Saturday, June 13, 2015

ข่าวลับกรองแล้ว 13 มิ.ย. 2558 ปู่หมดน้ำยาแล้ว โชว์ตัวอีกไม่ได้แล้ว!!!



ข่าวลับกรองแล้ว13 มิถุนายน 2558

"ปู่หมดน้ำยารับคำท้าออกมาโชว์ตัวไม่ได้แล้ว"
สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/

*แต่เดิมใครท้าว่ากษัตริย์ภูมิพลหมดสภาพแล้วเป็นไม่ได้ท่านจะถ่อกายออกมาโชว์ทุกครั้งเพื่อยืนยันว่า"ข้ายังอยู่นะว้อย"แต่คราวนี้เห็นทีไม่มีอีกแล้วนับแต่กลับเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุดเพราะแม้ยังไม่หมดลมหายใจแต่แค่จะตั้งกายให้นั่งรถเข็นก็เป็นไปไม่ได้แล้ว...หากวันนี้อาจารย์สุรชัย แซ่ด่านจะประกาศท้าขี้ข้าก็ไม่กล้าเข็นออกมาให้ใครเห็นเพราะหมดสภาพจริงๆ...ยิ่งเห็นก็ยิ่งเสื่อมและสังเวชเพราะปากที่เคยหุบไม่ลงก็ยังคงเดิมแถมใบหน้าลูกกะตาก็จะเอ๋อตามภาวะของสมองที่หมดสภาพจากการช็อคและกู้คืนยาก...คงปิดบังอำพรางไม่ได้แล้ว
*ข่าววงในการกลับมาศิริราชครั้งล่าสุดนั้นเกิดอาการช็อคหมดสติจึงเกิดคำสั่งว.กระทันหันเร่งด่วนทั้งรถทั้งเครื่องบิน...จึงเกิดสายข่าวต่างประเทศรายงานว่าท่านเด็จทางฮ.แต่ไม่ว่าเด็จทางใหนหมอใหญ่ก็ไม่กล้าให้สัญญาว่าจะสามารถรักษาให้กลับมาแค่เก่า(ที่ปากหวอยกแขนไม่ขึ้น)ได้,วันนี้คงไม่กล้าปากแข็งสัญญาแล้ว


*ปิดอย่างไรก็ไม่มิดไม่รู้คิดได้อย่างไรที่แถลงว่า"เป็นการตรวจสุขภาพตามปกติ"แต่10กว่าวันแล้วยังตรวจไม่เสร็จสักที?...ถึงวันนี้ยังไม่มีแถลงการณ์เลยว่าอาการตรวจปกติเป็นอย่างไร?แต่กลับมีข่าวลือว่าตายแล้วทั่วประเทศพร้อมทั้งข่าวเตรียมพร้อมของทหารสายใครสายมันทั้งชายทั้งหญิงที่ทำท่าฮึ่มๆใส่กันตามมาไม่เว้นแต่ละวัน

*ความผิดปกติมีให้เห็นที่ศาลา100ปีศิริราชที่เคยตั้งโต๊ะแล้วเกณฑ์คนจากหน่วยราชการต่างๆทั่วประเทศใช้งบส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์เวียนกันเดินทางมาคารวะรูปภาพคล้ายๆเคารพรูปงานศพนั้นถูกยกเลิกแล้วเมื่อร่างของภูมิพลมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่1มิถุนายน...เหตุผลสำคัญเพราะนับแต่นี้กิจกรรมเกี่ยวกับรัชกาลที่9ที่แสดงออกถึงการมีพระพลานามัยสมบูรณ์จะต้องลดโทนลงทั้งหมดเพราะเห็นว่ากิจกรรมใดๆที่กระตุ้นให้คนสนใจและคอยแต่จะมาเฝ้ารับเสด็จล้วนแล้วแต่ไม่เป็นประโยชน์เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนใจเกี่ยวกับ"พระอาการ"ที่"หมดอาการ"แล้ว,ยิ่งปกปิดข่าวหมดสภาพยากใหญ่...คิดแล้วมีแต่เสียมากกว่าได้
*สัญญานที่บอกให้รู้ความจริงว่าดวงตะวันเก่าจะลับฟ้าก็คือการสร้างภาพลักษณ์ของดวงตะวันใหม่ก็ดูเอาจริงเอาจังเสมือนการเสริมภาพฟ้าชาย(ที่ไม่ค่อยจะสร้างภาพ)เช่นทำการฟอกขาวภาพราชสำนักด้วยการปราบปรามขุนนางกังฉินอย่างนายมนตรีกรมวังที่เป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ...แต่สปท.มองเกมส์นี้ว่าฟ้าชายยิงนกด้วยกระสุนนัดเดียวแต่ได้นกทั้งฝูงเพราะสิ่งที่ได้แน่ๆคือแสดงบารมีอำนาจว่าคนในวังถ้ายังรักชีวิตที่สุขสบายก็ทำตัวให้ดีๆในช่วงเปลี่ยนผ่านไม่เช่นนั้นจะเจอของแข็ง

