้องนอนพักรักษาตัวอยู่เกือบ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถออกมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อได้

ต่อมา ก็ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ยอมรับภายหลังเหตุการณ์ ว่า "ป๋าเห็นดาวเลยละลูกเอ๋ย..." 

เด็กหนุ่มนักศึกษารามฯ ขวัญชัย วรสูตร มีพื้นเพเป็นคนกรุงเทพ บ้านอยู่ในซอยสุสาน แถวเขตบางรัก ได้สร้างวีรกรรมไว้จนเป็นที่สะใจไม่น้อย สำหรับคนรักประชาธิปไตยในยุคนั้น

เพราะอำมาตย์เปรมขณะนั้น นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมากว่า 5 ปี ต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 2 แล้ว ในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ อำมาตย์เปรมถูกสังคมตำหนิว่าขึ้นมามีอำนาจโดยใช้กองทัพหนุนและไม่ยอมลงสมัครรับเลือกตั้ง

ไม่น่าเชื่อว่าชื่อ ขวัญชัย วรสูตร จะกลายเป็นที่กล่าวขานอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 2 ทศวรรษครึ่ง มาถึงเวทีของคนเสื้อแดงในวันนี้

ขณะที่เรียนหนังสืออยู่ปี 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ใกล้จะเรียนจบเป็นบัณฑิตทางรัฐศาสตร์อยู่แล้ว แต่ทำไม ขวัญชัย วรสูตร เลือกที่จะกำหนดเส้นทางชีวิตใหม่ ด้วยความพยายามที่จะสื่อสารและบอกกล่าวให้ผู้คนในสังคมไทย รับรู้ถึงตัวตนของอำมาตย์เปรมที่แท้จริง

ขณะนั้นเขามิได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่า เส้นทางชีวิตของเขาจะผกผันหันไปสู่เส้นทางอำมหิต กระทั่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่ความตายที่น่าสยดสยองของเขา ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา

การแสดงออกด้วยความรุนแรง แม้เพียงการเข้าทำร้ายแบบมือเปล่าที่ ขวัญชัย วรสูตร ได้ก่อเหตุขึ้นนั้น ในมุมมองของสังคมไทยโดยทั่วไปอาจจะรับไม่ได้

แต่ในเชิงสัญญลักษณ์แล้ว กล่าวได้ว่า เขาทำได้สำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ และเสียสละที่จะดำเนินการด้วยตนเองเพียงคนเดียว ภายใต้ขอบเขตที่เขาควบคุมระดับของความรุนแรงไว้ เป็นไปตามที่ได้วางงานมาเป็นอย่างดี

สังเกตุได้จากการที่เขาไม่ใช้อาวุธใดๆ ทั้งๆ  ที่รู้อยู่ว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของอำมาตย์เปรมหละหลวมมาก เขาตั้งใจเพียงการชกหน้าอำมาตย์เปรมหมัดเดียว แล้วยืนดูไม่เข้าไปทำร้ายซ้ำเติม อีกทั้งไม่ขัดขืน ไม่ต่อสู้ และให้ความร่วมมือในการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตลอดจนการรับสารภาพในการกระทำความผิดแต่โดยดี เพื่อให้การดำเนินคดีราบรื่นไปจนคดีถึงที่สุดโดยเร็ว และเขาก็น้อมรับการลงโทษสั่งจำคุก 3 เดือนโดยคำพิพากษาของศาล ว่าไปตามกบิลเมืองอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด

ไม่น่าเชื่อเลยว่านับจากวันนั้น ขวัญชัย วรสูตร ก็ได้กลับกลายผู้ถูกกระทำเข้าบ้าง ตกเป็นเหยื่ออำนาจอธรรม เหยื่อของความรุนแรงเสียยิ่งกว่า ป่าเถื่อนยิ่งกว่านับแสนนับล้านเท่า

ในที่สุด มนุษย์ใจบาปได้พกความอาฆาตพยาบาท แม้ว่าได้จองจำเขาไว้ในคุกแล้ว ก็ยังตามไล่ล่าเอาชีวิตและไล่ล่าเอาวิญญาณของเขา ด้วยน้ำมือของฆาตรกรเลือดเย็น

เขาถูกหาว่าเป็นคนวิกลจริต ถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้า ไปตรวจสภาพความบกพร่องทางสมอง หรือจะโดนกระทำอะไรต่อมิอะไรในสถานที่เหล่านั้นเพิ่มก็ไม่มีใครทราบได้

ขวัญชัย วรสูตร ถูกรุมจับกดน้ำตาย เป็นข่าวเล็กๆ ข่าวสุดท้ายที่ได้ยินเกี่ยวกับเขา ในไม่กี่วันหลังจากศาลสั่งจำคุก

ต้องประณามว่า นี่มันเป็นพฤติกรรมของสัตว์นรก ที่มีจิตใจอำมหิตเกินกว่าปุถุชนทั่วไปจะกระทำต่อกัน

ในสงครามต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงยามนี้ หากเขายังมีชีวิตอยู่ ในวันนี้ของ ขวัญชัย วรสูตร จะมีอายุ 52 ปีเต็ม

เชื่อมั่นได้เลยว่า รัฐศาสตร์บัณฑิตในวัยหนุ่มใหญ่คนนี้ ย่อมจะต้องเลือกยืนอยู่เคียงข้างกับคนเสื้อแดงในทุกสมรภูมิรบ เพื่อเรียกหาความเป็นธรรมและประชาธิปไตยเต็มใบ

ในยามนี้ เพื่อกระตุ้นเตือนและระลึกถึงจิตใจที่กล้าเสียสละ กล้าต่อสู้ ของหมู่มิตรสหายคนเสื้อแดง ที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตไปในหลายเหตุการณ์ ของการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย

จึงอยากจะให้เราน้อมจิตใจเพื่อรำลึกถึง  1 ในผองเพื่อนผู้ล่วงลับจำนวนมาก ในบรรดาผู้โดยสารขบวนรถไฟสายประชาธิปไตย

ร่วมคารวะดวงวิญญาณ ขวัญชัย วรสูตร ผู้ล่วงลับ แม้เขาจะได้ตายจากไปยี่สิบกว่าปีแล้ว

กระดูกร้องไห้ ถามหาความยุติธรรม อย่างสำนวนไทยที่คนโบราณว่าไว้ ให้ผู้ใดก็ตามที่มันก่อกรรมทำเข็ญกับบ้านเมืองได้พึงสังวรไว้...

