Saturday, March 14, 2015

บทวิพากษ์ความตอแหล ในชีวิตของ Karl Marx เจ้าทฤษฏีซ้ายเจ้าโลก

 

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบในแนวคิดของ Karl Marx ในหลายเรื่อง และเหมือนกับที่ผมชอบ  Che Guevara คือผมเลือกชอบในบางประเด็น และหยิบเอาเฉพาะเรื่องมาเป็นแนวทางต่อยอด หรือวิพากษ์เพื่อสังเคราะห์  เช่นเดียวกันกับนักคิดและนักปฏิบัติ หรือแม้แต่นักการศึกษาท่านอื่น ๆ ผมเรียนรู้ แล้วเอาวางไว้ ไม่เอามาถือ  จะหยิบมาใช้ หรือยืมมาแตะสิ่งที่กำลังทำ กำลังคิด กำลังนำเสนอ ก็ในฐานะเครื่องมือหนึ่ง หรือองค์ประกอบเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้น  ดังนั้น หากจะถามว่า ในแง่ความคิดแล้ว ผมเป็นลูกศิษย์ใคร ผมไม่มีใครเลย นี่ไม่ได้พูดถึงในเชิงฐานะทางสังคมนะครับ ที่ผมให้เกียรติผู้ที่ให้ความรู้แก่ผู้อื่น ว่าเป็นอาจารย์ หรือคุณครู อยู่บ่อย ๆ

วันนี้อยากให้พี่น้องที่ภาษาอังกฤษดีพอ ลองฟังนักคิดชาวแคเนเดียนท่านนี้ ถือว่าดังมากทีเดียว เป็นนักวิพากษ์ที่น่าสนใจ เขาถือตัวเองว่าเป็นนักปรัชญา และพยายามเดินบนเส้นทางการค้นหาความจริงและสร้างความเข้าใจกับโลก  งานชิ้นนี้น่าสนใจ  การวิพากษ์ Marx โดยดูความจริงที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ชีวิตของเขา  ถือว่า ทำให้เราได้เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง และหลายเรื่อง เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันกับทฤษฎีที่เขาเขียน... นี่เขาว่า ตอแหล  หรือ  hypocrisy หรือปากพูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่างหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้ว การดูพฤติกรรมและภูมิหลังแล้วสรุปว่าความคิดเขาไม่ดี ไม่ถูกต้อง และไม่ควรเอามาเป็นแบบอย่างตามมาตรฐานศีลธรรม มันก็อาจจะดูรุนแรงไปบ้าง เพราะคนที่ชั่ว หรือหลงผิด อาจจะเป็นคนที่พูดถึงวิธีเลี่ยงการทำผิดได้ดีเหมือนกัน  ...

ความยาวคลิปนี้จริง ๆ แค่สี่สิบกว่านาทีครับ ส่วนทีสองจะซ้ำกันครับ ลองฟังแบบชวนคิดชวนคุยนะครับ ผมไม่ได้นำมาเพื่อ discredit หรือเหยียบย่ำความคิดของ Karl Marx และไม่เชื่อว่า คนที่บกพร่องจะคิดสิ่งที่สมบูรณ์กว่าสิ่งที่ตนเองสามารถทำได้ไม่ได้  แต่ผมสนับสนุนและต้องการให้ท่านหัดวิพากษ์ทฤษฎีและเจ้าของทฤษฎีทุก ๆ รายเสมอ

ประวัติและเรื่องราวเกี่ยวกับ Karl Marx


  1. Karl Marx - Wikipedia, the free encyclopedia
  2. Karl Marx, 1818-1883 - The History Guide
  3. Karl Marx - Facts & Summary - HISTORY.com



เมื่อพลังแฝง แสดงตัวต่อต้านพฤติกรรมเหยียบย่ำเสรีภาพเพื่อร่วมชาติ เพื่อพ่อ ของนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา






ภาพที่เห็นข้างบนนั้น คือจำนวนการโหลดจดหมายเพื่อร้องเรียนให้สถานฑูตต่าง ๆ ในประเทศไทย งดการออกวีซ่าไปยังประเทศเหล่านั้น ด้วยพฤติกรรมการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อื่นอย่างโจ่งแจ้ง เป็นสันดานมาต่อเนื่อง และอาจจะมีผลให้เกิดพฤติกรรมเชิงก่อการร้ายในต่างแดน โดยผู้หลงเชื่อคำยุยงปลุกปลั่นของนายเหรียญทอง และคณะผู้ร่วมปฏิบัติการทั้งหลาย


ดูยอดนะครับ มีคนโหลดไปแล้ว 3498 ราย  ไม่นับว่าจะมีการพิมพ์ออกเพื่อส่งต่อไปยังเป้าหมาย อีกกี่ฉบับ
(หมายเหตุ ล่าสุด วันอาทิตย์ ราวสี่ทุ่มเมืองไทย มียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นดังในภาพข้างล่าง
  รวม 3548 ราย)



เราจะคอยดูว่า ท่านที่โหลดไปแล้ว ได้ส่งไปจริงหรือไม่เพียงใด และนายเหรียญทอง แน่นหนา จะสามารถขอวีซ่าเข้าประเทศไหนได้บ้าง ต่อจากนี้ไป

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันทำสิ่งสำคัญนี้ คือป้องกันไม่ให้เพื่อนร่วมชาติเราคนหนึ่ง และคณะฯ หลงผิดทำสิ่งที่ชั่วร้าย ผิดหลักสากลของสังคมอารยะในโลกนี้ เราไม่ใช้ความรุนแรงหยุดความรุนแรง แต่เราจะใช้กระแสอารยธรรมสากล ช่วยเตือนสติทหารคลั่งพระราชา บ้าความจงรักภักดี แต่ไปย่ำยีสิทธิมนุษยชนของเพื่อนร่วมชาติ

ภาพ screenshots บางส่วนจากเฟสบุ๊คของนพ.เหรียญทอง แน่นหนา ที่พี่น้องส่งมาให้ เพื่อประกอบเนื้อหาข้างต้น

















เมื่อพลังแฝง แสดงตัวต่อต้านพฤติกรรมเหยียบย่ำเสรีภาพเพื่อร่วมชาติ เพื่อพ่อ ของนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา






ภาพที่เห็นข้างบนนั้น คือจำนวนการโหลดจดหมายเพื่อร้องเรียนให้สถานฑูตต่าง ๆ ในประเทศไทย งดการออกวีซ่าไปยังประเทศเหล่านั้น ด้วยพฤติกรรมการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้อื่นอย่างโจ่งแจ้ง เป็นสันดานมาต่อเนื่อง และอาจจะมีผลให้เกิดพฤติกรรมเชิงก่อการร้ายในต่างแดน โดยผู้หลงเชื่อคำยุยงปลุกปลั่นของนายเหรียญทอง และคณะผู้ร่วมปฏิบัติการทั้งหลาย