*แม้หมอไม่แถลงเรื่องจริงแต่โอบาม่าประธานาธิบดีสหรัฐแถลงเองก็ได้...อาการโคม่าของภูมิพลในการกลับเข้าศิริราชอย่างฉุกเฉินรายงานถึงทำเนียบขาวจนโอบามาต้องออกมาพูดถึงในงานต้อนรับผู้นำเยาวชนแห่งเอเซียที่ทำเนียบขาว

*สัญญานใหญ่ที่ประยุทธ์บอกใบ้ด้วยตัวเองว่ากษัตริย์ใกล้ม้วยมรณาก็คือการส่งสัญญานว่าจะอยู่ต่ออีกสองปีโดยให้พระสุวิท(พุดไถอิสระ)พาพรรคพวกออกมายื่นหนังสือเรียกร้องให้ทำประชามติขอให้ยุทธ์เหล่อยู่ต่อเพราะคสช.เตรียมแผนไว้แต่ต้นว่าเวลากษัตริย์ใกล้ตายคือนาทีทองของการเสวยอำนาจ,เมื่อได้จังหวะสุเทพก่อหวอดคสช.ก็ช่วยหนุนและวันนี้ก็ปล้นอำนาจสำเร็จแล้วเมื่อกษัตริย์ตายอย่างไงก็เลือกตั้งไม่ได้เพราะแค่จัดงานศพก็หมดปีแล้วก็เข้าล็อคจึงแพลมไต๋ทันทีให้มีสุนัขรับใช้ออกมาเห่าหอนถามทาง...สภาพฝันหวานของยุทธ์เหล่ที่ทำเฉไฉมองเห็นแล้วไทยฉิบหายแน่ๆ
*เข้าล็อคเสรีไทยที่เลขาใหญ่จารุพงศ์ประกาศกับประชาชนมาตั้งแต่ต้นเมื่อรัฐประหารเสร็จใหม่ๆว่าอย่างไงอย่างไง๋คสช.ก็จะไม่ให้มีเลือกตั้งแน่นอน...วันนี้ก็ชัดเจนแล้ว

*ประธานาธิบดีอเมริกา(ไม่ได้นั่งว่างๆแบบประยุทธ์ที่วันๆนั่งคิดแต่ถ้อยคำที่จะใช้เสียดสีนักข่าวและแสวงหาอำนาจไม่รู้จบ)ร้อยวันพันปีไม่ได้พูดถึงอาการป่วยของกษัตริย์ภูมิพลเลย(ทั้งที่ป่วยมานาน)ยังต้องเอ่ยถึงสุขภาพเป็นครั้งแรกเพราะได้รับรายงานสายตรงจากสถานฑูตในไทยและสำนักข่าวกรองที่ได้ข่าวจากก้นวังอย่างแม่นยำว่ากษัตริย์ภูมิพลหมดสภาพแล้ว...จากนี้จะพูดอีกทีตอนไว้อาลัย
*ใครก็รู้ว่ากษัตริย์ภูมิพลคือผู้กุมนโยบายรัฐตัวจริง(ยกเว้นอาจารย์มหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ไม่รู้)ดังนั้นการจะจากไปของกษัตริย์ภูมิพลหมายถึงความเสี่ยงภัยทางนโยบายของไทยที่สหรัฐอเมริกาจะต้องจับตามองหลังจากที่ไทยมีนโยบายคงที่มายาวนานกว่า50ปีตลอดรัชสมัย...นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่โอบามาออกมากล่าวถึงและมีภาพนั่งคุยกับทักษิณสองต่อสองที่เยอรมันออกเผยแพร่

*เห็นภาพทักษิณนั่งคุยกับโอบามาก็ยิ่งเวทนาประยุทธ์กับพลเอกธนะศักดิ์ที่วิ่งไล่งับยึดพาสปอร์ตและจะถอดยศทักษิณเพราะนั่งคุมงานต่างประเทศแต่เกรดต่ำแค่งานอาชีวะ
*ทำท่าไล่ล่าจะถอดยศทักษิณทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิดฆ่าคน...ระวังให้ดีเดือนนี้เป็นเดือนตายของรัชกาลที่8ที่ทุกคนรู้แล้วว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นคนสังหารพี่ชายระวังอีกไม่นานจะมีคนเสนอให้ถอดยศกษัตริย์ภูมิพลในฐานะฆาตรกรตัวจริงรวมทั้งการสั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์14ตุลา2516 และ6ตุลา2519และกรณีเหตุการณ์ราชประสงค์เลือด"ไอ้เหี้ยสั่งฆ่าอีห่าสั่งยิง"รวมทั้งคณะคสช.ทั้งชุดที่เป็นมือสังหาร...เพราะประยุทธ์ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าพระราชาก็ต้องตายแต่ประวัติศาสตร์ของประชาชนที่ถูกต้องเป็นจริงจะต้องปรากฎขึ้น

*ภาพการปรากฎตัวของทักษิณในที่สาธารณะปรากฎถี่ขึ้น,ภาพยิ่งลักษณ์ก็กระชั้นถี่ในประเทศถ้าประยุทธ์ยังไม่รู้ทีว่านี้คือสัญญานทางการเมืองที่กำลังบอกยุทธ์เหล่ว่างานกำลังจะเข้าก็คงจะสมแล้วกับการเป็นตุ๊กตาของเล่นของวังที่ชอบปั้นคนโง่ๆไว้ใช้งาน

*อย่าคาดหวังว่าข่าวกษัตริย์ภูมิพลสิ้นชีวิตจะเกิดขึ้นในเร็ววันเพื่อจะเกิดรัชกาลใหม่เพราะขบวนการยื้ออำนาจในราชสำนักจะดึงให้ยาวนานที่สุดแม้ตายแล้วก็จะเก็บร่างไว้เพื่อใช้เป็นเหตุว่าท่านยังอยู่ก็ยังตั้งรัชกาลใหม่ไม่ได้ตาม"สังฆราชญานสังวรโมเดล"จนวันนี้นานกว่า10ปีแล้วมีแต่ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสังฆราชโดยอ้างราชประเพณี...ชัดเจนแล้วว่ารัชกาลที่10ไม่มี(จะมีก็แต่ผู้สำเร็จราชกาลแทน)และคนที่ทำลายสถาบันกษัตริย์มิใช่ใครอื่นคือกษัตริย์ภูมิพลเอง
*การสถาปณารัชกาลที่10เมื่อรัชกาลที่9ไม่ทำ,องคมนตรีก็ไม่จัดการส่วนรัฐบาลก็อาศัยหารับประทานไปวันๆแล้วจะให้ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำเพราะเศรษฐกิจฝืดเคืองเป็นคนทำเรื่องนี้ได้อย่างไร?...ความรับผิดชอบของคนพวกนี้ที่เฝ้าสอนประชาชนให้"รับผิดชอบต่อหน้าที่"อยู่ที่ใหนกัน?

*ย้ำอีกทีนับแต่นี้ไปกฎหมายไทยทั้งหมดเถื่อนหมดและการใดๆทั้งหมดที่อ้างว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้ลงนามล้วนแล้วแต่ปลอมลายเซนต์ทั้งสิ้นเพราะป๋าอ้าขายกแขนไม่ได้แล้ว

*สายข่าววงในของสปท.ยังมีประสิทธิภาพพิสูจน์ได้จากข่าวขณะนี้ว่า"คุณพ่อตา"ของเสี่ยหรือคุณพ่อของราชองครักษ์หญิงคนสำคัญที่ทำงานเก่งมากปีเดียวยศขึ้นจากพันตรีเป็นพลอากาศตรีหญิงสุธิตากำลังนอนพักฟื้นจากการผ่าตัดตับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชเหมือนกัน(ทั้งที่ข่าวหนังสือพิมพ์ไม่ได้ลง)แต่ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว...พบกันใหม่ในเร็ววันหากมีข่าวด่วนยิ่งกว่านี้//

-----------จบ-----------





No comments:

Post a Comment