อ้างอิง

ขวัญชัย วรสูตร นักชกผู้ชกเอาเปรม ติณสูลานนท์ ก้นจ้ำเบ้า เลือดทะลักอาบหน้า!!!

นักชกประวัติศาสตร์ ซึ่งมีนามเรียกขานกันว่า ขวัญชัย วรสูตร อายุ 27 ปีนักศึกษาหนุ่ม จากคณะรัฐศาสตร์ ปี 4  มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เวลาราว 16.00 น. ของวันที่ 10 พฤศจิกายน 2528 เมื่อ 25 ปีที่แล้ว เขาทิ้งหมัดขวาตรงสุดแรงหมัดเดียว เข้าเต็มหน้า อำมาตย์ใหญ่ ที่ชื่อ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี

อำมาตย์เปรมหงายตึงและทรุดลงกับที่นั่งประธานบนอัฒจรรย์ สนามกีฬาหัวหมาก ขณะที่กำลังนั่งชมฟุตบอลคู่ชิงชนะเลิศ ในวันพิธีปิดกีฬามหาวิทยาลัย

แผลแตกลึกที่ดั้งจมูกยาวเกือบ 2 เซนติเมตร เลือดทะลักอาบหน้า!

นักชกหนุ่มมือสมัครเล่น ขวัญชัย วรสูตร ยังยืนชี้หน้าอำมาตย์และตะคอกสำทับด้วยวาจาว่า "หมั่นไส้มานานแล้ว!" และคำสบถตามมาอีกหลายประโยค

อำมาตย์เปรมตะโกนติดสำเนียงใต้ว่า"อย่าให้มันฉกกู๋" แล้วเรียกลูกน้องและผู้อารักขาเข้ามาช่วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ 3-4 คน เมื่อหายตะลึง ก็รีบพากันกรูกันเข้ามารุมล๊อคตัว สับกุญแจมือไขว้หลังเอาไว้ในนาทีถัดมา โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืนแม้แต่น้อย

หลังจากชกหมัดขวาหมัดเดียวเข้าเต็มๆ หน้าอำมาตย์เปรม ขวัญชัย วรสูตร ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้าไปทำร้ายซ้ำเติมให้ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านั้น และเขาก็ไม่ได้พยายามต่อสู้หรือหลบหนีการจับกุมแต่อย่างใด

แน่นอนที่สุด นี่เป็นความตั้งใจและได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี

ขวัญชัย วรสูตร ขอชกแบบจะๆ เพียงหมัดเดียว แล้วก็ยืนดูอย่างไม่สะทกสะท้านอันใด

พ.ต.ท.สวง มีแทน สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ต้องรีบเรียกหน่วยพยาบาล ช่วยกันหามอำมาตย์เปรมซึ่งขณะนั้นก็มีอายุปาเข้าไป 65 ปีแล้ว รีบนำตัวส่งไปเข้ารับการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลพระมงกุฎในทันที

รายงานของคณะแพทย์ปรากฎว่า บาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกล้ามเนื้อของจมูก ดั้งจมูกแตก ลึกเป็น 3-4 แฉก คณะแพทย์ต้องระดมตรวจเช็คด้วยเครื่องมืออุปกรณ์โดยละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการกระทบกระเทือนไปถึงสมองและส่วนอื่นๆ ของศีรษะ

รองศาสตาจารย์สุขุม นวลสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงในขณะนั้น ต้องแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งในวันรุ่งขึ้นทันที เพื่อรับผิดชอบที่นักศึกษาในสถาบันของตนได้ก่อเหตุชกหน้านายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในขณะนั้น ต่อหน้าต่อตาอธิการบดีด้วยซ้ำ

อำมาตย์เปรมต้องนอนพักรักษาตัวอยู่เกือบ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถออกมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อได้

ต่อมา ก็ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ยอมรับภายหลังเหตุการณ์ ว่า "ป๋าเห็นดาวเลยละลูกเอ๋ย..." 

เด็กหนุ่มนักศึกษารามฯ ขวัญชัย วรสูตร มีพื้นเพเป็นคนกรุงเทพ บ้านอยู่ในซอยสุสาน แถวเขตบางรัก ได้สร้างวีรกรรมไว้จนเป็นที่สะใจไม่น้อย สำหรับคนรักประชาธิปไตยในยุคนั้น

เพราะอำมาตย์เปรมขณะนั้น นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมากว่า 5 ปี ต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 2 แล้ว ในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ อำมาตย์เปรมถูกสังคมตำหนิว่าขึ้นมามีอำนาจโดยใช้กองทัพหนุนและไม่ยอมลงสมัครรับเลือกตั้ง

ไม่น่าเชื่อว่าชื่อ ขวัญชัย วรสูตร จะกลายเป็นที่กล่าวขานอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 2 ทศวรรษครึ่ง มาถึงเวทีของคนเสื้อแดงในวันนี้

ขณะที่เรียนหนังสืออยู่ปี 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ใกล้จะเรียนจบเป็นบัณฑิตทางรัฐศาสตร์อยู่แล้ว แต่ทำไม ขวัญชัย วรสูตร เลือกที่จะกำหนดเส้นทางชีวิตใหม่ ด้วยความพยายามที่จะสื่อสารและบอกกล่าวให้ผู้คนในสังคมไทย รับรู้ถึงตัวตนของอำมาตย์เปรมที่แท้จริง

ขณะนั้นเขามิได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่า เส้นทางชีวิตของเขาจะผกผันหันไปสู่เส้นทางอำมหิต กระทั่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่ความตายที่น่าสยดสยองของเขา ในอีกไม่กี่เดือนถัดมา

การแสดงออกด้วยความรุนแรง แม้เพียงการเข้าทำร้ายแบบมือเปล่าที่ ขวัญชัย วรสูตร ได้ก่อเหตุขึ้นนั้น ในมุมมองของสังคมไทยโดยทั่วไปอาจจะรับไม่ได้

แต่ในเชิงสัญญลักษณ์แล้ว กล่าวได้ว่า เขาทำได้สำเร็จบรรลุวัตถุประสงค์ และเสียสละที่จะดำเนินการด้วยตนเองเพียงคนเดียว ภายใต้ขอบเขตที่เขาควบคุมระดับของความรุนแรงไว้ เป็นไปตามที่ได้วางงานมาเป็นอย่างดี