ดูยอดนะครับ มีคนโหลดไปแล้ว 3498 ราย  ไม่นับว่าจะมีการพิมพ์ออกเพื่อส่งต่อไปยังเป้าหมาย อีกกี่ฉบับ
(หมายเหตุ ล่าสุด วันอาทิตย์ ราวสี่ทุ่มเมืองไทย มียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นดังในภาพข้างล่าง
  รวม 3548 ราย)



เราจะคอยดูว่า ท่านที่โหลดไปแล้ว ได้ส่งไปจริงหรือไม่เพียงใด และนายเหรียญทอง แน่นหนา จะสามารถขอวีซ่าเข้าประเทศไหนได้บ้าง ต่อจากนี้ไป

ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันทำสิ่งสำคัญนี้ คือป้องกันไม่ให้เพื่อนร่วมชาติเราคนหนึ่ง และคณะฯ หลงผิดทำสิ่งที่ชั่วร้าย ผิดหลักสากลของสังคมอารยะในโลกนี้ เราไม่ใช้ความรุนแรงหยุดความรุนแรง แต่เราจะใช้กระแสอารยธรรมสากล ช่วยเตือนสติทหารคลั่งพระราชา บ้าความจงรักภักดี แต่ไปย่ำยีสิทธิมนุษยชนของเพื่อนร่วมชาติ

ภาพ screenshots บางส่วนจากเฟสบุ๊คของนพ.เหรียญทอง แน่นหนา ที่พี่น้องส่งมาให้ เพื่อประกอบเนื้อหาข้างต้น

















แผนทำลาย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน... กรณีบึ้มศาลอาญา และแผนทลายค่ายบางระจันแห่งซานฟราน???

คงไม่ต้องย้ำนะครับ ว่า ในบรรดาผู้กล้าท้าทายอำนาจของเครือข่ายกษัตริย์ไทยทั้งในรูปศักดินา อำมาตย์ราชสกุล ทหาร หรือกลุ่มผลประโยชน์ใด ๆ ในห้วงที่คนทั่วไปถูกกดหัวแทบโงไม่ขึ้นนั้น  ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยคุณอเนก ซานฟราน และดร.เพียงดิน รักไทย เป็นหัวหอกนั้น เด่นชัด แกร่งกล้า ท้าทาย และทำได้โดยไม่ถูกกระทบได้ตรง ๆ เพราะทำการอยู่ต่างประเทศ และได้รับการคุ้มครองโดยมิตรประเทศที่ถือหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่  และยิ่งมีการสานมือกับองค์การเสรีไทย ที่ประกอบด้วยอดีตนักการเมืองและนักสู้เสรีกลุ่มหนึ่ง ยิ่งทำให้เกิดความหวาดหวั่นต่อเผด็จการทหารไทย และคนของวังอย่างยิ่ง   และมาตรการต่าง ๆ ที่ได้วางไว้ ได้มีความพยายามทำมาตลอดปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังทำอะไรนักต่อสู้ที่ยืนบนหลักสากลและใช้เวทีสากลต่อสู้อย่างชอบธรรมได้  แต่เขาไม่ละความพยายามแน่ ทั้งทางเปิดและทางปิดลับ


ผมได้รับคำเตือนด้วยความหวังดีจากหลาย ๆ ท่าน ที่อยู่ในแวดวงต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัย และการจะถูกใส่ร้ายป้ายสีหรือหักหลังจากคนรอบตัว มาระยะหนึ่งแล้วครับ แต่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ได้คิดร้ายกับใคร แต่ความจริงจะไปทำร้ายใครนั้น ผมก็ช่วยไม่ได้ และไม่ได้เกรงกลัวใคร หน้าไหนนัก  แต่ก็ไม่เคยประมาท และหากเป็นกรรมซึ่งหน้า หรือเล่นตามตัวบทกฎหมาย ผมไม่มีกลัวหน้าไหนทั้งสิ้น  นี่คือตัวตนของผม อย่างไรก็ตาม ผมเติบโตบนเวทีนอกวงวิชาการนี้ ไม่ใช่เพราะอยากดัง หรืออยากได้ผลประโยชน์ใด ๆ ดังนั้น ก็จึงมั่นใจว่า ตนเองบริสุทธิ์​และจะเรียนรู้ที่จะปรับตัวและเกิดภูมิปัญญาที่ยกระดับขึ้น เพื่อผลดีกับบ้านเมืองอย่างแท้จริง โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือใคร และไม่ได้เป็นศัตรูกับใครจริง ๆ แม้แต่กับสถาบันกษัตริย์ ทหาร และพวกระยำทั้งหลาย

วันนี้ ผมจะยกตัวอย่างจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งเขียนส่งมาจากพี่สาวท่านหนึ่ง ที่อยู่ที่ดีซี แล้วมีโอกาสแวะมาเยี่ยมซานฟรานพอดี แล้วได้รับรู้ข่าวสารต่าง ๆ เลยเขียนส่งมาให้ ลองอ่านดูนะครับ  นอกจากจะตั้งข้อสังเกตุว่า นี่เป็นความปรารถนาดีแล้ว สิ่งที่ซ่อนอยู่ ผมว่ามีอะไรสื่อสารเจตนารมย์ของฝั่งเผด็จการทหารเพื่อพระราชาแน่นอน  และสิ่งที่เขาสื่อ จะมองข้ามไม่ได้เลย เมื่อดูพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นและจะลามตามมา  สำหรับพี่น้องที่รักและมุ่งสู่เส้นทางประชาธิปไตย วันนี้ ต้องแยกมิตรแยกศัตรูให้ดี  สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้ มิตรหรือคนที่ควรเป็นมิตร อาจจะกลายเป็นเครื่องมือศัตรูอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยเหตุผลนานาประการ  ผมจะไม่ใส่ความเห็นลงไปมากกว่านี้ ถือว่า เป็นการยกมาให้ท่านอ่านและพิจารณาประกอบ  ชวนอ่าน ชวนคิด และชวนคุยกันนะครับ

--------------

อาจารย์ได้ดูรึเปล่า ประมาณ ๘ พีเอ็ม เวลาซานฟรานฯ
คลิปของเอเซียนว้อยซ์ ได้ดูเต็มเลย นานกว่า ๑๐ นาที
นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้เห็นอเมริกานำข่าวเมืองไทย เรื่องรัฐประหารมาเปิดรายการอย่างเต็มที่
(ครั้งแรกที่เห็น) โดยมีหน้าเต็มของรบ.รปห. เขาตอบเป็นภ.ไทย และมีเสียงพากย์อังกฤษ (อัดเทปไว้)

ได้เก็บเป็นวีดีโอไว้ด้วย เสียงภาพชัดเจน แต่ไฟล์โตมาก ขนาดจีบี ส่งเมลไม่ได้
อาจารย์เพียงดิน  ...

