Monday, June 8, 2015

คอร์รัปชั่น ในเหล่รัฐบาลทรราช (ความเห็นจากนักสู้นิรนาม ผ่านทางอีเมล์กลุ่ม)


คอร์รัปชั่น ในเหล่รัฐบาลทรราช


การประชาสัมพันธ์ที่ทุกวันนี้เปรียบเสมือนหอยเน่า ไข่เน่า
หมาเน่า เพราะมีแต่การทุจริตเชิงนโยบายชัดเจน
เอาพวกตัวเองเข้านั่งพิจารณาอนุมัติงบประมาณต่างๆ กินกันเป็นล่ำเป็นสัน
แล้วให้สมุนทรราชไปจัดรายการสำรวจแบบนั่งเทียน
โดยคิดว่าเรตติ้งจะดีแต่กลับเจ๊งไม่มีโฆษณาเข้า
มีแต่เสียงบ่นด่าระงมทั้งประเทศ แถมเด็กๆ
ร้องไห้กันระงมว่าอยากดูช่องอื่นไม่อยากดูช่องนี้
ยิ่งสร้างความปวดร้าวลึกให้ผู้พบเห็นอย่างน่าเวทนาและนายกเหล่ทรราชยังเสนอแต่เรื่องที่ห่วยแตก
หลอกลวง เพ้อเจ้อ ในรายการ คืนความทุกข์ให้ประชาชนในวันศุกร์ที่แล้วมา
ส่วนนายกเหล่ทรราชที่ได้ตั้งธงไว้สูงกับการโกหกตอแหลในครั้งนี้
เพราะปัญหาระดมมาทั้งทั่วภูมิภาคไม่ว่าจะเป็นภาคใต้เรื่องยาง
ภาคเหนือเรื่องน้ำท่วม ภาคกลางเรื่องความลุแก่อำนาจของทหารในขณะนี้
ส่วนภาคอีสานก็ไม่น้อยหน้ายังค้างคาใจเรื่องหมายจับต่างๆ ที่ออกมาให้น้องๆ
นักศึกษาและพี่น้องเสื้อแดงไปรายงานตัว
ต้องยอมรับว่านายกเหล่ทรราชหวังไว้สูงเกินไปแต่ไม่สามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้
ถึงแม้ว่าจะใช้อักษรที่สวยหรู
ระรื่นหูน้ำเสียงราบเรียบอย่างกับการแถลงการณ์นโยบายในการเปิดประชุมสภาวันแรกก็ไม่ปาน
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อนายกเหล่ทรราชตัดสินใจพูดเรื่องคอร์รัปชั่นทำเอาชาวประชาร้านตลาดทั่วหล้าถึงกับขากถุยใส่จอ
TV ในขณะที่นายกเหล่ทรราชออกอากาศกันทั่วหน้า


หัวข้อ "คอร์รัปชั่น"
ที่กล่าวถึงเรื่องการตรวจสอบค่าใช้จ่ายงบประมาณรัฐให้มีความคุ้มค้าโปร่งใส
โดยนายกเหล่ทรราชจะตั้งคณะกรรมการร่วมโกงกินขึ้นเพื่อติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ
(คตร.) และฝ่ายต่างๆ
ของคสช.เพื่อทำให้ในหลายโครงการสามารถลดงบประมาณลงได้จำนวนหนึ่งเพื่อสร้างภาพแท้จริงคือ
ต้องการให้คณะกรรมการร่วมโกงกิน
เว้นการกระทำในเนื้องานและคุณภาพงานให้แย่กว่าเดิมอันนี้เป็นตัวอย่างสำคัญประการหนึ่งที่คณะกรรมการร่วมโกงกินทุกคนต้องช่วยกันโกงกิน
รัฐทหารทรราชจะคอยช่วยกันดูแลให้การทุจริตเป็นไปอย่างเรียบร้อยไม่เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรก็แล้วแต่
จะเข้ากระเป๋าคสช.ถ้าหากประชาชนที่เฝ้าระวัง หน่วยตรวจสอบก็เข้าไปตรวจสอบ
จับคุมหรือแม้กระทั่งไม่จำเป็นต้องออกหมายจับเอาเข้ากรมกองอบรมปรับทัศนวิสัย
และก็ให้มันเซ็นชื่อตาม TOR ที่ทำไว้ก็จะลดการลุกฮือลงได้หมด
เพราะฉะนั้นนายกเหล่ทรราชจึงฝากเรื่องนี้ไปแล้ว
และเคยมีนโยบายเรื่องนี้ไปแล้วให้ถือว่าเป็นวาระความมั่นคงของชาติ
ก็ไม่รู้ว่าชาติในทัศนะคติของนายกเหล่ทรราชคืออะไร? ...ชาติคือความสุข
ความมั่นคงในฐานะทางการเงิน ของ นายกเหล่ฯ ทรราช และสมุนเท่านั้นหรือ?