สังเกตุได้จากการที่เขาไม่ใช้อาวุธใดๆ ทั้งๆ  ที่รู้อยู่ว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของอำมาตย์เปรมหละหลวมมาก เขาตั้งใจเพียงการชกหน้าอำมาตย์เปรมหมัดเดียว แล้วยืนดูไม่เข้าไปทำร้ายซ้ำเติม อีกทั้งไม่ขัดขืน ไม่ต่อสู้ และให้ความร่วมมือในการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ตลอดจนการรับสารภาพในการกระทำความผิดแต่โดยดี เพื่อให้การดำเนินคดีราบรื่นไปจนคดีถึงที่สุดโดยเร็ว และเขาก็น้อมรับการลงโทษสั่งจำคุก 3 เดือนโดยคำพิพากษาของศาล ว่าไปตามกบิลเมืองอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใด

ไม่น่าเชื่อเลยว่านับจากวันนั้น ขวัญชัย วรสูตร ก็ได้กลับกลายผู้ถูกกระทำเข้าบ้าง ตกเป็นเหยื่ออำนาจอธรรม เหยื่อของความรุนแรงเสียยิ่งกว่า ป่าเถื่อนยิ่งกว่านับแสนนับล้านเท่า

ในที่สุด มนุษย์ใจบาปได้พกความอาฆาตพยาบาท แม้ว่าได้จองจำเขาไว้ในคุกแล้ว ก็ยังตามไล่ล่าเอาชีวิตและไล่ล่าเอาวิญญาณของเขา ด้วยน้ำมือของฆาตรกรเลือดเย็น

เขาถูกหาว่าเป็นคนวิกลจริต ถูกจับส่งโรงพยาบาลบ้า ไปตรวจสภาพความบกพร่องทางสมอง หรือจะโดนกระทำอะไรต่อมิอะไรในสถานที่เหล่านั้นเพิ่มก็ไม่มีใครทราบได้

ขวัญชัย วรสูตร ถูกรุมจับกดน้ำตาย เป็นข่าวเล็กๆ ข่าวสุดท้ายที่ได้ยินเกี่ยวกับเขา ในไม่กี่วันหลังจากศาลสั่งจำคุก

ต้องประณามว่า นี่มันเป็นพฤติกรรมของสัตว์นรก ที่มีจิตใจอำมหิตเกินกว่าปุถุชนทั่วไปจะกระทำต่อกัน

ในสงครามต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงยามนี้ หากเขายังมีชีวิตอยู่ ในวันนี้ของ ขวัญชัย วรสูตร จะมีอายุ 52 ปีเต็ม

เชื่อมั่นได้เลยว่า รัฐศาสตร์บัณฑิตในวัยหนุ่มใหญ่คนนี้ ย่อมจะต้องเลือกยืนอยู่เคียงข้างกับคนเสื้อแดงในทุกสมรภูมิรบ เพื่อเรียกหาความเป็นธรรมและประชาธิปไตยเต็มใบ

ในยามนี้ เพื่อกระตุ้นเตือนและระลึกถึงจิตใจที่กล้าเสียสละ กล้าต่อสู้ ของหมู่มิตรสหายคนเสื้อแดง ที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตไปในหลายเหตุการณ์ ของการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย

จึงอยากจะให้เราน้อมจิตใจเพื่อรำลึกถึง  1 ในผองเพื่อนผู้ล่วงลับจำนวนมาก ในบรรดาผู้โดยสารขบวนรถไฟสายประชาธิปไตย

ร่วมคารวะดวงวิญญาณ ขวัญชัย วรสูตร ผู้ล่วงลับ แม้เขาจะได้ตายจากไปยี่สิบกว่าปีแล้ว

กระดูกร้องไห้ ถามหาความยุติธรรม อย่างสำนวนไทยที่คนโบราณว่าไว้ ให้ผู้ใดก็ตามที่มันก่อกรรมทำเข็ญกับบ้านเมืองได้พึงสังวรไว้...

อ้างอิง

Thursday, August 25, 2016

"ใครเป็นนายก ต้องมา สง่างาม"

รำคาญควายมันบอกว่า ผู้นำที่มาต้องสง่างาม
􂀁􀆧laugh� 􀰂􀇦idiot�􂀁􀆜laugh�

โขมยยึดอำนาจมาเป็นนายก
ด้านหน้าโกหก ผงกหัวพล่าม
"ใครเป็นนายก ต้องมา สง่างาม"
Shit!!ไม่ดูความ เป็นมา หนังหน้าตัว

สง่าจริ้ง!วิ่งราวเอาตำแหน่ง
ถือปืนแย่งจากผู้หญิงยิ่งสุดชั่ว
ชาติคางคกได้ขึ้นวอก็เมามัว
ยกหางหัวถ่มถุยอวดคุยโว

ต้องที่มาสง่างามตามแบบฉบับ
ขู่บังคับตวาดเถียงเสียงโมโห
ถ่อยสถุนทุกวันเมามันส์โชว์
สวะโง่!อวดรบผักตบชวา

เห่าพร่ำย้ำบทเคารพกฎหมาย
เก็บไว้สอนฝูงควายให้กินหญ้า..(เถอะวะ!!)
ตัวเอ็งทรยศ ฉีกกฏ-กติกา
ถุยส์!สง่าหมาไม่แดรกแหกปากคุย

ต้องที่มาสง่างามตามเสต็ป(step)
สยามเห็บเกาะหมาขี้เรื้อนยุ่ย
ผู้นำห่วยหลงคอกหลอกฝูงทุย
คิดชั่วชุ่ยอำนาจปืนจะยืนยง

โขมยยึดเสนอหน้าเป็นนายก
นั่งทับขี้สกปรกนรกส่ง
เหม็นทั้งตัวชั่วเน่าถึงเผ่าพงศ์
อำนาจหลงจมสำลักปลักขี้ควาย

Ngaesai 25/8/1

"ใครเป็นนายก ต้องมา สง่างาม"

รำคาญควายมันบอกว่า ผู้นำที่มาต้องสง่างาม
􂀁􀆧laugh� 􀰂􀇦idiot�􂀁􀆜laugh�

โขมยยึดอำนาจมาเป็นนายก
ด้านหน้าโกหก ผงกหัวพล่าม
"ใครเป็นนายก ต้องมา สง่างาม"
Shit!!ไม่ดูความ เป็นมา หนังหน้าตัว

สง่าจริ้ง!วิ่งราวเอาตำแหน่ง
ถือปืนแย่งจากผู้หญิงยิ่งสุดชั่ว
ชาติคางคกได้ขึ้นวอก็เมามัว
ยกหางหัวถ่มถุยอวดคุยโว

