Friday, February 12, 2016

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 13 การหวนคืนของจักรี 2489 – 2492 นำเสนอโดย ดร. เพียงดิน รักไทย

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 13 การหวนคืนของจักรี 2489 – 2492 นำเสนอโดย ดร. เพียงดิน รักไทย
หรือ
หรือ

รับฟังทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่ 1 https://www.youtube.com/watch?v=QhU64ImjBas&list=PLzCTs6mdBmhBWPuPawpNY2XYIdW90JJHM
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt



กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 13 การหวนคืนของจักรี 2489 – 2492 นำเสนอโดย ดร. เพียงดิน รักไทย

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 13 การหวนคืนของจักรี 2489 – 2492 นำเสนอโดย ดร. เพียงดิน รักไทย
หรือ
หรือ

รับฟังทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่ 1 https://www.youtube.com/watch?v=QhU64ImjBas&list=PLzCTs6mdBmhBWPuPawpNY2XYIdW90JJHM
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt



ฆ่าตัวตายทำไม! ตร.แถลง พ.ต.ท.ผูกคอ กำลังจะขึ้น พ.ต.อ. -

ฆ่าตัวตายทำไม! ตร.แถลง พ.ต.ท.ผูกคอ กำลังจะขึ้น พ.ต.อ. - 


โฆษก ตร.แถลง พ.ต.ท.พนักงานสอบสวน สภ.เทียนทะเล กำลังจะได้เลื่อนเป็น พ.ต.อ.ในสัปดาห์หน้า แต่ทำไมไปผูกคอตาย เร่งสอบข้อเท็จจริง ชี้ตำรวจหลายนายยังเข้าใจคำสั่ง หน.คสช.ที่ 7/2559 คลาดเคลื่อน แท้จริงแล้วผู้บังคับบัญชามีเจตนาดี...   

ภายหลังการเสียชีวิตของ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สน.เทียนทะเล พบศพภายในบ้านพักเลขที่ 631 หมู่บ้านพระปิ่น 5 ซอยเอกชัย 109 แขวงบางบอน เขตบางบอน กทม. โดยผูกคอตายกับประตูเหล็กในลักษณะท่ายืนบริเวณหลังบ้าน เหตุเกิดช่วงช่วงเช้าวันที่ 12 ก.พ.59 เบื้องต้นคาดว่า เป็นการฆ่าตัวตาย

ทั้งนี้ ผู้ตายเป็นเลขาธิการสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ และเคยไปยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทบทวนการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 6/2559 และ 7/2559 เกี่ยวกับการยุบเลิกตำแหน่ง และเงินประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 12 ก.พ. ทีมงานโฆษก ตร. โดย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ได้แถลงว่า คำสั่ง คสช.ที่ 7/2559 ได้ปรับเปลี่ยนให้ พนักงานสอบสวนเป็นหน่วยงานหลัก สร้างการเติบโตในสายงาน ตำรวจที่คัดค้านหลายนายเข้าใจคลาดเคลื่อน ขณะที่ พ.ต.ท.จันทร์ ที่ผูกคอตาย เชื่อมีสภาวะกดดัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะ พ.ต.ท.จันทร์ กำลังจะได้รับปรับตำแหน่งเป็น พ.ต.อ. ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกันนี้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการทำงานของพนักงานสอบสวน เป็นการทำงานที่หนักให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด จึงจำเป็นต้องปรับให้เป็นตำแหน่งหลักในหน่วย ในแต่ละสถานี ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้บังคับบัญชามีเจตนาดี และเมื่อคำสั่ง คสช.มีผลบังคับใช้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงต้องทำความเข้าใจกับพนักงานสอบสวน ที่ยังไม่เข้าใจเจตนาของคำสั่งดังกล่าว.

        ทอาสาหาข่าว
            12/2/59

ฆ่าตัวตายทำไม! ตร.แถลง พ.ต.ท.ผูกคอ กำลังจะขึ้น พ.ต.อ. -

ฆ่าตัวตายทำไม! ตร.แถลง พ.ต.ท.ผูกคอ กำลังจะขึ้น พ.ต.อ. - 


โฆษก ตร.แถลง พ.ต.ท.พนักงานสอบสวน สภ.เทียนทะเล กำลังจะได้เลื่อนเป็น พ.ต.อ.ในสัปดาห์หน้า แต่ทำไมไปผูกคอตาย เร่งสอบข้อเท็จจริง ชี้ตำรวจหลายนายยังเข้าใจคำสั่ง หน.คสช.ที่ 7/2559 คลาดเคลื่อน แท้จริงแล้วผู้บังคับบัญชามีเจตนาดี...   

ภายหลังการเสียชีวิตของ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สน.เทียนทะเล พบศพภายในบ้านพักเลขที่ 631 หมู่บ้านพระปิ่น 5 ซอยเอกชัย 109 แขวงบางบอน เขตบางบอน กทม. โดยผูกคอตายกับประตูเหล็กในลักษณะท่ายืนบริเวณหลังบ้าน เหตุเกิดช่วงช่วงเช้าวันที่ 12 ก.พ.59 เบื้องต้นคาดว่า เป็นการฆ่าตัวตาย

ทั้งนี้ ผู้ตายเป็นเลขาธิการสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ และเคยไปยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทบทวนการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 6/2559 และ 7/2559 เกี่ยวกับการยุบเลิกตำแหน่ง และเงินประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 12 ก.พ. ทีมงานโฆษก ตร. โดย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ได้แถลงว่า คำสั่ง คสช.ที่ 7/2559 ได้ปรับเปลี่ยนให้ พนักงานสอบสวนเป็นหน่วยงานหลัก สร้างการเติบโตในสายงาน ตำรวจที่คัดค้านหลายนายเข้าใจคลาดเคลื่อน ขณะที่ พ.ต.ท.จันทร์ ที่ผูกคอตาย เชื่อมีสภาวะกดดัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะ พ.ต.ท.จันทร์ กำลังจะได้รับปรับตำแหน่งเป็น พ.ต.อ. ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกันนี้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการทำงานของพนักงานสอบสวน เป็นการทำงานที่หนักให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด จึงจำเป็นต้องปรับให้เป็นตำแหน่งหลักในหน่วย ในแต่ละสถานี ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้บังคับบัญชามีเจตนาดี และเมื่อคำสั่ง คสช.มีผลบังคับใช้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงต้องทำความเข้าใจกับพนักงานสอบสวน ที่ยังไม่เข้าใจเจตนาของคำสั่งดังกล่าว.