เมื่อปีที่ผ่านมางบกระทรวงกลาโหมกว่า 170,285,022,900 บาท
ยังไม่ทำให้ ประเทศไทยเจ๊งไม่พออีกหรือที่มุ่งสะสมอาวุธราคาแพง
ไม่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สวนทางกับทั่วโลกที่พยายามลดการสะสมอาวุธ
ที่ผ่านมากองทัพอนุมัติงบประมาณนำไปซื้อยุทโธปกรณ์ไร้คุณภาพ เช่น GT200
เรือเหาะ โครงการเรือดำน้ำ รถยานเกราะล้อยางเซียงกง
ที่ผ่านมาการจัดซื้อยุทโธปกรณ์มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเอื้อประโยชน์ให้ทหารเองและพวกพ้อง
ที่ทหารระบุว่าจะสร้างความมั่นคงให้คนในชาติแต่กลับนำไปสร้างความมั่นคงต่อรัฐทหารเสียเอง
รวมถึงการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า
แล้วออกมาแก้ตัวแบบคนที่นุ่งผ้าถุงยังอายแทนเลยถึงข้อกล่าวอ้างต่างๆ นาๆ
ประกอบกับอดีต ผบ.ทบ.ในสมัยนั้นหรือ
นายกเหล่ทรราชสมัยนี้ออกมาพูดว่าการที่ทหารติดกล้องที่ปืนเป็นกล้องส่องนกเพื่อยิงนกก็คงใช่ครับ
เพราะการฆ่าประชาชนในครั้งนั้นคือยุทธการยิงนกในกรงมีการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธ์ร่วมร้อยศพ
บาดเจ็บ พิการ อีกสองพันคนในปี 52-53


การไม่เชื่อใจคนบางคน อย่างนายกเหล่ทรราชที่พูดโกหก
หลอกลวงตอแหลมาตลอดนั้น
และเชื่อว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นการจัดซื้ออาวุธของกองทัพหลายเรื่อง
โดยเฉพาะของกองทัพบกซึ่งกองทัพต้องติดร่างแหไปกับคนเหล่านั้นหลายครั้งหลายหนเพราะการอนุมัติแบบลับๆ
เปิดเผยไม่ได้ ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศขอเอกสารก็ไม่ให้
ขณะที่เอกสารข้อเท็จจริงเปิดให้ดูแค่ 5 นาทีจากนั้นมีนายทหารโทรไปหา
กำชับให้กรรมาธิการฯในสมัยนั้นพยายามปิดบังข้อมูลไม่ให้หลุดรอดออกไป
ทั้งที่มีการเร่งรีบอนุมัติงบตามที่กองทัพร้องขอ ทั้งที่ขอแขวนงบไว้อาทิ ปืน
50,000 กระบอก รถสรรพาวุธรถถัง 7,200 ล้าน เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวน 1,800 ล้าน
รถบรรทุกขนาดใหญ่
ซึ่งติดใจเพราะมีราคาแพงกว่าและไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในกองทัพ
จึงเป็นรายการคุณขอมาจากกรมทหารราบที่ 11 รอ. ที่ได้ร่วมกันเข่นฆ่าประชาชนในปี
52 – 53 ที่แล้วมา


สมัยบัง 3 จิ๋ม
มีการโกงกินในการจัดซื้อรถหุ้มเกราะมีความผิดปกติในการจัดซื้อรถยานเกราะล้อยาง
96 คันของกองทัพบก มีการใช้อภิสิทธิ์ของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
อดีตผบ.ทบ.และประธานคมช.
อีกทั้งสเป๊กรถทางสตง.คัดค้านว่าไม่ได้มาตรฐานโดยเฟสสองในปี 52-54
ใช้งบผูกพันอีก 121 คัน ราคา 5,000 ล้านบาท ใช้วิธีพิเศษคัดเลือกแก๊ง 3
ป.ออฟกลาโหม
สร้างความร่ำรวยมีเงินเข้ากระเป๋ากันแบบทั่วหน้าไม่ว่าจะเป็นประวิทย์ ประยุทธ
และอนุพงษ์ โดยการสั่งซื้อแต่ละอย่างแพงเกินจริง
ถึงแม้พรรคเพื่อไทยในสมัยนั้นจะอภิปรายในการจัดซื้ออาวุธของกองทัพที่ไม่ชอบมาพากล
แต่กรรมาธิการงบประมาณไม่สนใจ เช่น การจัดซื้อเรือเหาะมูลค่า 304 ล้านบาท
เบิกจ่ายงบไปแล้ว 100%
ทั้งที่สินค้าไม่มีคุณภาพอุปกรณ์ควบคู่ไม่สามารถใช้งานได้ที่สุดจอดทิ้งไว้จนผ้าใบเสื่อมสภาพและกำลังจัดซื้อผ้าใบมาปะผุ
กองทัพระบุราคาเรือเหาะกับเครื่องไม่รวมกล้อง 102 ล้านบาท
แต่ตรวจสอบกับศุลกากรราคา 50
ล้านบาทและต้องสั่งจำหน่ายออกในนามนายกเหล่ทรราชในเวลานี้
เนื่องจากทนเสียงสาปแช่งด่าของประชาชนที่เห็นกองทัพทรราชโกงกินไม่ไหว
เช่นเดียวกับการจัดซื้อเครื่องบินกริฟเพนจากสวีเดนมูลค่า 1.9
หมื่นล้านบาทไม่รวมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ควบคู่ เช่น จรวดราคา 20 ล้านบาทต่อชิ้น
กระสุนซ้อมยิงมูลค่า 4 พันบาทต่อนัด ซึ่งทอ.ต้องใช้ปีละ 5 หมื่นนัด
ส่วนการซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครนจ่ายเงินไปแล้วกว่า 500
ล้านบาทแต่ยังไม่เห็นรถสักคัน การจัดซื้อชุดปราบจลาจล 66
ล้านบาทจากอินโดนีเซีย ราคาต่อชุด 1.3-1.6 หมื่นบาท ทั้งๆ
ที่ไทยผลิตได้เองในราคา 9 พันบาทต่อชุดเท่านั้น
นั่นคือความอัปยศอดสูของกองทัพที่ได้โกงกินจากรุ่นสู่รุ่นไว้กับแผ่นดิน


ให้จับตา "บิ๊กป้อม" ถึงแม้จะมีข่าวว่าเป็น รมต.กระทรวงกลาโหม
เพราะยังค้างคาเรื่องการโกงกินในการจัดซื้อรถเกราะล้อยางจากยูเครนเกรงว่าพล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม
ต้องติดคุกตอนแก่หรือไม่ก็ถูกประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศกระทืบตาย



No comments:

Post a Comment