ต้องที่มาสง่างามตามแบบฉบับ
ขู่บังคับตวาดเถียงเสียงโมโห
ถ่อยสถุนทุกวันเมามันส์โชว์
สวะโง่!อวดรบผักตบชวา

เห่าพร่ำย้ำบทเคารพกฎหมาย
เก็บไว้สอนฝูงควายให้กินหญ้า..(เถอะวะ!!)
ตัวเอ็งทรยศ ฉีกกฏ-กติกา
ถุยส์!สง่าหมาไม่แดรกแหกปากคุย

ต้องที่มาสง่างามตามเสต็ป(step)
สยามเห็บเกาะหมาขี้เรื้อนยุ่ย
ผู้นำห่วยหลงคอกหลอกฝูงทุย
คิดชั่วชุ่ยอำนาจปืนจะยืนยง

โขมยยึดเสนอหน้าเป็นนายก
นั่งทับขี้สกปรกนรกส่ง
เหม็นทั้งตัวชั่วเน่าถึงเผ่าพงศ์
อำนาจหลงจมสำลักปลักขี้ควาย

Ngaesai 25/8/1

วัฒนา ไม่เห็นด้วย กับการใช้ม.44 พักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.

วันนี้ (26 ส.ค.) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนาตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความเห็นทางการเมืองระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจของพล.อ.ประยุทะ์ จันทร์ดอชา นายกรัฐมนตรี ในการใช้ม.44 พักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. โดยระบุว่า "พอเถอะ มาตรา 44"ผมไม่เห็นด้วยกับการที่หัวหน้า คสช. ออกคำสั่งที่ 50/2559 ระงับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ถึงแม้บุคคลทั้งสองจะมีข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดแต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวขัดต่อหลักนิติธรรม กล่าวคือ (1) กระบวนการได้มาซึ่งอำนาจไม่ชอบ เพราะได้มาจากการยึดอำนาจ (2) ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจ อีกทั้งผู้ใช้อำนาจไม่ต้องรับผิดชอบเพราะมีมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญนิรโทษกรรมล่วงหน้าไว้จึงไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกใช้อำนาจ (3) ไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะการที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้ว อำนาจทั้งหลายที่มาจากเผด็จการสมควรจะถูกยกเลิกทั้งหมด (4) ประเทศไทยมีกฎหมายที่ใช้บังคับกับกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว จึงควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนยุติธรรมปกติ การใช้อำนาจพิเศษที่นอกจากจะขัดต่อหลักนิติธรรมแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานที่ผิดให้กับรัฐบาลหน้าที่ไม่มีอำนาจดังกล่าว หากเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีข้อบกพร่องก็ควรแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ใช้บังคับอย่างเสมอภาคการใช้อำนาจจะต้องอยู่บนหลักนิติธรรม จึงจะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายรวมทั้งฝ่ายที่ถูกลงโทษตามกฎหมายนั้นด้วย หาไม่แล้วการลงโทษดังกล่าวจะไม่สร้างการยอมรับเพราะขาดหัวใจสำคัญคือ ความชอบธรรม (legitimacy) และหลักนิติธรรม (rule of law) ถึงแม้บุคคลทั้งสองจะเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของผมและพรรคเพื่อไทย แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจพิเศษดังกล่าว ผมจึงขอประณามและขอเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้อำนาจที่ขัดต่อหลักนิติธรรม ได้แก่ บรรดาประกาศหรือคำสั่งของ คสช. การใช้อำนาจตามมาตรา 44 และการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร ขอให้ปฏิบัติกับทุกฝ่ายให้เป็นไปตามกระบวนยุติธรรมปกติบนพื้นฐานของหลักนิติธรรมข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด แต่สิทธิของท่านในอันที่จะพูดนั้น ข้าพเจ้าขอปกป้องไว้ด้วยชีวิต (I disapprove of what you say, but I will defend to the death your right to say it) / Evelyn Beatrice Hall/ "The Friends of Voltaire" (1906)

วัฒนา ไม่เห็นด้วย กับการใช้ม.44 พักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.

วันนี้ (26 ส.ค.) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนาตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แสดงความเห็นทางการเมืองระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจของพล.อ.ประยุทะ์ จันทร์ดอชา นายกรัฐมนตรี ในการใช้ม.44 พักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. โดยระบุว่า "พอเถอะ มาตรา 44"ผมไม่เห็นด้วยกับการที่หัวหน้า คสช. ออกคำสั่งที่ 50/2559 ระงับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ถึงแม้บุคคลทั้งสองจะมีข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดแต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวขัดต่อหลักนิติธรรม กล่าวคือ (1) กระบวนการได้มาซึ่งอำนาจไม่ชอบ เพราะได้มาจากการยึดอำนาจ (2) ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจ อีกทั้งผู้ใช้อำนาจไม่ต้องรับผิดชอบเพราะมีมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญนิรโทษกรรมล่วงหน้าไว้จึงไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกใช้อำนาจ (3) ไม่เป็นประชาธิปไตยเพราะการที่ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติแล้ว อำนาจทั้งหลายที่มาจากเผด็จการสมควรจะถูกยกเลิกทั้งหมด (4) ประเทศไทยมีกฎหมายที่ใช้บังคับกับกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว จึงควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนยุติธรรมปกติ การใช้อำนาจพิเศษที่นอกจากจะขัดต่อหลักนิติธรรมแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานที่ผิดให้กับรัฐบาลหน้าที่ไม่มีอำนาจดังกล่าว หากเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีข้อบกพร่องก็ควรแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ใช้บังคับอย่างเสมอภาคการใช้อำนาจจะต้องอยู่บนหลักนิติธรรม จึงจะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายรวมทั้งฝ่ายที่ถูกลงโทษตามกฎหมายนั้นด้วย หาไม่แล้วการลงโทษดังกล่าวจะไม่สร้างการยอมรับเพราะขาดหัวใจสำคัญคือ ความชอบธรรม (legitimacy) และหลักนิติธรรม (rule of law) ถึงแม้บุคคลทั้งสองจะเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของผมและพรรคเพื่อไทย แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจพิเศษดังกล่าว ผมจึงขอประณามและขอเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้อำนาจที่ขัดต่อหลักนิติธรรม ได้แก่ บรรดาประกาศหรือคำสั่งของ คสช. การใช้อำนาจตามมาตรา 44 และการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหาร ขอให้ปฏิบัติกับทุกฝ่ายให้เป็นไปตามกระบวนยุติธรรมปกติบนพื้นฐานของหลักนิติธรรมข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูด แต่สิทธิของท่านในอันที่จะพูดนั้น ข้าพเจ้าขอปกป้องไว้ด้วยชีวิต (I disapprove of what you say, but I will defend to the death your right to say it) / Evelyn Beatrice Hall/ "The Friends of Voltaire" (1906)

กระทรวงต่างประเทศ ของรัฐบาลโจร ได้ชี้แจงต่อโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อย่างไร?