        ทอาสาหาข่าว
            12/2/59

งานคอนเสิร์ต "เราคือเพื่อนกัน วันประชา’ซน" โดยกลุ่มประชาธิปไตยใหม่

ในวันงานคอนเสิร์ต "เราคือเพื่อนกัน วันประชา'ซน" จะมีการฉายภาพยนตร์เรื่อง "No" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงในประเทศชิลี ที่ประชาชนร่วมรณรงค์ออกเสียงประชามติเพื่อล้มเผด็จการทหาร

ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านสามารถเข้าชมได้ฟรี  โดยจะเริ่มฉายก่อนงานคอนเสิร์ต ในเวลา 13.00 น.

รับชมคลิปนี้ทาง Youtube ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=4zDU9KmFVu0&feature=youtu.be

งานคอนเสิร์ต "เราคือเพื่อนกัน วันประชา’ซน" โดยกลุ่มประชาธิปไตยใหม่

ในวันงานคอนเสิร์ต "เราคือเพื่อนกัน วันประชา'ซน" จะมีการฉายภาพยนตร์เรื่อง "No" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงในประเทศชิลี ที่ประชาชนร่วมรณรงค์ออกเสียงประชามติเพื่อล้มเผด็จการทหาร

ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านสามารถเข้าชมได้ฟรี  โดยจะเริ่มฉายก่อนงานคอนเสิร์ต ในเวลา 13.00 น.

รับชมคลิปนี้ทาง Youtube ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=4zDU9KmFVu0&feature=youtu.be

10 สาเหตุหลัก ที่ เผด็จการ คสช ระบอบภูมิพล จะถูกล้ม โดยเสรีไทย ชวนคิดชวนลุย

10 สาเหตุหลัก ที่ เผด็จการ คสช ระบอบภูมิพล จะถูกล้ม โดยเสรีไทย
ชวนคิดชวนลุย โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 10 มิ ย 57 (จากเบลเยี่ยม)
(พูดไว้ครึ่งเดือนหลังการล้มรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์และก่อนจะมีการประกาศตั้งองค์การเสรีไทยฯ​)



10 สาเหตุหลัก ที่ เผด็จการ คสช ระบอบภูมิพล จะถูกล้ม โดยเสรีไทย ชวนคิดชวนลุย

10 สาเหตุหลัก ที่ เผด็จการ คสช ระบอบภูมิพล จะถูกล้ม โดยเสรีไทย
ชวนคิดชวนลุย โดย ดร. เพียงดิน รักไทย 10 มิ ย 57 (จากเบลเยี่ยม)
(พูดไว้ครึ่งเดือนหลังการล้มรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์และก่อนจะมีการประกาศตั้งองค์การเสรีไทยฯ​)



Thursday, February 11, 2016

THAILAND: Rights defenders threatened for documenting army torture

FOR IMMEDIATE RELEASE
AHRC-STM-019-2016
12 February 2016

A Statement by the Asian Human Rights Commission

THAILAND: Rights defenders threatened for documenting army torture

On 11 February 2016 the Thai army threatened human rights defenders for documenting the military's continued use of torture on detainees in the country's south. Major General Banpot Poonpien, the spokesperson for a specialist counterinsurgency agency, the Internal Security Operations Command (ISOC), accused the human rights groups of fabricating accounts of torture to obtain funding from abroad. He also asked whether or not the groups had the mandate to investigate the work of state officers. He ended with the threat that they could be committing defamation by issuing a report referring to international law.

The army statement followed the release of a 49-page report by three local groups, the Cross Cultural Foundation, Duayjai and Patani Human Rights Organisation, documenting 54 cases of torture in the south of Thailand, 32 of them in 2014 and 2015 alone. The methods of torture documented include beatings, strangulation, mock execution, crushing of body parts (including the head), drowning, stress positions, electric shocks, sexual assault, extended confinement in extremely cold rooms or in the sun, and use of loud noises and other methods to disturb the detainee and prevent sleep. The torture was conducted inside major army camps and facilities in the south as well as at the emplacements of special force units throughout the region, including at the compounds of Buddhist temples where soldiers are situated.

Given the intense militarisation and intimidation of the populace in the south of Thailand, this number of cases is likely only a small fraction of the total number of torture cases in the south; to say nothing of Thailand as a whole. Documentation of torture and support for survivors in the south is especially difficult, and the work of these groups has been conducted in recent years with special caution and in accordance with international standards set down by the Istanbul Protocol. It also has been supported in part by the United Nations Voluntary Fund for Victims of Torture. In addition to documenting and advocating on the incidence of torture, presently the groups are aiming to raise funds for the establishment of centres to provide comprehensive support to survivors: something that the government of Thailand has manifestly failed to do.

The Asian Human Rights Commission (AHRC) congratulates and commends these groups for their work on this report and with survivors of torture in the south of Thailand. It denounces the response of ISOC to the report. The allegation that the groups might have fabricated the report's contents to attract funding is laughable. It would be funny but for the fact that the army in Thailand, which today has the dubious distinction of being the only country in Southeast Asia ruled outright by a military dictatorship, has the capacity to make good on outlandish threats of exactly this sort.