วันนี้ ระบบการทหารและการทูต เข้ามาตามขบวนการการเมืองของอเมริกาและสื่อทีวีของสหรัฐแล้วนะ
ในขณะที่ระบบภายในของเสรีไทยและภาคีไทย รวมทั้งก๊วนเสื้อแดง กำลังระส่ำระสาย แย่งชิงความโด่งดัง
ด้วยความปรารถนาดี อาจารย์กำลังอยู่ในภาวะศึกรอบทิศ อยากแนะนำให้ออกจากโซเชี่ยลสัก ๒ สัปดาห์  ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวอาจารย์เอง ไปในที่ธรรมชาติใสๆ สปริงทาม แล้วมองกลับมาให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่โดยไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อาจารย์จะเห็นภาพว่า เรื่องนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยพุทธกาล ตามชาดก

ทุกคนมีวาระแห่งกรรม อันนี้อาจารย์ทราบอยู่แล้ว แต่การออกมาแก้ตัวนั้นจะไม่แก้ปัญหา อาจารย์ต้องเว้นวรรค เพราะศัตรูของอาจารย์ คือกลุ่มที่เขามีอำนาจเหนือกว่า และคนรอบตัวอาจารย์ (พวกผู้หญิงไม่มีความรู้) กำลังต่อสู้กันเอง แบบภาษาต่ำทรามที่ใช้ทำลายกัน โดยไม่มีผู้มีอำนาจคนไหนเข้ามาอยู่ในกลุ่มภาคีฯ

คนมองจากสายนอก ได้เห็นกำหนดเวลาของความแตกสลายภายในนี้มานานแล้วอาจารย์จำได้ไหมว่าเคยบอกว่า สิ่งที่อาจารย์ทำ ต้องเสี่ยงแลกด้วยชีวิต ...ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็คือจบอย่างเดียว
ซึ่งอาจารย์โกรธมาก หาว่ามาขู่ ความจริงแล้ว ความหมายก็คือ วันหนึ่ง อาจารย์จะโดนทำลายด้วยคนกันเอง  ทางฝ่ายเจ้านาย ไม่เคยมาออกความเห็น ส่วนฝ่ายรัฐบาล เขาก็ประกาศจับ ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามเพื่อดำเนินคดี อาจารย์ชะล่าใจ ว่าสิทธิอเมริกันซิติเซ่น และความเป็นผู้นำองค์กรฯ ประสานงานกับกลุ่มการเมืองพท.จะทำให้อาจารย์ปลอดภัย แต่แล้ว สิ่งที่กำลังรุมล้อมอาจารย์ ก็คือกิเลสต่ำๆของบรรดาคนไม่มีการศึกษาไม่ว่าคนไหน เพราะว่าการไม่ได้รับการศึกษา ไม่ใช่ขาดวิชา อย่างเดียว พวกเขาไม่มีจรรยาบรรณในการสู้ มันก็จะทำลายกันเอง กัดกันเองเหมือนคำที่ใช้ด่าเจ้าด่านาย เพราะคนกลุ่มไม่มีเงินไม่มีความรู้ ไม่มีอะไรในชีวิต พอถึงจุดที่เจอผลกระทบ ก็ย่อมใช้วิธีสุนัขจนตรอก (ขออภัย) เพราะอะไรล่ะ ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีเกราะกั้น

อาจารย์ต้องปกป้องครอบครัวเป็นอย่างแรก น้องแพมยังมีอนาคต และในอีกหลายสิบปีข้างหน้าเธอจะยังอยู่ ท่ามกลางผู้คนที่ตอนนี้รัฐบาลกำลังเร่งส่งเจ้าหน้าที่ออกมารวบรวมรายชื่อนักศึกษาไทยในทุกสถาบัน

อย่าเพิ่งโกรธแค้นไป คุณเอนกก็ทราบดีอยู่แล้ว ว่ามีคนไทยไม่กี่คนเท่านั้น ในเขตนี้ ที่เขาจะคุยด้วยได้ ยังสู้ได้ เพราะมีธุรกิจ แต่ราชการก็ไม่ได้อยู่เฉย เพราะมีสายข่าว (เด็กพนักงานเก่าในร้านราชาจำนวนหนึ่ง)  ท่าทางจะลำบาก อยากจะบอกว่า ...อาจารย์อาจถึงกับไม่สามารถใช้ซานฟรานฯเป็นฐานของ ทีเอเอชอาร์  ตราบใดที่ดร.ทักษิณ เลือกที่จะ ยอมนิ่ง และจนกว่าตระกูลชินวัตรจะสามารถอยู่ได้สบายในเมืองไทยก่อน

การออกข่าวในสหรัฐ ของประยุทธ์เมื่อคืนนี้ เป็นความสำเร็จของฝ่ายทูตทหารและมีการวางแผนมาดิบดีแล้วฉากต่อจากนี้ หากอาจารย์ไม่หาทางผ่อน เชือกก็จะขาด รัดคอตนเอง เพราะคนใกล้ๆตัว แดงกันเองจัดการเพราะในเวลานี้ เครื่องบินที่อาจารย์ไฮแจ๊คมานั้น น้ำมันใกล้หมด และลอยอยู่เหนือน่านน้ำของทัพทหาร คนที่อาจารย์ปฏิเสธ ไม่เคยไว้ใจ ไม่เชื่อใจ แต่มีศักยภาพทางความคิดความรู้และประสบการณ์ในตปท.  อาจมีไม่กี่คนที่เข้ามาให้ข้อมูลแบบนี้ ด้วยความห่วงใย จากใจจริง 

แม้กระทั่งxxx หรือxxxตอนนี้ยังไม่มีปัญหา แต่วันหนึ่ง แม่นางเสือสมิงสิงห์สางเหล่านี้ ก็จะเป็นภัย
อาจารย์ต้องหยุด ถ้าเดินต่อตอนนี้ ก็จะพลาด เพราะเอาตัวเองไปพ่วงกับกลุ่มสตรีที่ปราศจากภูมิปัญญา ทำให้อาจารย์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา ต้องแยกตัวออกมา กลับเป็น ดร.เพียงดิน รักไทย นักต่อสู้ที่ไม่ได้ถูกหลอมรวมกับบรรดาคนรากหญ้าที่กำลังทำลายกันเอง กำลังทัพแทบไม่ต้องทำอะไรมากมายเพราะอาจารย์ถูกตะลุมบอน โดยเครือข่ายออนไลน์ของคนที่ไม่เคยได้รับการศึกษาในสถาบันขั้นสูงในสหรัฐชัยภูมิของอาจารย์ ที่เคยเป็นต่อ กลับโดนทำลาย เพราะกลุ่มที่อาจารย์ให้โอกาสเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นพลัง

อย่าลืมว่า ลักษณะกมลสันดาน ของคนที่ออกมาพูดล้มล้างในหลวง ส่วนใหญ่ ไม่เกรงพระบารมีราชวงศ์ หากว่าไม่กลัวขนาดนั้น เขาจะกลัวทำไมกับการทำลายนักวิชาการอย่างอาจารย์ นั่นคือเหตุผลที่ดร.ทักษิณ อดีตนายกฯผู้ยิ่งใหญ่ จะไม่เอาตัวเองลงมาเป็นเป้าให้กับเครือข่ายที่อาจารย์กำลังโดนพิษของผู้หญิงต่ำๆ กรณีXXX อาจารย์เคยพูดเองว่าเป็นเผือกร้อน อาจารย์ไม่ได้บอกคุณเอนก ว่าคิดแบบนี้ หรือบอกก็ตาม ในที่สุด ความคิดนั้นก็ได้ปรากฎเพราะป้าเพ็ญยกออกมาเผย ว่าเด็กคนนั้นป่วย เพราะเป็นคนโง่ขยันเท่านั้น YYY เองก็ขาดสมาธิ และไม่สามารถเข้าสู่ระบบการวิจัยข้อมูล นอกจากฟังและคิดจากคลิปของอาจารย์

เพื่อนร่วมงานของอาจารย์ อยู่คนละระดับภูมิปัญญา มันก็ดึงลงตามกฎธรรมชาติ น้ำไหลลงสู่พื้นที่ต่ำกว่า นอกจากเทรนคนให้เสมอกันได้ก่อน ไม่อย่างนั้น ก็จะไม่มีทางต่อสู้ใดๆได้ หลักการที่ว่า ประชาชนยังพร้อม จะไม่สัมฤทธิ์ เพราะเหตุของความขัดแย้งภายในของทีมอาจารย์เอง หลายๆคนแก่แล้วร่างกายอ่อนแอลงไป  รวมทั้งข้อบกพร่องของอาจารย์เอง คือ ความจริงใจที่ให้กับชาวแดง แต่พวกเขาไม่ได้มองเห็นคุณค่าตรงนี้   ประยุทธ์ ไม่พูดอังกฤษ แต่กลยุทธ์ของไทยในการเอาชนะข้าศึก บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาใดๆก็ชนะ  มันอยู่ที่จังหวะ และจุดโจมตี กองทัพแดงในโซเชี่ยล เปิดเผยที่มาและตัวตน เพราะคิดว่าเขาจับตัวไม่ได้   แต่ เขาจับทิศทางและวัดระดับการศึกษาของพวกอาจารย์ได้หมดทุกคน วันนี้ อาวุธของกองทัพคือใช้คนที่อาจารย์เลือกมาร่วมอุดมการณ์ ทำลายอาจารย์และเครือข่ายลงไปทีละน้อย  ยิ่งอาจารย์ประณามกลุ่มคนที่เคยมีบารมีทางการเมือง เพราะชะตาเขาตกต่ำ อาจารย์ก็เหลือพวกไม่มากเหมือนก่อนรัฐประหาร


ประยุทธ์ใช้กลยุทธ์เสือใหญ่นอนกินอยู่ในถ้ำ ก่อนจะรัฐประหาร รอเวลาให้มีการสูญเสียชีวิตเยาวชนเกิดขึ้นหลังจากนั้น ชี้นิ้วสั่งการในเครือข่ายของในหลวงซึ่งทรงลงพระปรมาภิไธย ทุกวันนี้ ประยุทธ์เสมือนรัชทายาท เพราะพระบรมฯ ขาดศักยภาพไม่มีศีลธรรมอย่างขัตติยะ เป็นรัชทายาทไม่ได้

การปรากฏของทูตใหม่ก็ดี การจัดงานต่างๆของราชการและเอกชนฝ่ายส่งเสริมสถาบันก็ดี
ตอนนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีใครทำลายกองทัพไทยได้ โดยเฉพาะผู้หญิงต่ำตระกูลที่ออนไลน์อยู่ ไม่มีใครให้ราคามานั่งฟัง และอีกไม่นานนัก กองพลอาสาของภาคคนไทยรักในหลวง จะจัดสงกรานต์ใหญ่

คุณเอนกและอาจารย์ มีทางเลือกไม่มาก ถ้าไม่หยุดเพื่อตั้งค่ายใหม่ ก็คือขี่ควายออกไปให้เขาเชือด




แผนทำลาย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน... กรณีบึ้มศาลอาญา และแผนทลายค่ายบางระจันแห่งซานฟราน???

คงไม่ต้องย้ำนะครับ ว่า ในบรรดาผู้กล้าท้าทายอำนาจของเครือข่ายกษัตริย์ไทยทั้งในรูปศักดินา อำมาตย์ราชสกุล ทหาร หรือกลุ่มผลประโยชน์ใด ๆ ในห้วงที่คนทั่วไปถูกกดหัวแทบโงไม่ขึ้นนั้น  ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยคุณอเนก ซานฟราน และดร.เพียงดิน รักไทย เป็นหัวหอกนั้น เด่นชัด แกร่งกล้า ท้าทาย และทำได้โดยไม่ถูกกระทบได้ตรง ๆ เพราะทำการอยู่ต่างประเทศ และได้รับการคุ้มครองโดยมิตรประเทศที่ถือหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่  และยิ่งมีการสานมือกับองค์การเสรีไทย ที่ประกอบด้วยอดีตนักการเมืองและนักสู้เสรีกลุ่มหนึ่ง ยิ่งทำให้เกิดความหวาดหวั่นต่อเผด็จการทหารไทย และคนของวังอย่างยิ่ง   และมาตรการต่าง ๆ ที่ได้วางไว้ ได้มีความพยายามทำมาตลอดปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังทำอะไรนักต่อสู้ที่ยืนบนหลักสากลและใช้เวทีสากลต่อสู้อย่างชอบธรรมได้  แต่เขาไม่ละความพยายามแน่ ทั้งทางเปิดและทางปิดลับ


ผมได้รับคำเตือนด้วยความหวังดีจากหลาย ๆ ท่าน ที่อยู่ในแวดวงต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัย และการจะถูกใส่ร้ายป้ายสีหรือหักหลังจากคนรอบตัว มาระยะหนึ่งแล้วครับ แต่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ได้คิดร้ายกับใคร แต่ความจริงจะไปทำร้ายใครนั้น ผมก็ช่วยไม่ได้ และไม่ได้เกรงกลัวใคร หน้าไหนนัก  แต่ก็ไม่เคยประมาท และหากเป็นกรรมซึ่งหน้า หรือเล่นตามตัวบทกฎหมาย ผมไม่มีกลัวหน้าไหนทั้งสิ้น  นี่คือตัวตนของผม อย่างไรก็ตาม ผมเติบโตบนเวทีนอกวงวิชาการนี้ ไม่ใช่เพราะอยากดัง หรืออยากได้ผลประโยชน์ใด ๆ ดังนั้น ก็จึงมั่นใจว่า ตนเองบริสุทธิ์​และจะเรียนรู้ที่จะปรับตัวและเกิดภูมิปัญญาที่ยกระดับขึ้น เพื่อผลดีกับบ้านเมืองอย่างแท้จริง โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือใคร และไม่ได้เป็นศัตรูกับใครจริง ๆ แม้แต่กับสถาบันกษัตริย์ ทหาร และพวกระยำทั้งหลาย

วันนี้ ผมจะยกตัวอย่างจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งเขียนส่งมาจากพี่สาวท่านหนึ่ง ที่อยู่ที่ดีซี แล้วมีโอกาสแวะมาเยี่ยมซานฟรานพอดี แล้วได้รับรู้ข่าวสารต่าง ๆ เลยเขียนส่งมาให้ ลองอ่านดูนะครับ  นอกจากจะตั้งข้อสังเกตุว่า นี่เป็นความปรารถนาดีแล้ว สิ่งที่ซ่อนอยู่ ผมว่ามีอะไรสื่อสารเจตนารมย์ของฝั่งเผด็จการทหารเพื่อพระราชาแน่นอน  และสิ่งที่เขาสื่อ จะมองข้ามไม่ได้เลย เมื่อดูพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นและจะลามตามมา  สำหรับพี่น้องที่รักและมุ่งสู่เส้นทางประชาธิปไตย วันนี้ ต้องแยกมิตรแยกศัตรูให้ดี  สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้ มิตรหรือคนที่ควรเป็นมิตร อาจจะกลายเป็นเครื่องมือศัตรูอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยเหตุผลนานาประการ  ผมจะไม่ใส่ความเห็นลงไปมากกว่านี้ ถือว่า เป็นการยกมาให้ท่านอ่านและพิจารณาประกอบ  ชวนอ่าน ชวนคิด และชวนคุยกันนะครับ

--------------

อาจารย์ได้ดูรึเปล่า ประมาณ ๘ พีเอ็ม เวลาซานฟรานฯ
คลิปของเอเซียนว้อยซ์ ได้ดูเต็มเลย นานกว่า ๑๐ นาที
นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้เห็นอเมริกานำข่าวเมืองไทย เรื่องรัฐประหารมาเปิดรายการอย่างเต็มที่
(ครั้งแรกที่เห็น) โดยมีหน้าเต็มของรบ.รปห. เขาตอบเป็นภ.ไทย และมีเสียงพากย์อังกฤษ (อัดเทปไว้)

ได้เก็บเป็นวีดีโอไว้ด้วย เสียงภาพชัดเจน แต่ไฟล์โตมาก ขนาดจีบี ส่งเมลไม่ได้
อาจารย์เพียงดิน  ...

วันนี้ ระบบการทหารและการทูต เข้ามาตามขบวนการการเมืองของอเมริกาและสื่อทีวีของสหรัฐแล้วนะ
ในขณะที่ระบบภายในของเสรีไทยและภาคีไทย รวมทั้งก๊วนเสื้อแดง กำลังระส่ำระสาย แย่งชิงความโด่งดัง
ด้วยความปรารถนาดี อาจารย์กำลังอยู่ในภาวะศึกรอบทิศ อยากแนะนำให้ออกจากโซเชี่ยลสัก ๒ สัปดาห์  ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวอาจารย์เอง ไปในที่ธรรมชาติใสๆ สปริงทาม แล้วมองกลับมาให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่โดยไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อาจารย์จะเห็นภาพว่า เรื่องนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยพุทธกาล ตามชาดก

ทุกคนมีวาระแห่งกรรม อันนี้อาจารย์ทราบอยู่แล้ว แต่การออกมาแก้ตัวนั้นจะไม่แก้ปัญหา อาจารย์ต้องเว้นวรรค เพราะศัตรูของอาจารย์ คือกลุ่มที่เขามีอำนาจเหนือกว่า และคนรอบตัวอาจารย์ (พวกผู้หญิงไม่มีความรู้) กำลังต่อสู้กันเอง แบบภาษาต่ำทรามที่ใช้ทำลายกัน โดยไม่มีผู้มีอำนาจคนไหนเข้ามาอยู่ในกลุ่มภาคีฯ

คนมองจากสายนอก ได้เห็นกำหนดเวลาของความแตกสลายภายในนี้มานานแล้วอาจารย์จำได้ไหมว่าเคยบอกว่า สิ่งที่อาจารย์ทำ ต้องเสี่ยงแลกด้วยชีวิต ...ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็คือจบอย่างเดียว
ซึ่งอาจารย์โกรธมาก หาว่ามาขู่ ความจริงแล้ว ความหมายก็คือ วันหนึ่ง อาจารย์จะโดนทำลายด้วยคนกันเอง  ทางฝ่ายเจ้านาย ไม่เคยมาออกความเห็น ส่วนฝ่ายรัฐบาล เขาก็ประกาศจับ ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามเพื่อดำเนินคดี อาจารย์ชะล่าใจ ว่าสิทธิอเมริกันซิติเซ่น และความเป็นผู้นำองค์กรฯ ประสานงานกับกลุ่มการเมืองพท.จะทำให้อาจารย์ปลอดภัย แต่แล้ว สิ่งที่กำลังรุมล้อมอาจารย์ ก็คือกิเลสต่ำๆของบรรดาคนไม่มีการศึกษาไม่ว่าคนไหน เพราะว่าการไม่ได้รับการศึกษา ไม่ใช่ขาดวิชา อย่างเดียว พวกเขาไม่มีจรรยาบรรณในการสู้ มันก็จะทำลายกันเอง กัดกันเองเหมือนคำที่ใช้ด่าเจ้าด่านาย เพราะคนกลุ่มไม่มีเงินไม่มีความรู้ ไม่มีอะไรในชีวิต พอถึงจุดที่เจอผลกระทบ ก็ย่อมใช้วิธีสุนัขจนตรอก (ขออภัย) เพราะอะไรล่ะ ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีเกราะกั้น

อาจารย์ต้องปกป้องครอบครัวเป็นอย่างแรก น้องแพมยังมีอนาคต และในอีกหลายสิบปีข้างหน้าเธอจะยังอยู่ ท่ามกลางผู้คนที่ตอนนี้รัฐบาลกำลังเร่งส่งเจ้าหน้าที่ออกมารวบรวมรายชื่อนักศึกษาไทยในทุกสถาบัน

อย่าเพิ่งโกรธแค้นไป คุณเอนกก็ทราบดีอยู่แล้ว ว่ามีคนไทยไม่กี่คนเท่านั้น ในเขตนี้ ที่เขาจะคุยด้วยได้ ยังสู้ได้ เพราะมีธุรกิจ แต่ราชการก็ไม่ได้อยู่เฉย เพราะมีสายข่าว (เด็กพนักงานเก่าในร้านราชาจำนวนหนึ่ง)  ท่าทางจะลำบาก อยากจะบอกว่า ...อาจารย์อาจถึงกับไม่สามารถใช้ซานฟรานฯเป็นฐานของ ทีเอเอชอาร์  ตราบใดที่ดร.ทักษิณ เลือกที่จะ ยอมนิ่ง และจนกว่าตระกูลชินวัตรจะสามารถอยู่ได้สบายในเมืองไทยก่อน

การออกข่าวในสหรัฐ ของประยุทธ์เมื่อคืนนี้ เป็นความสำเร็จของฝ่ายทูตทหารและมีการวางแผนมาดิบดีแล้วฉากต่อจากนี้ หากอาจารย์ไม่หาทางผ่อน เชือกก็จะขาด รัดคอตนเอง เพราะคนใกล้ๆตัว แดงกันเองจัดการเพราะในเวลานี้ เครื่องบินที่อาจารย์ไฮแจ๊คมานั้น น้ำมันใกล้หมด และลอยอยู่เหนือน่านน้ำของทัพทหาร คนที่อาจารย์ปฏิเสธ ไม่เคยไว้ใจ ไม่เชื่อใจ แต่มีศักยภาพทางความคิดความรู้และประสบการณ์ในตปท.  อาจมีไม่กี่คนที่เข้ามาให้ข้อมูลแบบนี้ ด้วยความห่วงใย จากใจจริง 

แม้กระทั่งxxx หรือxxxตอนนี้ยังไม่มีปัญหา แต่วันหนึ่ง แม่นางเสือสมิงสิงห์สางเหล่านี้ ก็จะเป็นภัย
อาจารย์ต้องหยุด ถ้าเดินต่อตอนนี้ ก็จะพลาด เพราะเอาตัวเองไปพ่วงกับกลุ่มสตรีที่ปราศจากภูมิปัญญา ทำให้อาจารย์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา ต้องแยกตัวออกมา กลับเป็น ดร.เพียงดิน รักไทย นักต่อสู้ที่ไม่ได้ถูกหลอมรวมกับบรรดาคนรากหญ้าที่กำลังทำลายกันเอง กำลังทัพแทบไม่ต้องทำอะไรมากมายเพราะอาจารย์ถูกตะลุมบอน โดยเครือข่ายออนไลน์ของคนที่ไม่เคยได้รับการศึกษาในสถาบันขั้นสูงในสหรัฐชัยภูมิของอาจารย์ ที่เคยเป็นต่อ กลับโดนทำลาย เพราะกลุ่มที่อาจารย์ให้โอกาสเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นพลัง

อย่าลืมว่า ลักษณะกมลสันดาน ของคนที่ออกมาพูดล้มล้างในหลวง ส่วนใหญ่ ไม่เกรงพระบารมีราชวงศ์ หากว่าไม่กลัวขนาดนั้น เขาจะกลัวทำไมกับการทำลายนักวิชาการอย่างอาจารย์ นั่นคือเหตุผลที่ดร.ทักษิณ อดีตนายกฯผู้ยิ่งใหญ่ จะไม่เอาตัวเองลงมาเป็นเป้าให้กับเครือข่ายที่อาจารย์กำลังโดนพิษของผู้หญิงต่ำๆ กรณีXXX อาจารย์เคยพูดเองว่าเป็นเผือกร้อน อาจารย์ไม่ได้บอกคุณเอนก ว่าคิดแบบนี้ หรือบอกก็ตาม ในที่สุด ความคิดนั้นก็ได้ปรากฎเพราะป้าเพ็ญยกออกมาเผย ว่าเด็กคนนั้นป่วย เพราะเป็นคนโง่ขยันเท่านั้น YYY เองก็ขาดสมาธิ และไม่สามารถเข้าสู่ระบบการวิจัยข้อมูล นอกจากฟังและคิดจากคลิปของอาจารย์

เพื่อนร่วมงานของอาจารย์ อยู่คนละระดับภูมิปัญญา มันก็ดึงลงตามกฎธรรมชาติ น้ำไหลลงสู่พื้นที่ต่ำกว่า นอกจากเทรนคนให้เสมอกันได้ก่อน ไม่อย่างนั้น ก็จะไม่มีทางต่อสู้ใดๆได้ หลักการที่ว่า ประชาชนยังพร้อม จะไม่สัมฤทธิ์ เพราะเหตุของความขัดแย้งภายในของทีมอาจารย์เอง หลายๆคนแก่แล้วร่างกายอ่อนแอลงไป  รวมทั้งข้อบกพร่องของอาจารย์เอง คือ ความจริงใจที่ให้กับชาวแดง แต่พวกเขาไม่ได้มองเห็นคุณค่าตรงนี้   ประยุทธ์ ไม่พูดอังกฤษ แต่กลยุทธ์ของไทยในการเอาชนะข้าศึก บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาใดๆก็ชนะ  มันอยู่ที่จังหวะ และจุดโจมตี กองทัพแดงในโซเชี่ยล เปิดเผยที่มาและตัวตน เพราะคิดว่าเขาจับตัวไม่ได้   แต่ เขาจับทิศทางและวัดระดับการศึกษาของพวกอาจารย์ได้หมดทุกคน วันนี้ อาวุธของกองทัพคือใช้คนที่อาจารย์เลือกมาร่วมอุดมการณ์ ทำลายอาจารย์และเครือข่ายลงไปทีละน้อย  ยิ่งอาจารย์ประณามกลุ่มคนที่เคยมีบารมีทางการเมือง เพราะชะตาเขาตกต่ำ อาจารย์ก็เหลือพวกไม่มากเหมือนก่อนรัฐประหาร


ประยุทธ์ใช้กลยุทธ์เสือใหญ่นอนกินอยู่ในถ้ำ ก่อนจะรัฐประหาร รอเวลาให้มีการสูญเสียชีวิตเยาวชนเกิดขึ้นหลังจากนั้น ชี้นิ้วสั่งการในเครือข่ายของในหลวงซึ่งทรงลงพระปรมาภิไธย ทุกวันนี้ ประยุทธ์เสมือนรัชทายาท เพราะพระบรมฯ ขาดศักยภาพไม่มีศีลธรรมอย่างขัตติยะ เป็นรัชทายาทไม่ได้

การปรากฏของทูตใหม่ก็ดี การจัดงานต่างๆของราชการและเอกชนฝ่ายส่งเสริมสถาบันก็ดี
ตอนนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีใครทำลายกองทัพไทยได้ โดยเฉพาะผู้หญิงต่ำตระกูลที่ออนไลน์อยู่ ไม่มีใครให้ราคามานั่งฟัง และอีกไม่นานนัก กองพลอาสาของภาคคนไทยรักในหลวง จะจัดสงกรานต์ใหญ่

คุณเอนกและอาจารย์ มีทางเลือกไม่มาก ถ้าไม่หยุดเพื่อตั้งค่ายใหม่ ก็คือขี่ควายออกไปให้เขาเชือด




งบประมาณทหารไทย เพื่อใคร?



งบประมาณทหารไทย เพื่อใคร?
ที่มาที่ไปก่อนการรัฐประหาร บ่งชี้ชัดหรือยัง ว่าประยุทธ์ทำเพื่อใคร?

การจัดการประเทศไทยในอนาคต จะต้องจัดการกับต้นตออำนาจที่ผูกโยงกันนี้เสียให้ครบทั้งขบวน ไม่เช่นนั้น เราจะไม่สามารถก้าวพ้นวงจรอุวาทว์ได้แน่นอน

http://piangdin4peace.blogspot.com/2015/03/blog-post_8.html

93% ที่ตอบถึงตอนนี้ บอกว่า ไม่เอาแล้ว ระบบกษัตริย์ ขอเป็นสาธารณรัฐ!!!

ท่านล่ะ คิดอย่างไร?

อเนก ซานฟราน แจงข้ามโลก กับสำนักข่าวอิศรา ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง บึ้ม ศาลอาญา

สดจากซานฟรานซิสโก! "เอนก ชัยชนะ" แจงข้ามโลก ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์ระเบิดศาลอาญา ปัดรู้จักกลุ่มคนที่ถูกตำรวจควบคุมตัว โวยถูกใส่ร้าย ดึงเข้าไปเชื่อมโยงเหตุการณ์ให้ถูกเกลียดชัง เพราะเป็นกลุ่มเดี่ยวที่ยังเคลื่อนไหวต่อสู้อยู่ หลังนักการเมืองโดนปรับทัศนคติหมดแล้ว
anskeeee


จากกรณีมีการเชื่อมโยงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค. 58 ที่ผ่านมา ว่ามีชื่อของนายเอนก ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น
ล่าสุดในช่วงหัวค่ำวันที่ 14 มี.ค.58 ที่ผ่านมา นายเอนก ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟราน  ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศราwww.isranews.org ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว 
"เรื่องนี้มั่วมากเลย ผมไม่รู้จักกับบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว ผมไม่เคยรู้จักใครเลย และไม่เคยไลน์คุยกับใครทั้งนั้น"
"เหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว ขอปฎิเสธทุกกรณี เพราะมันไม่มีประโยชน์ใดๆเลย ทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วย"
นายเอนก ยังระบุด้วยว่า ทำงานในการต่อสู้เพื่อเปิดเผยความจริงอย่างเดียว และไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น 
"ชีวิตนี้มีทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่านี้ แต่อยากเห็นประเทศไทยมีความยุติธรรรม คนในชาติทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย และจะต่อสู้เพื่อความจริงต่อไป"
นายเอนก ยังระบุด้วยว่า เหตุการระเบิดครั้งนี้ เชื่อว่ามีการวางแผนที่แนบเนียน และพยายามโยงมายังคนที่ต่อสู้อยู่ในต่างประเทศ โยงมาที่ตนเพื่อให้สังคมไทยเกลียดชัง ซึ่งขณะนี้มีเฉพาะพวกตนเท่านั้นที่ยังต่อสู้อยู่ เพราะนักการเมืองทุกคนโดนปรับทัศนคติหมดแล้ว 
เมื่อถามว่า ประเมินว่ากลุ่มคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวอยู่ เป็นคนกลุ่มไหน นายเอนก ตอบว่า "ไม่ทราบเลยไม่เคยเห็น ไม่เคยติดต่อใครเลย คนพวกนี้ทำอาชีพอะไรก็ไม่รู้ ขนาดอ้างที่อยู่ผมไปก็ยังมั่วเลย ว่าอยู่ออสเตรเลีย  ผมอยู่ซานฟรานซิโก ชื่อก็บอกแล้วว่า อเนกซานฟราน แต่บอกว่าอยู่ออสเตรเลีย ไม่ทราบว่าใครมั่ว และก็ไม่เคยรู้จักคนชื่อเดียร์ด้วย" 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอนก ชัยชนะ หรือเอนก ซานฟรานฯ พักอาศัยอยู่ในรัฐซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา มายาวนานหลายสิบปี และปรากฎรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งเรียกให้มารายงานตัว ในช่วงหลังการยึดอำนาจรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 
นายเอนก ยังมีตำแหน่งเป็นประธานบอร์ดอำนวยการภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ Thai Alliance For Human Rights ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งขึ้นเพื่อประสานกับพี่น้องไทยทั่วโลกพร้อมกับสร้างสัมพันธไมตรีกับองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ มีนายเพียงดิน รักไทย โดยมีสำนักงานอยู่ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา 

คนไทยไม่รู้ตัว ว่าศัตรูของชาติตัวจริง โผล่มาตอนสองทุ่ม ทุก ๆ วัน!!! (ชอบมาก ขอแนะนำให้ดู)

 
คนไทยไม่รู้ตัว ว่าศัตรูของชาติตัวจริง โผล่มาตอนสองทุ่ม ทุก ๆ วัน!!! (ชอบมาก ขอแนะนำให้ดู)

Credit: ยืนเด่น โดยท้าทาย

ท่านคิดอย่างไร กับรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. บงการ (โพลล์ประชาชน)




ท่านเห็นอย่างไรกับ รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. บงการ 2558?

ไม่ยอมรับเด็ดขาด และจะต่อต้านล้มล้างผลพวงทั้งหมด
ไม่ยอมรับ แต่จะทำอะไรพวกมันได้ล่ะ
เอาไงเอากัน เฉย ๆ
ยอมรับได้ หากผ่านการลงประชามติ
ยอมรับได้แน่ คนดีของเรา รัฐธรรมนูญดี ๆ ของหมูเฮา
Poll Maker

ข้อมูลประกอบการพิจารณา
http://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/draftconstitution/main.php?filename=index2557 (เว็บไซต์คณะกรรมการยกร่าง ใต้การบงการของคสช.และเครือข่ายเพื่อพระราชาไทย)

ดร.จารุวงศ์​ เรืองสุวรรณ ประกาศจุดยืนองค์การเสรีไทยฯ​ ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 6 มีนาคม 2558








Ladies and Gentlemen:

Thank you Harvard University and all the organizers from the Thai Studies Program at the Harvard University Asia Center for allowing me to represent the suppressed voices of millions of pro-democracy dissidents both in Thailand and around the world. The Organization of FreeThais for Human Rights and Democracy (OFHD) was established on June 24, 2014 to be a center for efforts to inform the world of the facts and truths about the undemocratic and rights abusive acts committed by the military regime that has long served the minority elites.  OFHD’s goal is also to seek peaceful solutions among Thais of different political views based on the internationally accepted democracy principles, respect for human rights, and non-violence means. 

OFHD never intends to be the enemy of our brothers and sisters anywhere.  We never aims at using forces to topple the dictatorial regime and the elite networks, but we believe that most Thais must be adequately knowledgeable about the structural problems that all Thais are facing, the multiple causes, and the shared responsibilities among them all to find solutions and to collectively create a better regime that benefits the Thai citizens of all walks of life  more equally. Dialogues in which all voices are shared, as Harvard has graciously initiated for us today, are crucial for the success that Thailand needs.

Lastly, may I emphasize the importance of help from our international friends?  What Harvard is doing today is a great example for our friends in the academia.  I am hoping that more universities and organizations will care to listen to more of what we, as representatives of unfortunate Thais, will have to say in the near future.  We need your help.

Thank you,

ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย มองผ่านการถือครองที่ดิน


คำว่าพระเจ้าแผ่นดิน มันสะท้อนว่า สังคมไทยเรา ยังยอมรับความเป็นศักดินาแบบโบราณ เหมือนมันฝังอยู่ในดีเอ็นเอ  เราจึงไม่ค่อยจะสนใจไยดีกับความไม่เป็นธรรมรอบตัว หรือความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นอย่างน่าเกลียด โดยเฉพาะช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน ที่นับวันจะถ่างไปอย่างน่าเกลียดและน่ากลัว  แถมคนที่ได้เปรียบ เป็นพวกเหลือบของประเทศ ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมลดลาวาศอก เปิดโอกาสให้ประชาชนมามีส่วนแชร์ทางอำนาจและความมั่งคั่งเอาเสียเลย ทั้งหลอก ล่อ ปลอบ กดขี่ ขูดรีด ข่มเหง และบี้กันทุกทางอย่างไม่อายสายตาชาวโลก เหมือนกรณีการใช้ทหารของพระราชาออกมาร่วมมือกับเครือข่ายพระราชายึดอำนาจประชาชนไปจัดระเบียบใหม่ เพื่อกระชับอำนาจให้พวกตนได้กดหัวประชาชนส่วนใหญ่อีกต่อไปอย่างไม่จบสิ้น  หากประชาชนไทย ไม่เข้าใจปัญหาเชิงชนชั้น อันมีอาการสำคัญที่เป็นอันตรายยิ่ง คืออาการรวยกระจุกแต่จนกระจาย และช่องว่างที่ถ่างเกินพอดีของโลกอันเจริญแล้วและมีสันติสุข เราจะไม่มีทางไปสู่การต่อสู้ที่ทำให้ประชาชนชนะ ได้อำนาจมาครองร่วมกัน แล้วเสวยสุขกับผลประโยชน์อันพึงมีร่วมกันในฐานะเจ้าของประเทศ ที่ควรมีสิทธิและส่วนแบ่งในอัตราที่เป็นธรรมและใกล้เคียงกัน

นอกจากพระราชาที่รวยล้นโลก แล้วบอกให้ประชาชนพอเพียงแล้ว เรายังต้องเข้าใจอีกว่า ระบอบการปกครองที่อำนาจไปรวมศูนย์ที่พระราชานี้ ทำให้พระราชาที่หลอกให้ประชาชนรัก เทิดทูน บูชา และจงรักภักดีแบบไม่สามารถตั้งคำถามได้นั้น ร่ำรวยมากกว่าคนไทยทุก ๆ คน ที่เอาทรัพย์สินมารวมแล้วแบ่งให้เท่า ๆ กัน ถึง 5.4 ล้านเท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง


อีกตัวอย่างหนึ่งของการเหลื่อมล้ำ อันเป็นผลมาจากระบบศักดินาเก่า ที่ยังมีผลมาถึงสังคมไทยปัจจุบัน ผ่านพัฒนาการต่าง ๆ ที่ให้โอกาสคนที่ได้เปรียบ ฉกฉวยที่ดินของประชาชนในท้องที่ และในประเทศไปอยู่กับคนไม่กี่ตระกูลนั่นเอง โปรดดูข้อมูลที่เว็บไซต์กระปุก ได้เรียบเรียงไว้ดังนี้

10 ตระกูล-องค์กร ถือครองที่ดินมากสุดในประเทศ

อันดับ 1 ตระกูล "สิริวัฒนาภักดี" จำนวน 630,000 ไร่ โดยที่ดินแปลงใหญ่อยู่ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ประมาณ 12,000 ไร่ และใน อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา อีกประมาณ 15,000 ไร่ มีทั้งในนามส่วนตัว ครอบครัว และผ่านบริษัทต่าง ๆ

อันดับ 2 ตระกูลเจียรวนนท์ ของเจ้าสัวซีพี นายธนินท์ เจียรวนนท์ จำนวนไม่ต่ำกว่า 200,000 ไร่ ที่ดินแปลงใหญ่อยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 10,000 ไร่

อันดับ 3 บมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ผู้ดำเนินธุรกิจด้านน้ำมันปาล์มรายใหญ่ในภาคใต้ ถือครองที่ดินราว 44,400 ไร่

อันดับ 4 สำนักงานทรัพย์สินฯ จำนวน 30,000 ไร่

อันดับ 5 บมจ.ไออาร์พีซี จำนวน 17,000 ไร่

อันดับ 6 ตระกูลมาลีนนท์ จำนวน 10,000 ไร่

อันดับ 7 นายแพทย์บุญ วนาสิน จำนวน 10,000 ไร่

อันดับ 8 วิชัย พูลวรลักษณ์ จำนวน 7,000 ไร่

อันดับ 9 ตระกูลเตชะณรงค์ จำนวน 5,000 ไร่

อันดับ 10 ตระกูลจุฬางกูร จำนวน 5,000 ไร่

ขณะที่การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินในส่วนของนักการเมืองนั้น พบว่า

อันดับ 1 นายอำนาจ คลังผา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถือครองที่ดินจำนวน 2,030 ไร่

อันดับ 2 นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ถือครองที่ดินจำนวน 2,000 ไร่

อันดับ 3 นายเสนาะ และนางอุไรวรรณ เทียนทอง ถือครองที่ดินจำนวน 1,900 ไร่

นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า ผู้ที่ถือครองที่ดินเกินกว่า 1,000 ไร่ขึ้นไป มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 837 ราย


มีหลายคนเชื่อกันว่า ประเทศไทยมั่งคั่งพอที่จะทำให้ทุกคนที่อาศัยบนแผ่นดินนี้ มีมาตรฐานชีวิตไม่ด้อยกว่าประเทศใดในโลก หากมีการจัดการทรัพยากรและผลประโยชน์อันพึงเกิดด้วยการทำธุรกรรมและกิจการต่าง ๆ บนแผ่นดินนี้ อย่างเป็นธรรมและสร้างสรรค์  ดังนั้น พี่น้องต้องเข้าใจว่า เราต้องเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจทางการเมืองการปกครอง แล้วต้องให้ประชาชนเข้าไปจัดระบอบการปกครอง หรือกลไกอำนาจเสียใหม่ เพื่อจะได้ให้ประชาชนมีอำนาจบงการอำนาจ และชี้นิ้วเรียกร้องผลประโยชน์ให้ตกอยู่กับประชาชนโดยมวลรวมมากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้    การลุกขึ้นสู้ของประชาชน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากต้องการให้ลูกหลานลืมตาอ้าปาก และมีอนาคตอยู่ในสังคมอารยะ พัฒนาแล้ว ที่มาตรฐานการอยู่กิน มันสมฐานะมนุษย์ที่เกิดบนแผ่นดินที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรต่างๆ  เช่นประเทศไทย