ตามที่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 นาง Ravina Shamdasaniโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกข่าวสารนิเทศเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย นั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจง ดังนี้



ข่าวสารนิเทศ : ความเห็นต่อข่าวสารนิเทศของโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย

ตามที่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 นาง Ravina Shamdasaniโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกข่าวสารนิเทศเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย นั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจง ดังนี้

 

1. ประเทศไทยให้ความสาคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเคารพสิทธิมนุษยชนตามหลักปฏิบัติสากล โดยเชื่อว่าสิทธิดังกล่าวเป็นรากฐานของสังคมประชาธิปไตย อย่างไรก็ดี  รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและการป้องกันความแตกแยกในสังคมเฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการปฏิรูปเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีภายในชาติ และนำสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและยั่งยืน 

 

2. เกี่ยวกับการพิจารณาคดีโดยศาลทหาร นั้น ผู้ต้องหาที่ถูกพิจารณาคดีภายใต้ศาลทหารจะได้รับการประกันสิทธิไม่แตกต่างจากการพิจารณาคดีภายใต้ศาลพลเรือน และตามที่ระบุในประมวลวิธีพิจารณาความอาญา เช่น สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างเที่ยงธรรมและเปิดเผย สิทธิในการได้รับคำปรึกษาด้านกฎหมายและว่าความโดยทนาย สิทธิในการประกันตัว นอกจากนี้ กระบวนการยุติธรรมภายใต้ศาลทหารมีความโปร่งใส ดังจะเห็นได้จากการที่ ญาติผู้ต้องหา ภาคประชาสังคม กลุ่มพิทักษ์สิทธิ และผู้แทนคณะทูตสามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้

 

3. การออกเสียงประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เป็นไปอย่างโปร่งใสและบริสุทธิ์ยุติธรรมตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติของอารยประเทศ และสอดคล้องกับขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมผ่านการรับฟังความคิดเห็นและการจัดสัมมนาและอภิปรายอย่างต่อเนื่อง อาทิ การอภิปรายทางโทรทัศน์ การจัดเสวนาในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ  นอกจากนั้น ในช่วงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญก่อนการออกเสียงประชามติ ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย ดังเห็นได้จากการที่นักการเมืองที่มีชื่อเสียง นักวิชาการจาก 43 องค์กร และสื่อมวลชนแนวหน้าต่าง ๆ สามารถวิจารณ์และแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างเปิดเผย แต่สำหรับผู้ที่ตั้งใจฝ่าฝืนกฎหมายและก่อความไม่สงบก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม

 

4. รัฐบาลมีความมุ่งมั่นว่าการนำพาประเทศกลับสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือนจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีความยั่งยืน โดยยึดมั่นดำเนินการตาม Roadmap ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งในปี 2560 ทั้งนี้   การที่เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในการออกเสียงประชามติ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 สะท้อนถึงการยอมรับ Roadmap ของรัฐบาลด้วย โดยแม้แต่ผู้ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญก็ได้ยอมรับผลการออกเสียงประชามติในเวลาต่อมา ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเคารพการตัดสินใจของประชาชนชาวไทย เหมือนดังเช่นที่ควรเคารพเสียงของประชาชนในประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประเทศไทยในการวางรากฐานของประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและความปรองดองสมานฉันท์ในสังคมต่อไป


19 ส.ค. 2559 22:11:09 / อัพเดต : 19 ส.ค. 2559 22:27:26 / เรียกดู 644 ครั้ง

กระทรวงต่างประเทศ ของรัฐบาลโจร ได้ชี้แจงต่อโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ อย่างไร?

ตามที่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 นาง Ravina Shamdasaniโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกข่าวสารนิเทศเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย นั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจง ดังนี้



ข่าวสารนิเทศ : ความเห็นต่อข่าวสารนิเทศของโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย

ตามที่เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 นาง Ravina Shamdasaniโฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ออกข่าวสารนิเทศเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย นั้น กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจง ดังนี้

 

1. ประเทศไทยให้ความสาคัญกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเคารพสิทธิมนุษยชนตามหลักปฏิบัติสากล โดยเชื่อว่าสิทธิดังกล่าวเป็นรากฐานของสังคมประชาธิปไตย อย่างไรก็ดี  รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินมาตรการเพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและการป้องกันความแตกแยกในสังคมเฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการปฏิรูปเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีภายในชาติ และนำสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและยั่งยืน 

 

2. เกี่ยวกับการพิจารณาคดีโดยศาลทหาร นั้น ผู้ต้องหาที่ถูกพิจารณาคดีภายใต้ศาลทหารจะได้รับการประกันสิทธิไม่แตกต่างจากการพิจารณาคดีภายใต้ศาลพลเรือน และตามที่ระบุในประมวลวิธีพิจารณาความอาญา เช่น สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างเที่ยงธรรมและเปิดเผย สิทธิในการได้รับคำปรึกษาด้านกฎหมายและว่าความโดยทนาย สิทธิในการประกันตัว นอกจากนี้ กระบวนการยุติธรรมภายใต้ศาลทหารมีความโปร่งใส ดังจะเห็นได้จากการที่ ญาติผู้ต้องหา ภาคประชาสังคม กลุ่มพิทักษ์สิทธิ และผู้แทนคณะทูตสามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้

 

3. การออกเสียงประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เป็นไปอย่างโปร่งใสและบริสุทธิ์ยุติธรรมตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติของอารยประเทศ และสอดคล้องกับขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมผ่านการรับฟังความคิดเห็นและการจัดสัมมนาและอภิปรายอย่างต่อเนื่อง อาทิ การอภิปรายทางโทรทัศน์ การจัดเสวนาในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ  นอกจากนั้น ในช่วงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญก่อนการออกเสียงประชามติ ประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย ดังเห็นได้จากการที่นักการเมืองที่มีชื่อเสียง นักวิชาการจาก 43 องค์กร และสื่อมวลชนแนวหน้าต่าง ๆ สามารถวิจารณ์และแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างเปิดเผย แต่สำหรับผู้ที่ตั้งใจฝ่าฝืนกฎหมายและก่อความไม่สงบก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม

 

4. รัฐบาลมีความมุ่งมั่นว่าการนำพาประเทศกลับสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือนจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีความยั่งยืน โดยยึดมั่นดำเนินการตาม Roadmap ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งในปี 2560 ทั้งนี้   การที่เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในการออกเสียงประชามติ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 สะท้อนถึงการยอมรับ Roadmap ของรัฐบาลด้วย โดยแม้แต่ผู้ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญก็ได้ยอมรับผลการออกเสียงประชามติในเวลาต่อมา ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเคารพการตัดสินใจของประชาชนชาวไทย เหมือนดังเช่นที่ควรเคารพเสียงของประชาชนในประเทศอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประเทศไทยในการวางรากฐานของประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและความปรองดองสมานฉันท์ในสังคมต่อไป


19 ส.ค. 2559 22:11:09 / อัพเดต : 19 ส.ค. 2559 22:27:26 / เรียกดู 644 ครั้ง

ประวิทย์ พ่ายเปรมและสุรยุทธ์... ยอมงอ ไม่ยอมหัก!!! ส่งคนของอำมาตย์เฒ่าขึ้นแท่น ผบ.ทบ.

นายกฯทูลเกล้าโผตั้งนายทหาร 'บิ๊กเจี๊ยบ'ผบ.ทบ.-'บิ๊กแดง'ทัพ1




เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 พร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 

ทั้งนี้ผู้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. 
ส่วน พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) เสนาธิการทหารบก ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. 
พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) แม่ทัพภาคที่ 1 
และ พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.)
ขณะที่ พล.ท.สสิน ทองภักดี รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก พล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 

สำหรับกองทัพภาคที่ 1 เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.20) ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 อัตราพลโทผู้สื่อข่าวรายงานว่า 

สำหรับสาเหตุที่ พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จนได้ข้อสรุปว่า จำเป็นต้องคืนความชอบธรรมให้กับกองทัพโดยเฉพาะความเป็นเอกภาพ ไม่จำเป็นต้องสนับสนุนนายทหารที่เติบโตจากบูรพาพยัคฆ์เสมอไป เพราะต้องการให้นายทหารที่เติบโตจากสายงานของตนเองมีโอกาสที่ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เพราะมิฉะนั้นจะทำให้เสียกำลังใจทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจากในฐานะดูแลความมั่นคง สามารถสั่งการโดยตรงกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องหาคนที่มาจากบูรพาพยัคฆ์หรือลูกน้องเก่า จึงเชื่อว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของนายกฯ เป็นไปอย่างมีคุณธรรม สร้างความศรัทธาและเชื่อมั่นให้แก่กำลังพลในการปฏิบัติงาน ให้กับทางรัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้นายกฯตัดสินใจเลือก พล.อ.เฉลิมชัย เชื่อว่ามีความเหมาะสมในการควบคุมดูแลสถานการณ์ได้ส่วนตำแหน่งที่น่าสนใจปรากฏว่ากระทรวงกลาโหม "บิ๊กช้าง" พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.16) ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นไปตามคาด "บิ๊กปุย" พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต เสนาธิการทหาร (ตท.15) ขึ้นเป็น ผบ.สส. โดยมี พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ตท.16) เป็นรอง ผบ.สส., "บิ๊กต๊อก" พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร (ตท.17) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณ 2 ตำแหน่งคือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ (รอง ผบ.ทร.) และเสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) คาดว่า พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รอง เสธ.ทร. (ตท.17) เป็น เสธ.ทร. และขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.17) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณ รวมถึงขยับ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) ไปเป็นรอง ผบ.สส. และให้ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร.แทน ส่วน พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการแทนด้านกองทัพอากาศ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.)(ตท.16) เป็น ผบ.ทอ. โดยมีอายุราชการ 2 ปี เพื่อจะได้วางยุทธศาสตร์การทำงานได้ต่อเนื่อง สำหรับ พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ตท.17) เป็นเสนาธิการทหารอากาศ โดย พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ (ตท.18) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ.

ประวิทย์ พ่ายเปรมและสุรยุทธ์... ยอมงอ ไม่ยอมหัก!!! ส่งคนของอำมาตย์เฒ่าขึ้นแท่น ผบ.ทบ.

นายกฯทูลเกล้าโผตั้งนายทหาร 'บิ๊กเจี๊ยบ'ผบ.ทบ.-'บิ๊กแดง'ทัพ1




เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 พร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 

ทั้งนี้ผู้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. 
ส่วน พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) เสนาธิการทหารบก ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. 
พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) แม่ทัพภาคที่ 1 
และ พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.)
ขณะที่ พล.ท.สสิน ทองภักดี รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก พล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 

สำหรับกองทัพภาคที่ 1 เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.20) ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 อัตราพลโทผู้สื่อข่าวรายงานว่า 

สำหรับสาเหตุที่ พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จนได้ข้อสรุปว่า จำเป็นต้องคืนความชอบธรรมให้กับกองทัพโดยเฉพาะความเป็นเอกภาพ ไม่จำเป็นต้องสนับสนุนนายทหารที่เติบโตจากบูรพาพยัคฆ์เสมอไป เพราะต้องการให้นายทหารที่เติบโตจากสายงานของตนเองมีโอกาสที่ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เพราะมิฉะนั้นจะทำให้เสียกำลังใจทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจากในฐานะดูแลความมั่นคง สามารถสั่งการโดยตรงกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องหาคนที่มาจากบูรพาพยัคฆ์หรือลูกน้องเก่า จึงเชื่อว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของนายกฯ เป็นไปอย่างมีคุณธรรม สร้างความศรัทธาและเชื่อมั่นให้แก่กำลังพลในการปฏิบัติงาน ให้กับทางรัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้นายกฯตัดสินใจเลือก พล.อ.เฉลิมชัย เชื่อว่ามีความเหมาะสมในการควบคุมดูแลสถานการณ์ได้ส่วนตำแหน่งที่น่าสนใจปรากฏว่ากระทรวงกลาโหม "บิ๊กช้าง" พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.16) ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นไปตามคาด "บิ๊กปุย" พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต เสนาธิการทหาร (ตท.15) ขึ้นเป็น ผบ.สส. โดยมี พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ตท.16) เป็นรอง ผบ.สส., "บิ๊กต๊อก" พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร (ตท.17) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณ 2 ตำแหน่งคือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ (รอง ผบ.ทร.) และเสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) คาดว่า พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รอง เสธ.ทร. (ตท.17) เป็น เสธ.ทร. และขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.17) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณ รวมถึงขยับ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) ไปเป็นรอง ผบ.สส. และให้ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร.แทน ส่วน พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการแทนด้านกองทัพอากาศ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.)(ตท.16) เป็น ผบ.ทอ. โดยมีอายุราชการ 2 ปี เพื่อจะได้วางยุทธศาสตร์การทำงานได้ต่อเนื่อง สำหรับ พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ตท.17) เป็นเสนาธิการทหารอากาศ โดย พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ (ตท.18) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ.