The most telling aspect of the army's response to the report is not the manner in which denials of wrongdoing were issued but rather Major General Banpot's rhetorical question of under what mandate—by what power and with what responsibility—the human rights groups scrutinized the work of state officers. This response reveals that the Thai army's mentality remains "nobody has a right to investigate us". It is indicative of the attitude that the army has and will continue to enjoy impunity for its crimes committed against civilians. This attitude is one of the motivations for the army to intervene repeatedly to impede, obstruct and destroy the prospects for democratization in Thailand. After all, it is a condition of democratization that military personnel must be subject to scrutiny and oversight by civilians. This condition is one that the Thai army cannot and will not tolerate, as shown clearly by the response of Major General Banpot to the human rights defenders' report, as well as by its continued use of torture with impunity as documented in the report.

The AHRC urges all concerned groups in Thailand and abroad to join in solidarity with these rights defenders and send a clear and loud message to the Thai army that its bullying tactics will not be tolerated. The threat by ISOC to the human rights defenders deserves the strongest condemnation from all concerned members of the international community, especially all United Nations procedures concerned with the elimination of torture. That the invocation of international law by human rights groups should by construed as constituting some kind of defamation against the Thai army is not only nonsense, it is dangerous nonsense. The whole premise of international law is that where domestic law is lacking or deficient, it serves precisely the role that the human rights defenders in Thailand have assigned to it. The implication of the army officer's statement is that the entire international legal regime lacks legitimacy in the eyes of the Thai military.

In this regard, it is notable that Thailand has already joined the UN Convention against Torture but has failed in its responsibility to translate the standards of international law into domestic equivalents, as required by the Convention. Thus, if Major General Banpot or his counterparts seek to criticize anyone in this regard, the Asian Human Rights Commission recommends that they turn their attention to the failures of their own government to fulfil its obligations under international standards to which it has voluntarily subscribed. They should cease laying the blame for the human rights abuses of the Thai military on those persons who do no more than document them, and seek to support the survivors of torture, arbitrary detention and other crimes under international law.

(The full text of the statement by ISOC is available here: https://voicefromthais.wordpress.com/2016/02/11/unofficial-translation-isoc-addressing-the-report-on-torture-and-other-cruel-inhuman-or-degrading-treatment-in-the-deep-south/)

(The full report on "Torture and Ill-Treatment in the Deep South" is available here: https://voicefromthais.wordpress.com/2016/02/10/press-release-launching-torture-report-pattani-full-report/)


# # #

The Asian Human Rights Commission (AHRC) works towards the radical rethinking and fundamental redesigning of justice institutions in order to protect and promote human rights in Asia. Established in 1984, the Hong Kong based organisation is a Laureate of the Right Livelihood Award, 2014.

Read this Statement online

 



Visit our website with more features at www.humanrights.asia.



You can make a difference. Please support our work and make a donation here
.

-----------------------------

Asian Human Rights Commission

G/F

52 Princess Margaret Road

Ho Man Tin, Kowloon

Hongkong S.A.R.

Tel: +(852) 2698-6339 Fax: +(852) 2698-6367

Web: www.humanrights.asia

twitter/youtube/facebook: humanrightsasia

THAILAND: Rights defenders threatened for documenting army torture

FOR IMMEDIATE RELEASE
AHRC-STM-019-2016
12 February 2016

A Statement by the Asian Human Rights Commission

THAILAND: Rights defenders threatened for documenting army torture

On 11 February 2016 the Thai army threatened human rights defenders for documenting the military's continued use of torture on detainees in the country's south. Major General Banpot Poonpien, the spokesperson for a specialist counterinsurgency agency, the Internal Security Operations Command (ISOC), accused the human rights groups of fabricating accounts of torture to obtain funding from abroad. He also asked whether or not the groups had the mandate to investigate the work of state officers. He ended with the threat that they could be committing defamation by issuing a report referring to international law.

The army statement followed the release of a 49-page report by three local groups, the Cross Cultural Foundation, Duayjai and Patani Human Rights Organisation, documenting 54 cases of torture in the south of Thailand, 32 of them in 2014 and 2015 alone. The methods of torture documented include beatings, strangulation, mock execution, crushing of body parts (including the head), drowning, stress positions, electric shocks, sexual assault, extended confinement in extremely cold rooms or in the sun, and use of loud noises and other methods to disturb the detainee and prevent sleep. The torture was conducted inside major army camps and facilities in the south as well as at the emplacements of special force units throughout the region, including at the compounds of Buddhist temples where soldiers are situated.

Given the intense militarisation and intimidation of the populace in the south of Thailand, this number of cases is likely only a small fraction of the total number of torture cases in the south; to say nothing of Thailand as a whole. Documentation of torture and support for survivors in the south is especially difficult, and the work of these groups has been conducted in recent years with special caution and in accordance with international standards set down by the Istanbul Protocol. It also has been supported in part by the United Nations Voluntary Fund for Victims of Torture. In addition to documenting and advocating on the incidence of torture, presently the groups are aiming to raise funds for the establishment of centres to provide comprehensive support to survivors: something that the government of Thailand has manifestly failed to do.

The Asian Human Rights Commission (AHRC) congratulates and commends these groups for their work on this report and with survivors of torture in the south of Thailand. It denounces the response of ISOC to the report. The allegation that the groups might have fabricated the report's contents to attract funding is laughable. It would be funny but for the fact that the army in Thailand, which today has the dubious distinction of being the only country in Southeast Asia ruled outright by a military dictatorship, has the capacity to make good on outlandish threats of exactly this sort.

The most telling aspect of the army's response to the report is not the manner in which denials of wrongdoing were issued but rather Major General Banpot's rhetorical question of under what mandate—by what power and with what responsibility—the human rights groups scrutinized the work of state officers. This response reveals that the Thai army's mentality remains "nobody has a right to investigate us". It is indicative of the attitude that the army has and will continue to enjoy impunity for its crimes committed against civilians. This attitude is one of the motivations for the army to intervene repeatedly to impede, obstruct and destroy the prospects for democratization in Thailand. After all, it is a condition of democratization that military personnel must be subject to scrutiny and oversight by civilians. This condition is one that the Thai army cannot and will not tolerate, as shown clearly by the response of Major General Banpot to the human rights defenders' report, as well as by its continued use of torture with impunity as documented in the report.

The AHRC urges all concerned groups in Thailand and abroad to join in solidarity with these rights defenders and send a clear and loud message to the Thai army that its bullying tactics will not be tolerated. The threat by ISOC to the human rights defenders deserves the strongest condemnation from all concerned members of the international community, especially all United Nations procedures concerned with the elimination of torture. That the invocation of international law by human rights groups should by construed as constituting some kind of defamation against the Thai army is not only nonsense, it is dangerous nonsense. The whole premise of international law is that where domestic law is lacking or deficient, it serves precisely the role that the human rights defenders in Thailand have assigned to it. The implication of the army officer's statement is that the entire international legal regime lacks legitimacy in the eyes of the Thai military.

In this regard, it is notable that Thailand has already joined the UN Convention against Torture but has failed in its responsibility to translate the standards of international law into domestic equivalents, as required by the Convention. Thus, if Major General Banpot or his counterparts seek to criticize anyone in this regard, the Asian Human Rights Commission recommends that they turn their attention to the failures of their own government to fulfil its obligations under international standards to which it has voluntarily subscribed. They should cease laying the blame for the human rights abuses of the Thai military on those persons who do no more than document them, and seek to support the survivors of torture, arbitrary detention and other crimes under international law.

(The full text of the statement by ISOC is available here: https://voicefromthais.wordpress.com/2016/02/11/unofficial-translation-isoc-addressing-the-report-on-torture-and-other-cruel-inhuman-or-degrading-treatment-in-the-deep-south/)

(The full report on "Torture and Ill-Treatment in the Deep South" is available here: https://voicefromthais.wordpress.com/2016/02/10/press-release-launching-torture-report-pattani-full-report/)


# # #

The Asian Human Rights Commission (AHRC) works towards the radical rethinking and fundamental redesigning of justice institutions in order to protect and promote human rights in Asia. Established in 1984, the Hong Kong based organisation is a Laureate of the Right Livelihood Award, 2014.

Read this Statement online

 



Visit our website with more features at www.humanrights.asia.



You can make a difference. Please support our work and make a donation here
.

-----------------------------

Asian Human Rights Commission

G/F

52 Princess Margaret Road

Ho Man Tin, Kowloon

Hongkong S.A.R.

Tel: +(852) 2698-6339 Fax: +(852) 2698-6367

Web: www.humanrights.asia

twitter/youtube/facebook: humanrightsasia

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 12 ปริศนาฆาตกรรม (ต่อ)

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 12 ปริศนาฆาตกรรม (ต่อ)

https://youtu.be/OnG3pn-Atzo

หรือ

https://youtu.be/AgsIPEn6S40

หรือ

https://youtu.be/m5iRf9JgiMo

----------------------

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 11 ปริศนาฆาตกรรม

https://youtu.be/0wO35sOCIKg   หรือ

https://youtu.be/o_O58oqiNh4

 

รับฟังย้อนหลังตั้งแต่ตอนที่ 1
https://www.youtube.com/watch?v=QhU64ImjBas&list=PLzCTs6mdBmhBWPuPawpNY2XYIdW90JJHM&index=1

หรือ http://tinyurl.com/hcdlghl

 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 12 ปริศนาฆาตกรรม (ต่อ)

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 12 ปริศนาฆาตกรรม (ต่อ)

https://youtu.be/OnG3pn-Atzo

หรือ

https://youtu.be/AgsIPEn6S40

หรือ

https://youtu.be/m5iRf9JgiMo

----------------------

กษัตริย์ไทยไม่เคยยิ้ม ตอน 11 ปริศนาฆาตกรรม

https://youtu.be/0wO35sOCIKg   หรือ

https://youtu.be/o_O58oqiNh4

 

รับฟังย้อนหลังตั้งแต่ตอนที่ 1
https://www.youtube.com/watch?v=QhU64ImjBas&list=PLzCTs6mdBmhBWPuPawpNY2XYIdW90JJHM&index=1

หรือ http://tinyurl.com/hcdlghl

 

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

Wednesday, February 10, 2016

ชะตากรรมของผู้ภักดี ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงถึงชะตากรรมของประชาชนทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลือง

ชะตากรรมของผู้ภักดี
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงถึงชะตากรรมของประชาชนทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลือง

ชะตากรรมของผู้ภักดี ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงถึงชะตากรรมของประชาชนทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลือง

ชะตากรรมของผู้ภักดี
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงถึงชะตากรรมของประชาชนทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลือง

ความเป็นมาของการที่สถาบันอื่นต้องสาบานตนแต่กษัตริย์ไทยกลับไม่ต้องสาบานตน

ทำไมกษัตริย์ไทยไม่สาบานตน
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องความเป็นมาของการที่สถาบันอื่นต้องสาบานตนแต่กษัตริย์ไทยกลับไม่ต้องสาบานตน

ความเป็นมาของการที่สถาบันอื่นต้องสาบานตนแต่กษัตริย์ไทยกลับไม่ต้องสาบานตน

ทำไมกษัตริย์ไทยไม่สาบานตน
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องความเป็นมาของการที่สถาบันอื่นต้องสาบานตนแต่กษัตริย์ไทยกลับไม่ต้องสาบานตน

ความเป็นมาของการที่สถาบันอื่นต้องสาบานตนแต่กษัตริย์ไทยกลับไม่ต้องสาบานตน

เนื่องจากช่องทางการอัพโหลดวิดีโอของเก่าโดนปิดไป
ดังนั้น แชลเเนลใหม่ของลุงสนามหลวง(sanamlaung555)

ได้ย้ายมาอัพโหลดในแชลเเนลนี้แล้ว(sanamloung1234)  
ฝากแชร์และกดติดตามกันด้วยครับ
ปล.คลิปเก่าๆกำลังทยอยอัพโหลเรื่อยๆ
------------------------------------

ประชาธิปไตยไม่ใช่มีแค่รัฐธรรมนูญ
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องจะเอาประชาธิปไตยหรือเอาแค่รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ทำไมกษัตริย์ไทยไม่สาบานตน
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องความเป็นมาของการที่สถาบันอื่นต้องสาบานตนแต่กษัตริย์ไทยกลับไม่ต้องสาบานตน

ความเป็นมาของการที่สถาบันอื่นต้องสาบานตนแต่กษัตริย์ไทยกลับไม่ต้องสาบานตน

เนื่องจากช่องทางการอัพโหลดวิดีโอของเก่าโดนปิดไป
ดังนั้น แชลเเนลใหม่ของลุงสนามหลวง(sanamlaung555)

ได้ย้ายมาอัพโหลดในแชลเเนลนี้แล้ว(sanamloung1234)  
ฝากแชร์และกดติดตามกันด้วยครับ
ปล.คลิปเก่าๆกำลังทยอยอัพโหลเรื่อยๆ
------------------------------------

ประชาธิปไตยไม่ใช่มีแค่รัฐธรรมนูญ
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องจะเอาประชาธิปไตยหรือเอาแค่รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ทำไมกษัตริย์ไทยไม่สาบานตน
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องความเป็นมาของการที่สถาบันอื่นต้องสาบานตนแต่กษัตริย์ไทยกลับไม่ต้องสาบานตน

Tuesday, February 9, 2016

ประชาธิปไตยไม่ใช่มีแค่รัฐธรรมนูญ ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องจะเอาประชาธิปไตยหรือเอาแค่รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยไม่ใช่มีแค่รัฐธรรมนูญ
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องจะเอาประชาธิปไตยหรือเอาแค่รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยไม่ใช่มีแค่รัฐธรรมนูญ ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องจะเอาประชาธิปไตยหรือเอาแค่รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยไม่ใช่มีแค่รัฐธรรมนูญ
ไฟเย็นคุยกับลุงสนามหลวงเรื่องจะเอาประชาธิปไตยหรือเอาแค่รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ยุคมืดทรราช คสช.ครองเมือง การลุกขึ้นขับไล่ทรราช คสช.จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน

ยุคมืดทรราช คสช.ครองเมือง  การลุกขึ้นขับไล่ทรราช คสช.จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน

 

             สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้เสี่ยงที่จะลุกลามบานปลายนำไปสู่กลียุคซึ่งสะท้อนสัญญาณจากเหตุการณ์แก๊งถ่อย ดิบ เถื่อนที่ออกปฏิบัติการกดขี่ คุกคามประชาชนทุกวัน รวมทั้งบุคคลสำคัญที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทรราช คสช.อย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและรายวันโดยเฉพาะการขุมขู่ นิสิตนักศึกษา และประชาชน เยี่ยงการกระทำของโจร ต่อพวกเขาครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้น อย่างไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน

 

    จริงอยู่ก่อนหน้านี้ นิสิตนักศึกษาประชาชน ได้ตายไปกว่า หมื่นคนด้วยน้ำมือของทหารทรราช ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 2516 ,2519 ,2535 ,2552-3,และล่าสุด 2557 ก็ได้ฆ่าพี่น้องประชาชนที่ถนนอักษะ

 

              ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุการณ์ ยิงประชาชน ทีสนามกีฬาข้างมหาวิทยาลรามรามคำแหงเสียชีวิตหลายรายขณะชุมนุม อยู่ภายในสนมกีฬา ข้างมหาวิทยาลัย อีกทั้งการรุมทำร้ายพี่น้องประชาชน อย่างป่าเถื่อนด้วยทหารนอกเครื่องแบบ ในรูปแบบของ มวลชน กปปส. เหตุการณ์ครั้งนั้น เสียงปืนจากทั่วทุกทิศทาง ได้ยิงเข้าใส่ พี่น้ปงประชาชนอย่างบ้าคลั่ง พร้อมทั้งมีการพยายามตัด น้ำ ตัดไฟ ให้พี่น้องในที่ชุมนุมได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งการเผารถบัสที่จอดอยู่ด้านหน้า จนเป็นเหตุให้มีคนตายในรถดังกล่าว

 

          ความรุนแรงที่ได้กระทำต่อ พี่น้องไม่ได้หยุดแค่นั้น การใช้ปืนยิงใส่บ้านพักของ พี่น้องประชาชน ที่ต่อต้านทรราช คสชอีกทั้งการปาระเบิดใส่บ้านพักประชาชนที่ไม่เห็นด้วยหลายคนอย่างต่อเนื่อง

 

                ข้อน่าสังเกตุก็คือเหตุร้ายที่เกิดกับพี่น้องประชาชนภายใต้การนำของ ประยุทธ์ จันทรโอชา ผู้นำ ทรราช คสช. มานานกว่า 2 ปี ก่อนรัฐประหารจะถึงปัจุจบัน   และมีการปรับทัศนคติด้วยวิธีอันป่าเถื่อน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิที่ถูกเปลื่อยกายและถูกซ้อมอย่างทรามานต่อหน้าทหารชั่วเหล่านั้น ( จากปากคำของน้องเปิ้ล กริชสุดา )รวมทั้งบุคคลสำคัญทางการเมืองที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทรราช คสช. ถูกคุกคามอย่างวัฒนา เมืองสุก และสมาชิกพรรคเพื่อไทย และพี่น้องเสื้อแดง เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นเกือบ 30 ครั้ง แต่ตำรวจกลับไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว

 

 

                 ที่สำคัญ ทรราช คสช.กลับกลายเป็นแก๊งอันธพาลถ่อย ดิบ เถื่อนพวกนี้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับกองกำลังชุดดำที่เคยก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 แล้วโยนความผิดให้กับ พี่น้องเสื้อแดง  รวมทั้งข้อสงสัยที่ว่าปฏิบัติการถ่อย ดิบ เถื่อนทั้งหมดอาจเกี่ยวข้องกับบิ๊กมีสีที่เป็นขี้ข้า ระบอบอำมาตย์ทรราช โดยเฉพาะ  พล... จักรทิพย์ ชัยจินดาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ทำตัวปกป้อง เหล่า ทรราช คสช. และสมุน กปปส อย่างสุดชีวิต ลืมคำว่า ผู้พิทักษ์สันติราฎร์ จนหมดสิ้น

 

 

                ล่าสุดขบวนการใต้ดินของทรราช คสช. ได้ลอบสังหารประชาชนฝ่ายต่อต้านทรราช คสช. จนบาดเจ็บเลือดสาดหลายสิบรายโดยบางคนอาการสาหัส ขณะที่กลุ่มอันธพาลในเครื่องแบบ ภายใต้การนำของ นายสุวิทย์  หรือ "พุทธอิสระ" แกนนำ กปปส อาจารย์ของทรราช คสช.ที่ปิดล้อมศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยมีเสียงปืนยิงเข้าใส่ประชาชนเป็นระยะๆ ในช่วงเวลากลางคืน

 

 

               ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ้านเมืองไม่ต่างอะไรจากการอยู่ในยุคมืดภายใต้ระบอบทรราช คสช. ครองเมือง โดยรัฐบาลทรราช คสช.ที่ได้สมคบกับ ฆาตกร 99 ศพของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้..

[2/9/16, 8:27:11 PM] ALEXIS CHOTIPANCHARAT: การจะสถาปนาประเทศให้เป็นสาธารณรัฐได้ ต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้าง

 

เพราะอำนาจกษัตริย์ควบคุมและบงการความคิดของสมุนใช้เป็นเครื่องมือในการค้ำอำนาจและผลประโยชน์มาประมาณ 60 ปี ตอนนี้มีกองกำลังติดอาวุธสงครามที่พร้อมจะฆ่าประชาชนทุกคนที่ลุกขึ้นสู้ (52,53) 3 แสนกว่านาย ยังไม่รวมกำลังสำรอง ควบคุมอำนาจตุลาการได้อย่างเบ็ดเสร็จ มีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่ควบคุมกลไกรัฐ ที่ถึงแม้รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนแต่เอาไปเรียกเป็นข้าราชาอีกประมาณ 2 ล้านคน

 

ก่อนทำหน้าที่ต้องปฏิญาณสาบานตนต่อหน้ารูปกษัตริย์ ไม่ใช่ปฏิญาณสาบานตนต่อประชาชนเจ้าของเงิน อัลตารอยอลลิสต์สุดขั้วอีกประมาณ 1 ล้าน (เดา) ถึงแม้ว่าในอนาคต(ซึ่งไม่รู้ว่าตอนไหน)อาจจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกต้งปาหี่ แต่รัฐบาลปาหี่ที่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่มีอำนาจในการบริหารประเทศเป็นเสมือนหุนกระบอกที่ถูกเชิดชักใยจากเผด็จการกษัตริย์ที่อยู่หลังฉาก โดยที่ประเทศมีกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางอำนาจ

 

ฝ่ายสาธารณรัฐจะต้องทำอย่างไร

 

1.ตั้งองค์กรขึ้นมา ประสานต่างประเทศไว้ก่อนเหมือนที่กำลังทำอยู่ เตรียมขอความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากนานาประเทศ

 

2.ยึดกรุงเทพฯ(ยึดอะไรบ้างต้องทำการบ้าน)โดยที่สามารถสะกัดกำลังทหารจากส่วนภูมิภาคที่จะเข้ามายึดกรุงเทพคืนได้

 

3.ประกาศเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐ ให้เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมดที่สนับสนุนสาธารณรัฐทำอะไรและควบคุมอะไร

 

4. ....

 

5. ....

 

ดูไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ ดูแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลยใช่ไหมครับ

แต่คณะราษฎรทำได้ และต้องมีการต่อต้านแน่นอนซึ่งคณะราษฎรก็ทำได้ สามารถปราบกลุ่มต่อต้านได้สำเร็จ ซึ่งผมคิดว่าครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนยุคนั้นแน่นอนและอาจมีการบกันเป็นสงครามกลางเมือง

 

ว่างๆจากการศึกษาข้อมูลและแบ่งปันข้อมูลให้คนใกล้ชิด(เอาที่ทำได้) ผมอยากให้มิตรสายทุกท่านรวบรวมข้อมูลอันจำเป็นทั้งหมด คลังน้ำมัน โรงไฟฟ้า(ทั้ง กฝผ.และ กฟภ.) สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ เคเบิ้ลท้องถิ่น องค์การโทรศัพย์ องค์การสื่อสาร สะพาน ค่ายทหารแยกด้วยว่าเป็นระดับใดเช่น กองพัน กรม กองพล ดูกูเกิ้ลเอิร์ธส่องเข้าไปดูเลยครับ ไม่รู้ว่าอาคารประเทศนั้นคืออะไรไว้ใช้ทำอะไรไม่เป็นไร ดูให้ติดตา ดูให้ขึ้นใจ ทางเข้าทางออกอยู่ตรงไหน ทำไมกลุ่มอาคารนี้ถึงมาตั้งอยู่ด้านหลังในที่ห่างไกลจากกลุ่มอาคารอื่น ทำไมถนนเส้นนี้ดูกว้างกว่าปกติ เหมือนสนามบินเล็ก(ลับ) ลากไม้บรรทัดดูเลยครับ ยาว 1 กิโลเมตรขึ้นไปใช้เป็นสนามบินขนาดเล็กได้ แต่ละพื้นที่ต้องช่วยกันเก็บข้อมูลมีโอกาสสูงที่จะได้ใช้ ยิ่งเรามีข้อมูลมาก เราก็จะมีโอกาสทำสำเร็จได้มาก เมื่อถึงเวลาอันควร ส่งข้อมูลนี้ให้ส่วนกลาง ผมเชื่อว่าส่วนกลางมีทีมประมวลภาพรวมที่มีประสิทธิภาพ

 

ผมเชื่อว่าเมื่อวันนั้นมาถึงเราจะได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะกราบอยู่ก็ตาม เหมือนคณะราษฎรที่วันนี้กราบแต่พรุ่งนี้ยึด ชั้นความลับเป็นเรื่องสำคัญที่คณะหมอเหล็งโดนจับทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เพราะรักษาความลับไม่ได้

 

จบการแสดงข้อเสนอของผมในรอบนี้ ขอให้พวกเราประสบความสำเร็จ

 

น้อมรับคำติชมครับ

 

ประชาชนจงเจริญ สาธารณรัฐจงเจริญ

 

-

 

Cr.  Hleng Srijan


ยุคมืดทรราช คสช.ครองเมือง การลุกขึ้นขับไล่ทรราช คสช.จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน

ยุคมืดทรราช คสช.ครองเมือง  การลุกขึ้นขับไล่ทรราช คสช.จึงเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน

 

             สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้เสี่ยงที่จะลุกลามบานปลายนำไปสู่กลียุคซึ่งสะท้อนสัญญาณจากเหตุการณ์แก๊งถ่อย ดิบ เถื่อนที่ออกปฏิบัติการกดขี่ คุกคามประชาชนทุกวัน รวมทั้งบุคคลสำคัญที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทรราช คสช.อย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและรายวันโดยเฉพาะการขุมขู่ นิสิตนักศึกษา และประชาชน เยี่ยงการกระทำของโจร ต่อพวกเขาครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้น อย่างไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อน

 

    จริงอยู่ก่อนหน้านี้ นิสิตนักศึกษาประชาชน ได้ตายไปกว่า หมื่นคนด้วยน้ำมือของทหารทรราช ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 2516 ,2519 ,2535 ,2552-3,และล่าสุด 2557 ก็ได้ฆ่าพี่น้องประชาชนที่ถนนอักษะ

 

              ก่อนหน้านี้ก็เกิดเหตุการณ์ ยิงประชาชน ทีสนามกีฬาข้างมหาวิทยาลรามรามคำแหงเสียชีวิตหลายรายขณะชุมนุม อยู่ภายในสนมกีฬา ข้างมหาวิทยาลัย อีกทั้งการรุมทำร้ายพี่น้องประชาชน อย่างป่าเถื่อนด้วยทหารนอกเครื่องแบบ ในรูปแบบของ มวลชน กปปส. เหตุการณ์ครั้งนั้น เสียงปืนจากทั่วทุกทิศทาง ได้ยิงเข้าใส่ พี่น้ปงประชาชนอย่างบ้าคลั่ง พร้อมทั้งมีการพยายามตัด น้ำ ตัดไฟ ให้พี่น้องในที่ชุมนุมได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งการเผารถบัสที่จอดอยู่ด้านหน้า จนเป็นเหตุให้มีคนตายในรถดังกล่าว

 

          ความรุนแรงที่ได้กระทำต่อ พี่น้องไม่ได้หยุดแค่นั้น การใช้ปืนยิงใส่บ้านพักของ พี่น้องประชาชน ที่ต่อต้านทรราช คสชอีกทั้งการปาระเบิดใส่บ้านพักประชาชนที่ไม่เห็นด้วยหลายคนอย่างต่อเนื่อง

 

                ข้อน่าสังเกตุก็คือเหตุร้ายที่เกิดกับพี่น้องประชาชนภายใต้การนำของ ประยุทธ์ จันทรโอชา ผู้นำ ทรราช คสช. มานานกว่า 2 ปี ก่อนรัฐประหารจะถึงปัจุจบัน   และมีการปรับทัศนคติด้วยวิธีอันป่าเถื่อน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิที่ถูกเปลื่อยกายและถูกซ้อมอย่างทรามานต่อหน้าทหารชั่วเหล่านั้น ( จากปากคำของน้องเปิ้ล กริชสุดา )รวมทั้งบุคคลสำคัญทางการเมืองที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทรราช คสช. ถูกคุกคามอย่างวัฒนา เมืองสุก และสมาชิกพรรคเพื่อไทย และพี่น้องเสื้อแดง เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นเกือบ 30 ครั้ง แต่ตำรวจกลับไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว

 

 

                 ที่สำคัญ ทรราช คสช.กลับกลายเป็นแก๊งอันธพาลถ่อย ดิบ เถื่อนพวกนี้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับกองกำลังชุดดำที่เคยก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 แล้วโยนความผิดให้กับ พี่น้องเสื้อแดง  รวมทั้งข้อสงสัยที่ว่าปฏิบัติการถ่อย ดิบ เถื่อนทั้งหมดอาจเกี่ยวข้องกับบิ๊กมีสีที่เป็นขี้ข้า ระบอบอำมาตย์ทรราช โดยเฉพาะ  พล... จักรทิพย์ ชัยจินดาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ทำตัวปกป้อง เหล่า ทรราช คสช. และสมุน กปปส อย่างสุดชีวิต ลืมคำว่า ผู้พิทักษ์สันติราฎร์ จนหมดสิ้น

 

 

                ล่าสุดขบวนการใต้ดินของทรราช คสช. ได้ลอบสังหารประชาชนฝ่ายต่อต้านทรราช คสช. จนบาดเจ็บเลือดสาดหลายสิบรายโดยบางคนอาการสาหัส ขณะที่กลุ่มอันธพาลในเครื่องแบบ ภายใต้การนำของ นายสุวิทย์  หรือ "พุทธอิสระ" แกนนำ กปปส อาจารย์ของทรราช คสช.ที่ปิดล้อมศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยมีเสียงปืนยิงเข้าใส่ประชาชนเป็นระยะๆ ในช่วงเวลากลางคืน

 

 

               ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ้านเมืองไม่ต่างอะไรจากการอยู่ในยุคมืดภายใต้ระบอบทรราช คสช. ครองเมือง โดยรัฐบาลทรราช คสช.ที่ได้สมคบกับ ฆาตกร 99 ศพของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้..

[2/9/16, 8:27:11 PM] ALEXIS CHOTIPANCHARAT: การจะสถาปนาประเทศให้เป็นสาธารณรัฐได้ ต้องทำอะไรให้สำเร็จบ้าง

 

เพราะอำนาจกษัตริย์ควบคุมและบงการความคิดของสมุนใช้เป็นเครื่องมือในการค้ำอำนาจและผลประโยชน์มาประมาณ 60 ปี ตอนนี้มีกองกำลังติดอาวุธสงครามที่พร้อมจะฆ่าประชาชนทุกคนที่ลุกขึ้นสู้ (52,53) 3 แสนกว่านาย ยังไม่รวมกำลังสำรอง ควบคุมอำนาจตุลาการได้อย่างเบ็ดเสร็จ มีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่ควบคุมกลไกรัฐ ที่ถึงแม้รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนแต่เอาไปเรียกเป็นข้าราชาอีกประมาณ 2 ล้านคน

 

ก่อนทำหน้าที่ต้องปฏิญาณสาบานตนต่อหน้ารูปกษัตริย์ ไม่ใช่ปฏิญาณสาบานตนต่อประชาชนเจ้าของเงิน อัลตารอยอลลิสต์สุดขั้วอีกประมาณ 1 ล้าน (เดา) ถึงแม้ว่าในอนาคต(ซึ่งไม่รู้ว่าตอนไหน)อาจจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกต้งปาหี่ แต่รัฐบาลปาหี่ที่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่มีอำนาจในการบริหารประเทศเป็นเสมือนหุนกระบอกที่ถูกเชิดชักใยจากเผด็จการกษัตริย์ที่อยู่หลังฉาก โดยที่ประเทศมีกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางอำนาจ

 

ฝ่ายสาธารณรัฐจะต้องทำอย่างไร

 

1.ตั้งองค์กรขึ้นมา ประสานต่างประเทศไว้ก่อนเหมือนที่กำลังทำอยู่ เตรียมขอความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากนานาประเทศ

 

2.ยึดกรุงเทพฯ(ยึดอะไรบ้างต้องทำการบ้าน)โดยที่สามารถสะกัดกำลังทหารจากส่วนภูมิภาคที่จะเข้ามายึดกรุงเทพคืนได้

 

3.ประกาศเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐ ให้เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมดที่สนับสนุนสาธารณรัฐทำอะไรและควบคุมอะไร

 

4. ....

 

5. ....

 

ดูไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ ดูแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลยใช่ไหมครับ

แต่คณะราษฎรทำได้ และต้องมีการต่อต้านแน่นอนซึ่งคณะราษฎรก็ทำได้ สามารถปราบกลุ่มต่อต้านได้สำเร็จ ซึ่งผมคิดว่าครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนยุคนั้นแน่นอนและอาจมีการบกันเป็นสงครามกลางเมือง

 

ว่างๆจากการศึกษาข้อมูลและแบ่งปันข้อมูลให้คนใกล้ชิด(เอาที่ทำได้) ผมอยากให้มิตรสายทุกท่านรวบรวมข้อมูลอันจำเป็นทั้งหมด คลังน้ำมัน โรงไฟฟ้า(ทั้ง กฝผ.และ กฟภ.) สถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ เคเบิ้ลท้องถิ่น องค์การโทรศัพย์ องค์การสื่อสาร สะพาน ค่ายทหารแยกด้วยว่าเป็นระดับใดเช่น กองพัน กรม กองพล ดูกูเกิ้ลเอิร์ธส่องเข้าไปดูเลยครับ ไม่รู้ว่าอาคารประเทศนั้นคืออะไรไว้ใช้ทำอะไรไม่เป็นไร ดูให้ติดตา ดูให้ขึ้นใจ ทางเข้าทางออกอยู่ตรงไหน ทำไมกลุ่มอาคารนี้ถึงมาตั้งอยู่ด้านหลังในที่ห่างไกลจากกลุ่มอาคารอื่น ทำไมถนนเส้นนี้ดูกว้างกว่าปกติ เหมือนสนามบินเล็ก(ลับ) ลากไม้บรรทัดดูเลยครับ ยาว 1 กิโลเมตรขึ้นไปใช้เป็นสนามบินขนาดเล็กได้ แต่ละพื้นที่ต้องช่วยกันเก็บข้อมูลมีโอกาสสูงที่จะได้ใช้ ยิ่งเรามีข้อมูลมาก เราก็จะมีโอกาสทำสำเร็จได้มาก เมื่อถึงเวลาอันควร ส่งข้อมูลนี้ให้ส่วนกลาง ผมเชื่อว่าส่วนกลางมีทีมประมวลภาพรวมที่มีประสิทธิภาพ

 

ผมเชื่อว่าเมื่อวันนั้นมาถึงเราจะได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะกราบอยู่ก็ตาม เหมือนคณะราษฎรที่วันนี้กราบแต่พรุ่งนี้ยึด ชั้นความลับเป็นเรื่องสำคัญที่คณะหมอเหล็งโดนจับทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เพราะรักษาความลับไม่ได้

 

จบการแสดงข้อเสนอของผมในรอบนี้ ขอให้พวกเราประสบความสำเร็จ

 

น้อมรับคำติชมครับ

 

ประชาชนจงเจริญ สาธารณรัฐจงเจริญ

 

-

 

Cr.  Hleng Srijan