ประวิทย์ พ่ายเปรมและสุรยุทธ์... ยอมงอ ไม่ยอมหัก!!! ส่งคนของอำมาตย์เฒ่าขึ้นแท่น ผบ.ทบ.

นายกฯทูลเกล้าโผตั้งนายทหาร 'บิ๊กเจี๊ยบ'ผบ.ทบ.-'บิ๊กแดง'ทัพ1




เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2559 พร้อมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 

ทั้งนี้ผู้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ผู้ช่วย ผบ.ทบ. 
ส่วน พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร (ตท.17) เสนาธิการทหารบก ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ทบ. 
พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) แม่ทัพภาคที่ 1 
และ พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.)
ขณะที่ พล.ท.สสิน ทองภักดี รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก พล.ท.บรรเจิด ฉางปูนทอง แม่ทัพน้อยที่ 3 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 

สำหรับกองทัพภาคที่ 1 เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.20) ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 อัตราพลโทผู้สื่อข่าวรายงานว่า 

สำหรับสาเหตุที่ พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้หารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จนได้ข้อสรุปว่า จำเป็นต้องคืนความชอบธรรมให้กับกองทัพโดยเฉพาะความเป็นเอกภาพ ไม่จำเป็นต้องสนับสนุนนายทหารที่เติบโตจากบูรพาพยัคฆ์เสมอไป เพราะต้องการให้นายทหารที่เติบโตจากสายงานของตนเองมีโอกาสที่ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เพราะมิฉะนั้นจะทำให้เสียกำลังใจทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจากในฐานะดูแลความมั่นคง สามารถสั่งการโดยตรงกับผู้ใต้บังคับบัญชาได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องหาคนที่มาจากบูรพาพยัคฆ์หรือลูกน้องเก่า จึงเชื่อว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของนายกฯ เป็นไปอย่างมีคุณธรรม สร้างความศรัทธาและเชื่อมั่นให้แก่กำลังพลในการปฏิบัติงาน ให้กับทางรัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้นายกฯตัดสินใจเลือก พล.อ.เฉลิมชัย เชื่อว่ามีความเหมาะสมในการควบคุมดูแลสถานการณ์ได้ส่วนตำแหน่งที่น่าสนใจปรากฏว่ากระทรวงกลาโหม "บิ๊กช้าง" พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.16) ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นไปตามคาด "บิ๊กปุย" พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต เสนาธิการทหาร (ตท.15) ขึ้นเป็น ผบ.สส. โดยมี พล.อ.หัสพงศ์ ยุวนวรรธนะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ตท.16) เป็นรอง ผบ.สส., "บิ๊กต๊อก" พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร (ตท.17) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารขณะที่กองทัพเรือจะมีเกษียณ 2 ตำแหน่งคือ รองผู้บัญชาการทหารเรือ (รอง ผบ.ทร.) และเสนาธิการทหารเรือ (เสธ.ทร.) คาดว่า พล.ร.ท.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย รอง เสธ.ทร. (ตท.17) เป็น เสธ.ทร. และขยับ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.17) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม แทน พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี ที่จะเกษียณ รวมถึงขยับ พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม ผู้ช่วย ผบ.ทร. (ตท.16) ไปเป็นรอง ผบ.สส. และให้ พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร.แทน ส่วน พล.ร.ท.สุชีพ หวังไมตรี รอง เสธ.ทร. (ตท.17) มาเป็นผู้บัญชาการกองเรือยุทธการแทนด้านกองทัพอากาศ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ (เสธ.ทอ.)(ตท.16) เป็น ผบ.ทอ. โดยมีอายุราชการ 2 ปี เพื่อจะได้วางยุทธศาสตร์การทำงานได้ต่อเนื่อง สำหรับ พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (ตท.17) เป็นเสนาธิการทหารอากาศ โดย พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ (ตท.18) มาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทอ.

สายสัมพันธ์พระเทพ กับจีน ยิ่งใกล้เปลี่ยนรัชกาล ยิ่งกระชับ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

          เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบุคคลสำคัญเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท อาทิ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน นายอภิชาติ ชินวรรโณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และนายพิริยะ เข็มพล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้ง ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและจีน

          จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์สือเจียหูท่ง (Shijia Hutong Museum) และพิพิธภัณฑ์การละครคณะละครประชาชนกรุงปักกิ่ง (Beijing People's Art Theater) ต่อมา เวลา ๑๗.๐๕ น. ประทับเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี ๖๑๕ เสด็จพระราชดำเนินนิวัติกรุงเทพมหานคร

          สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีและความเข้าใจอันดีในทุกด้านระหว่างไทยกับจีนมาโดยตลอด นับตั้งแต่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนเป็นครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ พระราชกรณียกิจของพระองค์เป็นที่ชื่นชมและโสมนัสแก่พสกนิกรทั้งชาวไทยและจีน ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ นี้ เป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ

          นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายธีรกุลฯ ได้เป็นประธานฝ่ายฆราวาสพิธีทำบุญอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ โดยนิมนต์คณะสงฆ์จำนวน ๙ รูปจากไทยนำโดยพระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) หรือเจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ประกอบพิธีสงฆ์และประพรมน้ำมนต์ผู้มาร่วมพิธีและอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ ทั่วทั้งอาคารเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการรผู้ปฏิบัติงาน จากนั้น เวลา ๑๔.๐๐ น. มหาราชครูพิธีวิสุทธิคุณ พระราชครูวามเทพมุณี พราหมณ์ราชสำนักและประธานพระครูพราหมณ์ ได้ประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพยดาอารักษ์เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล ความสำเร็จลุล่วงของงานและผู้ปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้อง

          อนึ่ง อาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ มีเนื้อที่ ๒ ไร่ ๓ งาน ๘๒.๒๕ ตารางวา เป็นอาคาร ๕ ชั้น ประกอบด้วย สถานที่ทำการ ๓ ชั้น และที่จอดรถใต้ดิน ๒ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๙,๙๖๙ ตารางเมตร เป็นที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูต และส่วนราชการไทยในกรุงปักกิ่ง ได้แก่ สำนักงานผู้ช่วยทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชนไทยในประเทศจีน รวมถึงชาวจีน สามารถติดต่อประสานงานหน่วยงานราชการของไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น 

23 ส.ค. 2559 ภาพข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ





สายสัมพันธ์พระเทพ กับจีน ยิ่งใกล้เปลี่ยนรัชกาล ยิ่งกระชับ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

          เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบุคคลสำคัญเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท อาทิ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน นายอภิชาติ ชินวรรโณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และนายพิริยะ เข็มพล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้ง ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและจีน

          จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์สือเจียหูท่ง (Shijia Hutong Museum) และพิพิธภัณฑ์การละครคณะละครประชาชนกรุงปักกิ่ง (Beijing People's Art Theater) ต่อมา เวลา ๑๗.๐๕ น. ประทับเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี ๖๑๕ เสด็จพระราชดำเนินนิวัติกรุงเทพมหานคร

          สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีและความเข้าใจอันดีในทุกด้านระหว่างไทยกับจีนมาโดยตลอด นับตั้งแต่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนเป็นครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ พระราชกรณียกิจของพระองค์เป็นที่ชื่นชมและโสมนัสแก่พสกนิกรทั้งชาวไทยและจีน ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ นี้ เป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ

          นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายธีรกุลฯ ได้เป็นประธานฝ่ายฆราวาสพิธีทำบุญอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ โดยนิมนต์คณะสงฆ์จำนวน ๙ รูปจากไทยนำโดยพระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) หรือเจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ประกอบพิธีสงฆ์และประพรมน้ำมนต์ผู้มาร่วมพิธีและอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ ทั่วทั้งอาคารเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการรผู้ปฏิบัติงาน จากนั้น เวลา ๑๔.๐๐ น. มหาราชครูพิธีวิสุทธิคุณ พระราชครูวามเทพมุณี พราหมณ์ราชสำนักและประธานพระครูพราหมณ์ ได้ประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพยดาอารักษ์เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล ความสำเร็จลุล่วงของงานและผู้ปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้อง

          อนึ่ง อาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ มีเนื้อที่ ๒ ไร่ ๓ งาน ๘๒.๒๕ ตารางวา เป็นอาคาร ๕ ชั้น ประกอบด้วย สถานที่ทำการ ๓ ชั้น และที่จอดรถใต้ดิน ๒ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๙,๙๖๙ ตารางเมตร เป็นที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูต และส่วนราชการไทยในกรุงปักกิ่ง ได้แก่ สำนักงานผู้ช่วยทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชนไทยในประเทศจีน รวมถึงชาวจีน สามารถติดต่อประสานงานหน่วยงานราชการของไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น 

23 ส.ค. 2559 ภาพข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ





สายสัมพันธ์พระเทพ กับจีน ยิ่งใกล้เปลี่ยนรัชกาล ยิ่งกระชับ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน

          เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการใหม่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีบุคคลสำคัญเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท อาทิ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน นายอภิชาติ ชินวรรโณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และนายพิริยะ เข็มพล รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้ง ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและจีน

          จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์สือเจียหูท่ง (Shijia Hutong Museum) และพิพิธภัณฑ์การละครคณะละครประชาชนกรุงปักกิ่ง (Beijing People's Art Theater) ต่อมา เวลา ๑๗.๐๕ น. ประทับเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี ๖๑๕ เสด็จพระราชดำเนินนิวัติกรุงเทพมหานคร

          สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างสัมพันธไมตรีและความเข้าใจอันดีในทุกด้านระหว่างไทยกับจีนมาโดยตลอด นับตั้งแต่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนเป็นครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ พระราชกรณียกิจของพระองค์เป็นที่ชื่นชมและโสมนัสแก่พสกนิกรทั้งชาวไทยและจีน ซึ่งการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานพิธีเปิดอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ นี้ เป็นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ

          นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายธีรกุลฯ ได้เป็นประธานฝ่ายฆราวาสพิธีทำบุญอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ โดยนิมนต์คณะสงฆ์จำนวน ๙ รูปจากไทยนำโดยพระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) หรือเจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ประกอบพิธีสงฆ์และประพรมน้ำมนต์ผู้มาร่วมพิธีและอาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ ทั่วทั้งอาคารเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ข้าราชการรผู้ปฏิบัติงาน จากนั้น เวลา ๑๔.๐๐ น. มหาราชครูพิธีวิสุทธิคุณ พระราชครูวามเทพมุณี พราหมณ์ราชสำนักและประธานพระครูพราหมณ์ ได้ประกอบพิธีพราหมณ์บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพยดาอารักษ์เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล ความสำเร็จลุล่วงของงานและผู้ปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้อง

          อนึ่ง อาคารที่ทำการแห่งใหม่ฯ มีเนื้อที่ ๒ ไร่ ๓ งาน ๘๒.๒๕ ตารางวา เป็นอาคาร ๕ ชั้น ประกอบด้วย สถานที่ทำการ ๓ ชั้น และที่จอดรถใต้ดิน ๒ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๙,๙๖๙ ตารางเมตร เป็นที่ทำการของสถานเอกอัครราชทูต และส่วนราชการไทยในกรุงปักกิ่ง ได้แก่ สำนักงานผู้ช่วยทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายพาณิชย์ สำนักงานที่ปรึกษาฝ่ายเกษตร สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งจะช่วยทำให้ประชาชนไทยในประเทศจีน รวมถึงชาวจีน สามารถติดต่อประสานงานหน่วยงานราชการของไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น 

23 ส.ค. 2559 ภาพข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศ